ตลาดโซดาปี 67 ซึม ผลพวงเหล้าสีซบหนัก 'สิงห์' ผู้นำตลาด เร่งแผนส่งออกเกาหลี

“ฐิติพร ธรรมาภิมุขกุล” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ฉายภาพตลาดโซดาในประเทศไทยปี 2567 มีจำนวนประมาณ 510-520 ล้านลิตร เผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ตามตลาดสุราสีของประเทศไทย หดตัวลง 10% เนื่องจากการบริโภคของโซดา มีความเกี่ยวข้องเหล้าสีถึง 50% ส่งผลให้ตลาดรวมโซดาในปีนี้ชะลอตัวลงไปประมาณ 5% 

"ทั้งนี้เมื่อประเมินถึงการบริโภคโซดาในประเทศไทย นำไปใช้หลากหลายมาก ทั้งนำไปผสมกับวิสกี้ 70% ต่อมา นำไปผสมเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 20% ส่วนการดื่มโซดาแบบเปล่ามีประมาณ 10% โดยสิงห์ที่เป็นผู้นำตลาด โซดา ในไทยมายาวนาน ได้เน้นทำการตลาด มุ่งกระตุ้นให้คนไทยนำโซดาไปเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ต่างๆ เพิ่มขึ้น"

สิงห์ ร่วมมือ "ฮาร์เลย์-เดวิดสัน" ออกสินค้าใหม่ ขยายกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้เมื่อประเมินภาพรวมตลาดสุราสีของประเทศไทยหดตัวลงตามการบริโภคในประเทศ จากเดิมมีช่องทางหลักที่เป็น ออนพรีมิส ที่เป็นกลุ่มร้านอาหาร ผับ บาร์ และสถานบันเทิง เป็นตลาดหลักที่กลุ่มลูกค้านิยมออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ โดยภาพรวมตลาดโซดาหดตัวลงต่อเนื่อง 2-3 ปี ภายหลังโควิด 

สำหรับโซดาสิงห์อยู่ในตลาดมาร่วม 70-80 ปี และเป็นผู้นำในตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาด 91-92% ยังมุ่งขยายตลาดอย่างเข้มข้นตลอดปี ทั้งใช้งบ 100 ล้านบาท ร่วมจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นการบริโภค

อีกทั้งได้ร่วมมือกับแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานของโลกอย่าง ฮาร์เลย์-เดวิดสัน (Harley-Davidson) ถือเป็นการคอลแลปของแบรนด์ระดับตำนาน โดยโซดาสิงห์อยู่ในตลาดมาประมาณ 70-80 ปี ส่วนฮาร์เลย์-เดวิดสัน ก่อตั้งมากว่า 120 ปี ซึ่งสิงห์เป็นแบรนด์เครื่องดื่มแรกในภูมิภาคเอเชียที่ได้ร่วมมือกับ ฮาร์เลย์-เดวิดสัน

อีกทั้งได้มีการเปิดตัวโซดาดีไซน์ฉลากพิเศษลิมิเต็ดเอดิชัน รวมกับรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson Low Rider™ S ได้ตกแต่งพิเศษด้วยลายกราฟิกเช่นเดียวกับดีไซน์ฉลากโซดารุ่นพิเศษลิมิเต็ดเอดิชัน ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าได้ร่วมลุ้นผ่านแคมเปญนี้ 

ทั้งหมดจะร่วมสร้างสีสันให้กับตลาดเครื่องดื่มของไทย พร้อมร่วมขยายฐานของลูกค้าของทั้งแบรนด์ในกลุ่มใหม่ๆ 

ขยายส่งออก - สนใจตั้งโรงงานในเกาหลีใต้

นอกจากในประเทศที่รุกตลาดตลอดทั้งปี บริษัทได้มีการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผ่านการส่งออกไปในเกาหลีใต้และประเทศจีน เพื่อขยายฐานลูกค้าผ่านการมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าในแต่ละประเทศ 

แผนรุกตลาดต่างประเทศ ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรมคอนเสิร์ต การทำกิจกรรมผ่านคนดัง เพื่อทำให้เกิดการทดลองสินค้า โดยตลาดที่มีการเติบโตดีมากคือ "เกาหลีใต้" มาจากลูกค้าที่เมื่อมีการใช้ผลิตภัณฑ์เห็นความแตกต่างในเรื่องความซ่า เมื่อเทียบจากแบรนด์ที่มีอยู่ของเกาหลีใต้ ทำให้ในปีที่ผ่านมาสร้างยอดขายเติบโตขึ้นเท่าตัว 

อีกกลยุทธ์สำคัญคือ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างอยู่ในรูปแบบของ ขวดแก้ว ที่ให้ความรู้สึกสินค้ามีความพรีเมียม ส่วนราคาสินค้าที่ทำตลาดในเกาหลีจะสูงกว่าประเทศไทยพอสมควร เนื่องจากเป็นการส่งออกไป ส่วนราคาในไทยอยู่ที่ 10 บาท ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่า หากยอดขายในตลาดเกาหลีสามารถขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง มีความสนใจสร้างโรงงานในเกาหลีใต้เช่นกัน

สำหรับรายได้รวมของกลุ่มโซดาในปีนี้ สัดส่วนแบ่งเป็น ในประเทศ 90% ต่างประเทศ 10% โดยมีตลาดหลักทั้ง เกาหลีใต้, จีน และฮ่องกง เนื่องจากกระแสความสนใจกลุ่ม สุราโซดา (High Ball) สูงขึ้น โดยทำให้ประเมินว่าใน 2-3 ปี สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะขยายเป็น 15%

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมกลุ่มสิงห์มีรายได้จากธุรกิจแอลกอฮอล์เป็น 80% ของรายได้รวม ส่วนธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 20% 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ