เปิดฉาก ‘ธีรยุทธ สุวรรณเกษร’ ศิษย์‘พุทธะอิสระ’ ใกล้ชิด‘พปชร.’

พรรคเพื่อไทย ในยุคที่ “แพทองธาร ชินวัตร” ถึงคราวต้องถูกจารึกในประวัติ ร่วมกับพรรคที่ “ตระกูลชินวัตร” ปลุกปั้น ทั้ง “ไทยรักไทย” และ “พลังประชาชน” ที่มีวาระถูกตรวจสอบ และคาดโทษขั้นสูง ถึงขั้น “ยุบพรรค”

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เวลา 11.35 น. “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ทนายความอิสระ ฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย การกระทำของ “พรรคเพื่อไทย” และ “ทักษิณ ชินวัตร” ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ทั้งการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ครอบงำการบริหารราชการแผ่นดิน ให้เอื้อประโยชน์กับคนต่างชาติ ครอบงำพรรคการเมือง คือ พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล ยินยอมให้บุคคลภายนอกพรรคครอบงำ เช่น การขับพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล หรือไม่

แม้ในคำร้องดังกล่าว ต้องการขอแค่ให้ “ยุติ” การกระทำ ทว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว สามารถลากไปสู่กระบวนการ “ยุบพรรค” ได้ในสเต็ปที่สองได้

ด้วยประเด็นที่ “ธีรยุทธ” ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญรอบนี้ ให้สังคมจับตา และถามหาว่า “ทนายความอิสระ” ที่ดำเนินการในฐานะประชาชน นั้นเป็นใคร?

และทำงานให้กับ “ขั้วอำนาจเดิม” เช่น พรรคพลังประชารัฐที่เจ็บแค้น เนื่องจากกลายเป็นผู้ถูกกระทำ ในวันที่ “ทักษิณ” กลับมาผงาด และแผ่ขยายบารมี หรือไม่?

สิ่งที่ถูกจับโยงเข้ากับ “พรรคพลังประชารัฐ” ต้นสายมาจากการเปิดประเด็นของ​ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐถึง 2 ครั้งในช่วงต้นเดือน ต.ค. ว่า “จะมีจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่จุดจบพรรคเพื่อไทย” และก่อนหน้า ที่จะยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการ 4 ชั่วโมง “แกนนำพรรคพลังประชารัฐ” คือผู้แจ้งรายละเอียดหมายสำคัญนี้

“ไพบูลย์ นิติตะวัน” กับ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” เป็นอะไรกัน?

โดยสายสัมพันธ์แล้ว พบว่า “ธีรยุทธ” เคยเป็น 1 ในกรรมการบริหารพรรคประชาชนปฏิรูป ที่ “ไพบูลย์” ก่อตั้งและนั่งเป็นหัวหน้าพรรค เมื่อปี 2561 และมีบทบาทเป็น คณะทำงานของพรรคในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในด้านกฎหมาย

ทว่า หลังจากตั้งพรรคประชาชนยังไม่ถึงปีดี “ไพบูลย์” เลือกที่จะยุบพรรคตัวเอง เพื่อย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ที่มี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นหัวหน้าพรรค แต่ “ธีรยุทธ” ไม่ได้ตามไปด้วย และเขายังเลือกเดินไปในแนวทางของ “ทนายความอิสระ” และช่วยเหลือประชาชน

หากย้อนความไปก่อนหน้านั้น “ธีรยุทธ” เจอกับ “ไพบูลย์” ครั้งแรกที่อาคารรัฐสภาเมื่อปี 2558 ครั้งที่ยังมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ “ไพบูลย์” รับบทบาทเป็น “คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและการป้องกันกิจการพระพุทธศาสนา” และครั้งนั้นมีประเด็นร้อนฉ่าในวงการผ้าเหลือง กรณี “พระธัมมชโย” แห่งวัดพระธรรมกาย จนเกิดกระบวนการตรวจสอบ บุกจับ และอายัดทรัพย์

ช่วงนั้น “ธีรยุทธ” มีนามสกุล เป็นทนายความของ “อดีตพระพุทธอิสระ” หรือ “สุวิทย์ ทองประเสริฐ” ที่ช่วยกันต่อสู้ในคดีของธัมมชโย ซึ่งครานั้น “อดีตพระพุทธอิสระ” ใช้กลไกของ “กรรมการปฏิรูปแนวทางและการป้องกันกิจการพระพุทธศาสนา” ของ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ในการตรวจสอบ

“ธีรยุทธ” ในวัย 50 ปี บอกเล่าถึงที่มาของการได้รับบทบาทเป็นทนายความของอดีตพระพุทธอิสระ ตอนหนึ่งว่า “ผมได้เข้าสู่สายธรรมะ และติดตามครูบาอาจารย์ ผู้บรรยายธรรม ซึ่งรวมถึงหลวงปู่ (อดีตพระพุทธอิสระ) ตอนนั้นหลวงปู่มีเวทีที่แจ้งวัฒนะ แต่ไม่ได้เข้าไป จนมาวันหนึ่งว่าง อยากบวช จึงไปบวชกับหลวงปู่ ช่วงปี57”

“ผมสึกออกมาแล้ว ทำงานปกติ จนวันหนึ่งมีลูกศิษย์ของหลวงปู่ที่เรียนด้วยกัน ช่วงมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนหอวังบอกว่า อยากได้ทนายความช่วยงาน ซึ่งก่อนหน้านั้นหลวงปู่ต้องการทนายมาช่วย เรื่องต่อสู้กับธรรมกาย ได้คุยกัน แต่ไม่พอใจ จนผมไปพบหลวงปู่ และตอนนั้นหลวงปู่ให้เอกสารมาอ่าน และเข้าไปจัดรายการธรรมะ แล้วบอกว่า เสร็จแล้วจะออกมาถาม ซึ่งคำถามที่หลวงปู่ถามคือ เห็นเป็นอย่างไร ผมตอบว่า เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้หลวงปู่หันไปบอกลูกศิษย์ว่า วันจันทร์ให้มันไปกับกู” ทนายธีรยุทธ ย้อนความหลัง

นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่การฟ้องคดีการเมือง และคดีสำคัญ ที่พามาให้รู้จักกับ “ไพบูลย์"

นอกจากนั้นแล้ว ในช่วงปี 2560 พบว่า “ไพบูลย์” จับมือ “ธีรยุทธ” ยื่นฟ้องในคดีที่เกี่ยวกับผ้าเหลือง อีกหลายคดี ซึ่งผลของคดีฝ่าย “ไพบูลย์-ธีรยุทธ” เป็นฝ่ายชนะ 

เส้นทางเดินของ “ธีรยุทธ” เจ้าตัวปฏิเสธที่จะเข้าสังกัดพรรคการเมือง เพราะต้องการทำงานในฐานะทนายความอิสระ เพื่อช่วยประชาชน และมีคดีที่เจ้าตัวภูมิใจ คือกรณีการช่วย “วัดบุไผ่” หรือ วัดหลวงพ่อคูณ 2 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ที่เอาชนะข้อพิพาทกับผู้มีอิทธิพล ฮุบวัด และติดตามเอาทรัพย์สินคืนวัดได้

นอกจากนั้นแล้ว “ธีรยุทธ” คือผู้ที่ยื่นร้องคดีการเมืองที่หวังผลได้ อย่างกรณีของการยื่นร้อง “พรรคก้าวไกล” มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง กรณีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาจนเป็นเหตุให้ “พรรคก้าวไกล” ถูกยุบ และ กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิทางการเมือง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เบื้องหลังของคดีนี้ มีฝ่ายสนับสนุนสำคัญ คือ “ไพบูลย์” ที่มีบทบาท และขึ้นชื่อว่า เป็น 1 ในกลุ่มต้านระบอบ “ทักษิณ” ที่มีความถนัดทางด้านกฎหมาย เพื่อเขี่ยผู้บริหารตระกูลชินวัตร เช่น “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ให้พ้นเก้าอี้บริหารมาแล้ว

คดีที่เกี่ยวกับ “พรรคเพื่อไทย-ทักษิณ” ครั้งนี้ของ “ธีรยุทธ” เมื่อประเมินถึง “คนเบื้องหลัง” และ “ฝ่ายสนับสนุน” แล้ว ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคดีประวัติศาสตร์การเมือง ที่ต้องจับตาอย่างยิ่ง.

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ประชุมอาเซียน-จีน คุกรุ่น 'ฟิลิปปินส์' เรียกร้องเร่งเจรจาปัญหาทะเลจีนใต้

ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 27 เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) อบอวลไปด้วยบรรยากาศคุกรุ่น เนื่องจ...

พายุเฮอริเคนถล่มฟลอริดาหนัก มีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ราย

"พายุเฮอริเคนมิลตัน"เคลื่อนตัวออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกแล้วในวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.67) หลังพัดถล่มใจกลาง...

‘เทสลา’ จ่อเปิดตัว Cybercabs ธุรกิจ 'แท็กซี่ไร้คนขับ' ที่ยังขาดทุนมหาศาล

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “เทสล่า” (Tesla) ของ “อีลอน มักส์” เตรียมเปิดตัว “แท็กซี่ไร้คนขับ” ที่ชื่...

‘อิสราเอล’ โจมตีกรุงเบรุต ตาย 22 เจ็บ 117 หัวหน้าฮิซบอลเลาะห์รอด

กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงานว่า การโจมตีกรุงเบรุต ประเทศเลบานอนของอิสราเอล เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ต.ค...