เนสท์เล่แชร์เทคนิคดูแลน้ำหนักตัวอย่างยั่งยืน คุมอาหารแบบแฮปปี้ กินได้ไม่ต้องอด

ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพดีและมีรูปร่างที่สมส่วนมากขึ้น การควบคุมอาหารจึงกลายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจผิดระหว่าง “การคุมอาหาร” กับ “การอดอาหาร” ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ ดังนั้นวิธีการดูแลสุขภาพ หรือสร้างสุขภาพที่ดี จึงควรหาจุดสมดุลที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อให้เราได้มีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจอย่างยั่งยืน

ไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเทคนิคดีๆ ในการคุมอาหารเพื่อดูแลสุขภาพจากบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด มาฝากกัน โดยนางสาวจันทิมา เกยานนท์ นักวิชาการด้านอาหารและโภชนาการ ได้เน้นย้ำว่า “การคุมอาหารไม่ใช่การงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งหรือตัดอาหารบางประเภทออกไปโดยสิ้นเชิง แต่เป็นการควบคุมปริมาณและคุณค่าทางโภชนาการให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และพยายามให้ร่างกาย ‘ใช้พลังงานมากกว่าพลังงานที่ได้รับจากการกินทั้งหมดในหนึ่งวัน’ ผลสำเร็จของการคุมน้ำหนักอย่างมีสุขภาพดี อาจไม่จำเป็นต้องเห็นตัวเลขน้ำหนักที่ลดลง แต่เป็นความรู้สึกคล่องตัว รู้สึกถึงสุขภาพที่ดีขึ้น รูปร่างที่กระชับขึ้น มวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นจากการออกกำลังกายควบคู่กับไปการเลือกรับประทานอาหารอย่างสมดุล”

...

แนะนำ 3 วิธีคุมอาหารดูแลสุขภาพ เคล็ดลับสุขภาพดีที่ทำตามได้ง่ายๆ ในทุกวัน

1. ไม่อดอาหาร แต่เน้นควบคุมปริมาณให้พอดี
ควรเลือกรับประทานอาหารให้สมดุลทั้งพลังงานและสารอาหาร ไม่กินมากหรือน้อยจนเกินไป ฟังสัญญาณร่างกายให้กินเมื่อหิวเท่านั้น แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้รู้สึกหิวมากๆ เพราะจะยิ่งเพิ่มความอยากกินมากขึ้น จนบางครั้งอาจทำให้กินเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการใช้ และที่สำคัญคือควรหยุดกินเมื่อรู้สึกอิ่ม 

2. ออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหาร
เพราะการคุมอาหารและดูแลเรื่องโภชนาการ จะช่วยทำให้น้ำหนักลดลงได้ถึง 70% ส่วนอีก 30% ต้องใช้การออกกำลังกายควบคู่อย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินหรือวิ่งเหยาะๆ ในระยะ 1.6 กิโลเมตร จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ราว 100 กิโลแคลอรี ดังนั้น หากเดิน 30 นาทีต่อวัน และทำควบคู่กับการคุมอาหาร ก็จะใช้เวลาในการลดน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัมได้ภายใน 1 สัปดาห์เท่านั้น 

3. ตั้งเป้าหมายเล็กๆ และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การลดน้ำหนักอย่างมีสุขภาพดีโดยไม่หักโหม คือ 0.5 - 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ โดยอาจเริ่มต้นจากการตั้งเป้าและปรับเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อย เช่น เริ่มตั้งเป้าลดน้ำหนักสัปดาห์ละ 0.5 กิโลกรัม ด้วยการลดปริมาณข้าวมื้อเย็นลงครึ่งหนึ่ง เน้นขยับเดินเคลื่อนไหวร่างกายให้เยอะขึ้น อย่างน้อย 8,000 ก้าวในสัปดาห์แรก และค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นทีละน้อยในสัปดาห์ต่อๆ ไป

คุมอาหาร คุมพลังงานอย่างแฮปปี้ ด้วยเทคนิค “บวก แบ่ง แพลน”

วิธีคุมอาหารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้โดยไม่เครียดหรือกดดันมากเกินไป อีกทั้งยังกินสิ่งที่ตัวเองชอบได้ หากรู้จักเลือกกิน และจัดสัดส่วนอาหารได้ถูกต้อง ด้วยรูปแบบ “การกินอยู่อย่างสมดุล” (Balanced Diet) เน้นความสมดุลทั้งประเภทและปริมาณ สมดุลกับความต้องการของร่างกายและความพอใจ ซึ่งการจะไปถึงความสมดุลเหล่านั้น ทำได้ง่ายๆ ด้วยการปรับการกินด้วยเทคนิค “บวก แบ่ง แพลน” มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

  • “บวก” จับคู่อาหารเพิ่มประโยชน์

ให้ดูอาหารในแต่ละมื้อ ว่ามีกลุ่มข้าวแป้ง เนื้อสัตว์ หรือผักผลไม้ครบหรือยัง หากยังไม่ครบให้เลือกเพิ่มอาหารให้ได้สารอาหารที่ครบหมู่ตามความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะสารอาหารที่เรามักกินไม่เพียงพอ เช่น ใยอาหาร ซึ่งมีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก ช่วยให้อิ่มเร็ว อิ่มนาน และยังช่วยลดการดูดซึมไขมัน และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย เทคนิคนี้ยังทำให้เรายังกินขนมของโปรดได้บ้างในช่วงลดน้ำหนัก เช่น ดื่มเครื่องดื่มธัญพืช คู่กับแซนด์วิชในมื้อเช้า เพิ่มผลไม้ลงไปในไอศกรีม หรือโรยซีเรียลธัญพืชเป็นท็อปปิ้งบนโยเกิร์ตในมื้ออาหารว่าง เป็นต้น

  • “แบ่ง” กินในปริมาณที่พอดี

แม้จะอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ก็สามารถกินขนมได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด โดยให้ใช้เทคนิค “แบ่ง” กินในปริมาณที่พอดี แบ่งใส่จานหรือชามที่เล็กลงกว่าเดิม หรือดูคำแนะนำการแบ่งกินจากฉลากโภชนาการ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่อยากกินนั้นมีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมที่เหมาะสม ซึ่งเทคนิคนี้สามารถนำมาปรับใช้ในการคุมอาหารได้

...

  • “แพลน” มื้อหนัก-เบา ให้พอเหมาะ

ช่วงที่รู้สึกอยากกินของอร่อยๆ แบบจัดเต็ม อาจจะมีสักมื้อ หรือสักวันที่จะเป็น Cheat Day เพื่อเป็นการฮีลใจและให้รางวัลตัวเองบ้าง เพียงแค่ “แพลน” วางแผนกำหนดมื้อพิเศษหรือวันพิเศษที่แน่นอน เพื่อที่จะได้กลับมากินมื้อเบาๆ ในวันอื่น การรู้จักยืดหยุ่นกับตัวเองบ้าง จะช่วยให้การควบคุมน้ำหนักทำได้อย่างต่อเนื่อง และไม่เครียดจนเกินไป

ไม่มีคำว่ายากเกินไปสำหรับการลดน้ำหนักแบบยั่งยืน ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากการคุมอาหารและดูแลสุขภาพ โดยไม่จำเป็นต้องกดดันหรือหักโหมมากจนเกินไป การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยยังคงรักษาการกินอย่างสมดุล ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน และจะช่วยให้ทุกคนบรรลุเป้าหมายสุขภาพได้อย่างยั่งยืน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

  • 5 ไอเดียจับคู่ขนม-เครื่องดื่ม เพิ่มประโยชน์แถมฮีลใจ อร่อยได้แบบบาลานซ์
  • แนะนำเทคนิคกินคลายเครียด ฮีลใจด้วยอาหาร บาลานซ์ร่างกายอย่างสมดุล

...

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...