จับตา CBD COP16 ตุลาคมนี้ ทำไมสหรัฐยังเป็นประเทศเดียวที่ไม่เข้าร่วม?

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การพัฒนาของมนุษย์และการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมได้ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพของโลกตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก จำนวนชนิดพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2023 มีมากกว่า 44,000 ชนิดที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ การใช้ที่ดินและการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากทะเลเป็นภัยคุกคามหลักต่อความหลากหลายทางชีวภาพ โดยคิดเป็น 50% ของภัยคุกคามทั้งหมด

จากรายงานของ WWF ในปี 2020 ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและทะเล และมลพิษ เป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อความหลากหลายทางชีวภาพของโลก นอกจากนี้ ดัชนี Living Planet Index ซึ่งจัดทำโดย Zoological Society of London (ZSL) และ World Wildlife Fund (WWF) พบว่าขนาดประชากรสัตว์ป่าลดลงเฉลี่ย 69% ตั้งแต่ปี 1970

ในปี 2022 ประเทศที่มีดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุด ได้แก่ บราซิล อินโดนีเซีย และคองโก ขณะที่ประเทศไทยยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากการขยายตัวของเมืองและการทำลายป่าไม้

ด้วยเหตุนี้ การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้โลกของเรายังคงมีความหลากหลายทางชีวภาพที่สมบูรณ์และยั่งยืนต่อไป และทำให้นานาประเทศเห็นความสำคัญของการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity Conference of the Parties : CBD COP) 

โคลอมเบียเจ้าภาพ CBD COP16

ครั้งถัดไปของ CBD COP เป็นครั้งที่ 16 และจะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 21 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน 2024 ที่เมืองกาลี ประเทศโคลอมเบีย โดยงานนี้จะเป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากการรับรองกรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพคุนหมิง-มอนทรีออล (Kunming-Montreal) ในปี 2022 เพื่อทบทวนการดำเนินงาน การระดมทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามกรอบงานดังกล่าว การหารือเกี่ยวกับกลไกการแบ่งปันผลประโยชน์จากการใช้ข้อมูลลำดับพันธุกรรมดิจิทัลของทรัพยากรชีวภาพอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม

การประชุม CBD COP16 จะเป็นเวทีที่ประเทศต่าง ๆ ต้องแสดงให้เห็นถึงการปรับแผนยุทธศาสตร์และการดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพของตนให้สอดคล้องกับกรอบงาน Kunming-Montreal การประชุมครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศและการดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลก

กรอบ “คุนหมิง-มอนทรีออล”

กรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพโลก “คุนหมิง-มอนทรีออล” ได้รับการรับรองในระหว่างการประชุมครั้งที่ 15 ของการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD COP) ในเดือนธันวาคม 2022 กรอบงานนี้มีเป้าหมายเพื่อหยุดและย้อนกลับการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี 2030 และให้แน่ใจว่าภายในปี 2050 ระบบนิเวศของโลกจะได้รับการฟื้นฟู มีความยืดหยุ่น และได้รับการคุ้มครองอย่างเพียงพอ

การดำเนินงานที่สำคัญ

1. พื้นที่คุ้มครอง : กรอบงานนี้ตั้งเป้าหมายที่ทะเยอทะยานในการคุ้มครองพื้นที่บนบกและทางทะเล 30% ของโลกภายในปี 2030 ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งพื้นที่คุ้มครองใหม่และการจัดการที่มีประสิทธิภาพของพื้นที่ที่มีอยู่

2. ความพยายามในการฟื้นฟู : กรอบงานยังมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม โดยมีเป้าหมายในการฟื้นฟูอย่างน้อย 20% ของระบบนิเวศน้ำจืด ทางทะเล และบนบกที่เสื่อมโทรม

3. การเงินและทรัพยากร: กรอบงานเน้นความจำเป็นในการเพิ่มทรัพยากรทางการเงินเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการระดมทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน

สหรัฐฯ ประเทศเดียวที่ไม่เข้าร่วม

การประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD COP) ถูกลงนามในปี 1992 และเป็นเวทีที่จัดขึ้นทุกสองปี  แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีบทบาทสำคัญในการร่างอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD) แต่สหรัฐฯ เป็นสมาชิกเพียงประเทศเดียวของสหประชาชาติที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน ซึ่งหมายความว่าสหรัฐฯ ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม Conference of the Parties (COP) ภายใต้กรอบของ CBD อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทั่วโลกผ่านโครงการและความร่วมมือต่างๆ แม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วม CBD

สหรัฐฯยังไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น

1. ความกังวลเกี่ยวกับอธิปไตย : มีความกลัวว่าการให้สัตยาบัน CBD อาจทำให้สหรัฐฯ ต้องอยู่ภายใต้อำนาจขององค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งอาจละเมิดอธิปไตยของชาติ โดยเฉพาะในด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ

2. ปัญหาทรัพย์สินทางปัญญา : มีความกังวลว่า CBD ไม่ได้ปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐฯ อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีชีวภาพและเภสัชกรรม

3. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน : การให้สัตยาบันอาจกำหนดภาระทางการเงินต่อสหรัฐฯ ซึ่งผู้กำหนดนโยบายบางคนไม่เต็มใจที่จะยอมรับ

4. อุปสรรคทางการเมือง : การให้สัตยาบันต้องการเสียงข้างมากสองในสามในวุฒิสภา ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุเนื่องจากการคัดค้านทางการเมือง โดยเฉพาะจากฝ่ายนิติบัญญัติอนุรักษ์นิยม

ความท้าทายของไทย

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีพืชประมาณ 15,000 ชนิด คิดเป็น 8% ของพืชทั้งหมดในโลก อย่างไรก็ตาม ความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศกำลังเผชิญกับภัยคุกคามหลายประการ

ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเทคโนโลยีได้ทำให้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติเกินขีดจำกัด โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และทำให้สิ่งมีชีวิตบางชนิดที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมมีจำนวนลดลงหรือสูญพันธุ์ได้

ข้อมูลจากรายงานของ สำนักวิชาการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า สถานการณ์ความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย มีดังนี้

1) พรรณไม้ จำนวนทั้งสิ้น 12,050 ชนิด มีชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคามใน พ.ศ. 2563 จำนวน 999 ชนิด และใน พ.ศ. 2565 พบพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลกในประเทศไทย 3 ชนิด คือ ขมิ้นรางจืด ว่านแผ่นดินเย็นเห็มรัตน์ และปอยาบเลื้อย

2) สัตว์มีกระดูกสันหลัง จำนวนทั้งสิ้น 5,005 ชนิด มีชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม ประกอบด้วย ชนิดพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ใกล้สูญพันธุ์ และมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ ใน พ.ศ. 2560 จำนวน 676 ชนิด และใน พ.ศ. 2564-2565 พบสัตว์มีกระดูกสันหลังชนิดพันธุ์ใหม่ของโลกในประเทศไทย 2 ชนิด คือ กะท่างน้ำอุ้มผาง ซึ่งเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก และตุ๊กแกประดับดาว ส่วนสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังพบชนิดพันธุ์ใหม่ของโลก จำนวน 10 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนิดพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ในช่วงครึ่งปีหลังของ พ.ศ. 2565 และ พ.ศ. 2566 ยังพบสัตว์เพิ่มขึ้นอีกหลายชนิด เช่น การค้นพบมดชุติมา แตนเบียนวียะวัฒนะ แตนเบียนสะแกราช และโคพีพอด ในจังหวัดนครราชสีมา และปูมดแดง อาจารย์ซุกรี ในพื้นที่จังหวัดพัทลุงหรือเทือกเขาสูงทางภาคใต้

และ 3) จุลินทรีย์ชนิดใหม่ของโลก ใน พ.ศ. 2565 พบจำนวน 2 ชนิด คือ Savitreella phatthalungensis ค้นพบในจังหวัดพัทลุง และ Goffeauzyma siamensis ค้นพบครั้งแรกที่ประเทศไทย

นอกจากนี้ จากข้อมูลของ ASEAN Biodiversity Dashboard ในปี 2024 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าประมาณ 33% ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ โดยมีป่าที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างน้อย 18% แต่การขยายตัวของเมือง การทำลายป่าไม้ และการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พื้นที่ป่าลดลงอย่างรวดเร็ว

 

อ้างอิง: Statista, Our World in Data, World Ecomomic Forum, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักวิชาการ, Convention on Biological Diversity, World War Zero

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

แหล่งข่าวเผย อิสราเอลแจ้งสหรัฐจะทำอะไรบางอย่างในเลบานอน!

เมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า วิทยุมือถือ (ว.) ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ ได้ระเ...

ว.ฮิซบอลเลาะห์ระเบิด แปะฉลาก ‘เมด อิน เจแปน’

ภาพถ่าย ว.ฮิซบอลเลาะห์ที่ระเบิดเมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) พบฉลาก “ICOM” และ “เมด อิน เจแปน” สำนักข่าวรอยเ...

'บิลลี ไอลิช-โจ โรแกน' เชียร์'คามาลา แฮร์ริส'

เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงาน ป็อปสตาร์ “บิลลี ไอลิช” โพสต์คลิปเคียงข้างพี่ชายบนอินสตาแกรม กระตุ้นให้ผู้ต...

‘รถไฟ’ กระจายความเจริญ กรณีศึกษา: โฮคุริคุ ของญี่ปุ่น | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ได้เห็นการเชื่อมต่อด้วยระบบรางระหว่างกรุงเทพกับลาวแล้วก็อดคิดถึงรถไฟต่างประเทศไม่ได้ เพราะรถไฟไทยเรา...