หนึ่งในผู้บริหารเก่งที่มีแนวคิดการทำงานที่น่าสนใจ บุญจีรา วงศ์สุรไกร ผู้บริหารรุ่นกลางของโรงเส้นหมี่ชอเฮง ที่มีอายุเกือบศตวรรษ ที่ขอเป็นตัวเชื่อมต่อแนวคิดการทำงานของคนรุ่นเก่าเพื่อส่งไม้ต่อคนรุ่นใหม่
บุญจีรา วงศ์สุรไกร หรือ คุณแอน รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท โรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด ผู้ผลิตแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้าโปรตีนต่ำ เส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว แป้งกึ่งสำเร็จรูปทำขนม ฯลฯ ภายใต้แบรนด์ ERAWAN BRAND (ช้างสามเศียร) ส่งออกทั่วโลกทั้งทวีปอเมริกา ยุโรป เอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและโซนโอเชียเนีย ประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซึ่ง คุณแอน เล่าถึงธุรกิจว่า บริษัทเราก่อตั้งในปี 2473 ตอนนี้ก็ปีที่ 93 แล้ว บรรพบุรุษรุ่นแรกมาจากเมืองจีน เลยใช้ชื่อจีน เราเริ่มจากการผลิตเส้นหมี่ก่อน จนปัจจุบันผลิตและจำหน่าย ส่งออกผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากข้าว อาทิ แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว เส้นหมี่ เส้นก๋วยเตี๋ยว แป้งทำขนมสำเร็จรูป โดยตัวข้าวที่นำมาใช้เราอุดหนุน วิสาหกิจชุมชนในจังหวัดนครปฐม ที่ผ่านมาเรามีแค่ตราช้างสามเศียร หรือ ERAWAN BRAND แล้วตอนนี้มีแบรนด์ใหม่ที่เป็นตราไรซ์เดลี่
...
“ตอนที่มาทำงานใหม่ๆย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว แอน คิดว่าถ้าเราจะรู้เรื่องคอร์สสำคัญของธุรกิจองค์กรจริงๆ เราต้องเข้าไปที่จุดเริ่มต้น ต้องรู้ตั้งแต่ว่า Job Description ของแต่ละหน่วยงานเป็นอย่างไร ก็เข้าไปนั่งคุยหมด จนปัจจุบันคือ ดูภาพรวมของการบริหารการจัดการองค์กรโดยรวม จนมาถึงเรื่องความยั่งยืน เราช่วยสนับสนุนด้านการวางแผนงาน และกลยุทธ์องค์กร เพื่อความยั่งยืน อันนี้เป็นงานหลักที่ทำการที่เรามาเซตระบบงานตรงนี้ ทำให้ระบบงานธุรกิจครอบครัวมีความต่อเนื่อง เพราะแอนเชื่อว่า การที่เราสร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแรงเอาไว้ ผ่านการจัดการระบบ ระบบงานที่ดี ต่อให้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ภาพรวมของบริบทองค์กรเอง หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ เราจะปรับตัวได้ง่ายขึ้น เพราะว่าเรามีแพลตฟอร์มที่แข็งแรงอยู่แล้ว” ผู้บริหารคนเก่ง อธิบายการทำงาน
สำหรับในการทำงานในองค์กรธุรกิจครอบครัว คุณแอน ให้แนวคิดในการสร้างความยั่งยืนขององค์กรว่า ตอนนี้ยังเป็นธุรกิจครอบครัว แต่เราอยากจะเป็นธุรกิจที่มากกว่าเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า เนื่องจากว่าทุกปีที่เราประชุมผู้บริหาร เราจะมีการพูดคุยเรื่องแผนงาน การเติบโตอย่างมั่นคง และแข็งแกร่ง ยั่งยืนด้วย ทุกคนมีความเห็นชอบมากในการนำเอา “หลักธรรมาธิบาล” เข้ามาใช้ในการขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ เพราะเราเชื่อว่าการที่เราจะเป็นมากกว่าองค์กรที่ดำเนินธุรกิจ เราจะต้องเป็นองค์กรที่มีคุณค่าด้วย ทั้งต่อพนักงาน ผู้บริหาร ลูกค้า ผู้คนในชุมชนสังคม และต่อประเทศ
และจากประสบการณ์การทำงาน ผู้บริหารสาวเก่งคนนี้ มีแนวคิดที่อยากจะแชร์สู่คนรุ่นใหม่ คือ ในอดีตเราอาจจะเป็นผู้นำ มีบทบาทเป็นผู้นำพอสมควร ไม่ว่าในเรื่องการทำโปรเจกต์ใหม่ แต่เมื่อทุกอย่างเดินไปแล้วบทบาทเราก็จะเป็นผู้ช่วยและเป็นผู้สนับสนุน เพราะว่าสุดท้ายเราต้องปล่อยให้ทีมงานเขาขับเคลื่อน เราคงไม่ได้เป็นผู้นำไปทุกเรื่อง เรายินดีมากที่จะเป็นผู้ช่วยและผู้สนับสนุน ซึ่งในการทำงานจะเป็นคนทำอะไรต้องไปให้สุด ถ้าตั้งใจทำ ต้องไปให้สุด แต่อะไรที่จำเป็นจะต้องรอ ก็จะต้องให้มันสุกงอม จะไม่ล้มเลิกเป้าหมายเพียงแต่รอจังหวะและโอกาส...แนวคิดดีๆ ของผู้บริหารเก่งคนนี้.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
