สนค. แนะผู้ประกอบการ PCB ปรับกระบวนการผลิตรับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า "แผงวงจรพิมพ์"(PCB)  ถือเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องใช้ไฟฟ้า มีหน้าที่ในการควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของอุปกรณ์ไฟฟ้า

จากข้อมูลของ Precedence Research ผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูลตลาดเชิงลึก ระบุว่า ในปี 2023 อุตสาหกรรมแผงวงจรพิมพ์ทั่วโลกมีมูลค่า 86.8 พันล้านดอลลาร์  และคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่อง  5.8%  ต่อปี จนมีมูลค่า 152.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2033 จากอุปสงค์ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแผงวงจรพิมพ์ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ควบคุมระบบการทำงานต่าง ๆ ในยานยนต์ไฟฟ้า

สำหรับส่วนแบ่งตลาดแผงวงจรพิมพ์โลกแบ่งตามภูมิภาค พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ เอเชียแปซิฟิก มีสัดส่วน 47.14 % รองลงมา อเมริกาเหนือ สัดส่วน 27.14 %  และ ยุโรป สัดส่วน  18.2%

ขณะที่ด้านการผลิตภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นแหล่งผลิตหลัก คิดเป็นสัดส่วนกว่า  90 %  ของจำนวนแผงวงจรพิมพ์ทั้งหมดในโลก โดยมีผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์รายใหญ่ อาทิ ไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทั้งนี้ ไต้หวัน ถือเป็นผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์อันดับหนึ่งของโลกมีความพร้อมในด้านเทคโนโลยีและกำลังการผลิตมากที่สุด

ในปี 2023 มูลค่าการส่งออกแผงวงจรพิมพ์ของไทย อยู่ที่ 9.7 พันล้านดอลลาร์  ขยายตัว 4.3 % จากปี 2022 (9.3 พันล้านดอลลาร์ ) โดยส่งออกไปที่ ฮ่องกง มากที่สุด เป็นมูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ไทยนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อมาประกอบในประเทศจาก ไต้หวัน มากที่สุด เป็นมูลค่า 7.3 พันล้านดอลลาร์

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า  จากข้อมูลของสมาคมแผงวงจรไต้หวัน (TPCA) พบว่า ในปี 2023 ประเทศไทยมีการผลิตแผงวงจรพิมพ์ คิดเป็นสัดส่วน  3.8 % ของกำลังการผลิตรวมของโลก และคาดการณ์ว่า สัดส่วนจะเติบโตขึ้นเป็น 4.7 % ในปี 2025 จากการลงทุนของผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ระดับโลก

โดยไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความพร้อมในหลายด้าน อาทิ ภูมิรัฐศาสตร์ของไทยที่เอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค ต้นทุนการผลิตที่ต่ำและค่าแรงที่ไม่สูงมาก แรงงานในอุตสาหกรรมที่มีประสบการณ์มากกว่า 50 ปี โครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อมทั้งการคมนาคมและโทรคมนาคม

ปัจจุบันมีบริษัทชั้นนำมากกว่า 20 บริษัท ได้ประกาศแผนการลงทุนการผลิตในเมืองไทย โดยสาเหตุหลักของการย้ายฐานการผลิตมาจากประเด็นความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ส่งผลต่อการค้าและการลงทุนของโลก ทำให้กลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลายเป็นฐานการผลิตใหม่ด้วยความได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานและมีความเสี่ยงต่อความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ต่ำ

อย่างไรก็ตาม กระแสการย้ายฐานการผลิตแผงวงจรพิมพ์มาที่อาเซียน ไม่ได้นำพาแค่โอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไทย ในการเข้าเป็นซัพพลายเออร์ให้กับบริษัทผู้ผลิตระดับโลก

แต่ยังมาพร้อมกับการบังคับใช้ข้อกำหนดและมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ที่ถือเป็นความท้าทายใหม่ของภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทย เนื่องจากกระแสสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในฝั่งผู้บริโภค เช่น การแยกขยะและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากสีเขียวต่าง ๆ แต่ยังขยายวงกว้างไปสู่ภาคการเงินและภาคธุรกิจ เห็นได้จากมูลค่าหุ้นของบริษัทที่ประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลักของ ESG  ได้รับความสนใจจากนักลงทุน และสถาบันการเงินเป็นอย่างมาก

โดย Bloomberg สำนักข่าวด้านการเงินชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัท ESG ในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก จะพุ่งสูงถึง 25 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2025

นอกจากนี้ การบังคับใช้มาตรการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่อยู่ในนโยบาย European Green Deal  ของสหภาพยุโรป เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)  ในปี 2050 อย่างเข้มข้น ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ในหลายประเทศออกมาตรการบังคับให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องจัดทำรายงานการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (ESG Report)  เป็นประจำทุกปี

รวมถึงประเทศไทยที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนต้องนำส่ง แบบ 56-1 One Report  ต่อ ก.ล.ต. ภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี

จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และนโยบายด้านความยั่งยืน กำลังกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายทางธุรกิจที่บริษัทจะต้องทำให้สำเร็จผลควบคู่ไปกับการสร้างผลกำไรสูงสุด ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก เช่น Apple, Microsoftและ NVIDIA ได้ออกข้อบังคับสำหรับการตรวจสอบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการลดการใช้พลังงานในการผลิต ที่จะบังคับใช้กับทุกบริษัทที่เกี่ยวข้องในทุกจุดของขั้นตอนการผลิต

ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าในช่วงปี 2025 – 2030 บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่สามารถทำตามหลักของ ESG และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ จะโดนตัดออกจากเครือข่ายซัพพลายเออร์ของบริษัทไต้หวันซึ่งเป็นทั้งคู่ค้าและนักลงทุนสำคัญของอุตสาหกรรมแผงวงจรพิมพ์ไทยอีกทั้งยังเป็นซัพพลายเออร์แผงวงจรพิมพ์รายใหญ่ให้กับบริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ เช่น Apple และ NVIDIA มีความตื่นตัวในการตอบสนองต่อมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอย่างมาก

โดยภาครัฐได้ออกมาตรการในช่วงต้นปี 2024 ให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะต้องส่งรายงาน ESG Report ภายในเดือนสิงหาคมของทุกปี ในขณะที่ภาคเอกชน อาทิ บริษัท APEX ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์สัญชาติไต้หวัน ที่ตั้งฐานผลิตในไทยมากว่า 3 ทศวรรษ ได้ดำเนินการพัฒนาธุรกิจตามแนวทาง ESG ตั้งแต่ปี 2021 เพื่อตอบสนองต่อข้อบังคับทางสิ่งแวดล้อมของบริษัทคู่ค้า อาทิ การใช้พลังงานยั่งยืน (Renewable Energy) และการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ

โดยในปี 2023 APEXประสบความสำเร็จในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนขึ้นเป็นมากกว่า  2 % ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด จากการพัฒนาและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่มีกำลังการผลิต 5.1 เมกะวัตต์ (MWp) ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนต่อปีไปได้มากกว่า 3,700 ตัน อีกทั้งยังสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในการผลิตได้  11 % ส่งผลให้ประหยัดปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ไปได้ถึง 14,904 MWp ต่อปี

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรมสีเขียวนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยความเข้มข้นของวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น นำไปสู่มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่จะบังคับใช้ครอบคลุมไปทุกจุดของห่วงโซ่อุปทาน

"ผู้ประกอบการแผงวงจรพิมพ์ไทยควรให้ความสำคัญกับการศึกษากฎระเบียบ ข้อกำหนด และมาตรการเหล่านี้ เพื่อปรับเปลี่ยนการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับหลักของ ESG ซึ่งเป็นมาตรฐานสำคัญของโลกในยุคนี้ เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของบริษัท และสร้างโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายซัพพลายเออร์ของบริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก"นายพูนพงษ์ กล่าว

 ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนสามารถบูรณาการความร่วมมือกัน ทั้งด้านการสนับสนุนข้อมูลและการให้ความรู้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับข้อกำหนดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการเป็นฐานการผลิตแผงวงจรพิมพ์ในภูมิภาคอาเซียน

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

โอบามา ลุยหาเสียงช่วยแฮร์ริส เลือกตั้งสหรัฐ สูสี แม้เข้าช่วงโค้งสุดท้าย

อดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา เชิญชวนให้ชาวอเมริกันลง คะแนนเสียงให้กับรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส...

TikTok เลิกจ้างพนักงานหลายร้อยคน หลังใช้ AI ทำงานกรองเนื้อหาแทน ‘มนุษย์’

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “ไบต์แดนซ์” (ByteDance) บริษัทแม่ของ TikTok ประกาศว่ากำลังเลิกจ้างพนักงาน...

‘เฮดจ์ฟันด์ชั้นนำ’ หันมาช้อนหุ้นจีน ชี้ราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “กองทุนเฮดจ์ฟันด์ชั้นนำของจีน” หันมาซื้อหุ้นเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในฮ...

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชนยินดีไทยนั่งคณะมนตรีสิทธิมนุษชนยูเอ็น

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ออกแถลงการณ์ในวันที่ 11 ต.ค. ความว่า ตามที่ประเทศไทยได้รับการเลือ...