‘กุลิศ’พลิกเต็งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ‘กิตติรัตน์‘ ยังติดบ่วง ‘คดีการเมือง’

ความคืบหน้าล่าสุดของการเลือกประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แทนที่นายปรเมธี วิมลศิริ ที่หมดวาระเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่กระทรวงการคลัง และธปท.ได้เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ธปท.จำนวน 3 คน ได้แก่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์  ศาสตราจารย์ประจำสาขากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 ทั้งนี้คณะกรรมการบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด และกรรมการ ธปท.ที่มีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมาแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปโดยเลขานุการของคณะกรรมการได้แจ้งขอระยะเวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครเพิ่มเติม

นายสถิตย์ประธารกรรมการสรรหาฯ เปิดเผย “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าล่าสุดยังไม่ได้รับการแจ้งจากฝ่ายเลขาฯว่าจะนัดหมายประชุมฯนัดต่อไปเมื่อไหร่ โดยเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาฝ่ายเลขานุการยังบอกว่าขอเวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติให้รอบครอบถี่ถ้วนก่อน

สำหรับกรอบระยะเวลาการคัดเลือกได้วางไว้ 120 วันนับจากวันที่ประธานกรรมการคนเดิมหมดวาระแล้วสามารถรักษาการต่อไปได้ตามกฎหมาย คือตั้งแต่  16 ก.ย. 2567 ไปจนถึง 16 ม.ค.2568 แต่คาดว่าระยะเวลาในการสรรหาคงไม่ต้องใช้เวลานานถึงขนาดนั้นเชื่อว่าหลังจากที่ฝ่ายเลขาฯและคณะทำงานของ ธปท.ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จแล้วคณะกรรมการสรรหาฯก็จะสามารถตัดสินได้ เพราะยึดตามข้อกฎหมายที่กำหนดไว้

รายงานข่าวจาก ธปท.ระบุถึงทิศทางของการคัดเลือกประธานบอร์ด ธปท.ว่าที่ผ่านมาชื่อของนายกิตติรัตน์จะเป็นตัวเต็งที่จะได้นั่งเก้าอี้ประธานบอร์ด ธปท.แต่ปัจจุบันมีประเด็นที่คณะกรรมการต้องพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ รายงานข่าวจากธปท.ระบุว่าการพิจารณาคุณสมบัติของผู้จะดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติให้น้ำหนักในเรื่องคุณสมบัติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้อกำหนดที่เขียนไว้ตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.ธปท.โดยเฉพาะคุณสมบัติที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง และคุณสมบัติว่าต้องไม่เคยต้องโทษตามคำพิพากษา เช่นหากเคยต้องโทษพิพากษาให้จำคุกก็จะถือว่าขาดคุณสมบัติ

ส่วนเรื่องของคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันระหว่างกรรมการสรรหาอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของนายกิตติรัตน์ที่เคยเป็นสมาชิกและกรรมการบริหารพรรคการเมือง เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (เศรษฐา ทวีสิน)

อย่างไรก็ตามในขณะนี้มีประเด็นที่กระทบกับคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งคณะกรรมการสรรหาต้องพิจารณาด้วยคือเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติให้ทำหนังสือส่งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ในคดีที่ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้อง นายกิตติรัตน์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.พาณิชย์ไม่สั่งให้มีการตรวจสอบการระบายข้าวเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว หรือคดีข้าวบลูล็อก

 

ทั้งนี้การส่งคดีนี้ไปให้ อสส.เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อขออุทรณ์คดีนี้ของ ปปช.เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการพิจารณาคัดเลือกตำแหน่งประธานบอร์ด ธปท.ซึ่งตามขั้นตอนแล้วต้อง อสส.ต้องใช้เวลาในการพิจารณาเรื่องจาก ปปช.ว่า อสส.จะส่งให้ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาหรือไม่ และหากส่งต่อไปอุทรณ์ยังศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้รื้อคดีขึ้นมาพิจารณาก็จะใช้ขั้นตอนค่อนข้างยาวนานอาจทำให้ขั้นตอนการทำงานของคณะกรรมการคัดเลือกประธานและกรรมการในบอร์ด ธปท.จะต้องลากยาวออกไป

รายงานข่าวระบุว่าจากประเด็นเรื่องความเกี่ยวข้องกับการเมือง กระแสการต่อต้านการแทรกแซงความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากฝ่ายการเมือง รวมทั้งคดีข้าวบลูล็อกที่ ป.ป.ช.ขอให้ อสส.อุธรณ์คดีต่อศาลฎีกาฯ ทำให้เห็นได้ว่าโอกาสที่นายกิตติรัตน์จะเป็นประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ไม่ง่าย และมีความสุ่มเสี่ยงว่าอาจจะผิดข้อกฎหมาย ทำให้กระแสประธานบอร์ดแบงก์ชาติที่ทุกฝ่ายยอมรับได้จึงถูกจุดขึ้นมาให้ได้ยินมากขึ้น และชื่อของ “กุลิศ สมบัติศิริ” ก็เป็นชื่อที่ได้รับการคาดหมายว่ามาแรงและอาจจะได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาฯให้ดำรงตำแหน่งสำคัญนี้แทนเพราะโดยคุณสมบัติไม่ได้มีความใกล้ชิดกับฝ่ายการเมือง ไม่มีคดีความติดตัว และมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงิน การคลัง เป็นอย่างดีเนื่องจากเติบโตมาจากการเป็นข้าราชการในกระทรวงการคลังก่อนที่จะข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงพลังงาน

ชื่อของนายกุลิศจึงถูกชูขึ้นมาในฐานะชื่อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะนั่งประธานบอร์ด ธปท. และเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับ อยู่ตรงกลางระหว่างรัฐบาลและ ธปท.

เป็นประธานบอร์ดที่เป็นที่รับได้ทั้งจากฝากฝั่ง “รัฐบาล” และ “วังบางขุนพรหม”

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

'อิสราเอล' ปฏิเสธ รถถังโจมตีฐานทัพ UN ในเลบานอน ชี้ 'แค่ขนทหารบาดเจ็บ'

กองกำลังรักษาสันติภาพแห่งสหประชาชาติในเลบานอน (United Nations Interim Force in Lebanon: UNIFIL) รายง...

เปิดสมรรถนะจีน ‘ไม่ใช่แค่ซ้อมแต่พร้อมรบ’

ร้อยเอกหลี่ซี่ โฆษกกองบัญชาการภาคตะวันออก กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) เผยว่า การซ้อมรบ Joint Sw...

‘สหรัฐ’ เตรียมส่งทหารไป 'อิสราเอล' พร้อมระบบสกัดกั้นขีปนาวุธขั้นสูง

ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน เผยเมื่อวันอาทิตย์ (13 ต.ค.) ว่า การส่งทหารไปอิสราเอล พร้อมกับระบบต่อต้าน...

วันเดียวจบ! จีนซ้อมรบเตือนไต้หวันห้ามแบ่งแยกดินแดน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน รัฐบาลปักกิ่งประกาศเมื่อราว 18.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น 13 ชั่วโมงหลังเริ่มซ้อมรบ...