“สมคิด” ยืนยัน “นายกฯ อิ๊งค์” และเพื่อไทยไม่กังวล แถมขำด้วยซ้ำ “ไพบูลย์” ขู่ 10 ต.ค. จุดเริ่มต้นจุดจบแกนนำรัฐบาล บอก ไม่มีประโยชน์ เย้ย ถ้าอยากเป็นนายกฯ หาเสียงให้ได้เกินครึ่ง แล้วมาสู้กันในสภา
วันที่ 9 ตุลาคม 2567 นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุให้จับตา เวลา 07.00 น. วันที่ 10 ตุลาคม 2567 จุดเริ่มต้นจุดจบแกนนำรัฐบาล ว่า พรรคเพื่อไทยทุกคนไม่ได้กังวล แถมขำด้วยซ้ำที่บอกว่าจะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีและยุบพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าไม่มีเหตุอะไรที่จะทำให้เกิดเรื่องในวันพรุ่งนี้ การให้ข่าวดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดความสับสนมากกว่า
เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ จะมีปัจจัยอะไรที่จะเป็นเหตุให้ยุบพรรคเพื่อไทย นายสมคิด ระบุว่า หากจะยุบพรรคเพื่อไทยก็เห็นมีการยื่นมาหลายเรื่องแล้ว ซึ่งหากจะยุบพรรคจริงทุกอย่างมีกระบวนการ เราไม่ได้กังวลว่าจะถูกยุบ เพราะมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่ ส่วนที่มีการบอกว่าอาจถึงขั้นมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี และเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก โดยเฉพาะมีชื่ออดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยนั้น ตนอยากให้มาเล่นกันในกระบวนการของสภาดีกว่า เพราะสภาจะเป็นผู้กำหนด นายกรัฐมนตรีถูกเลือกโดยสภา แล้วจะมาเลือกจากคนนอกได้อย่างไร
นายสมคิด กล่าวต่อไปว่า ตนไม่เชื่อ เพราะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 ยังมีอยู่ ทั้ง นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันเป็นองคมนตรี ซึ่งหากจะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรืออะไรก็ตาม ก็ต้องอยู่ในกระบวนการ ดังนั้น ตนไม่อยากให้ประชาชนเกิดความสับสน ขณะนี้รัฐบาลยังเดินหน้าเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังทำงานเหมือนเดิม
...
“ข่าวบางข่าวก็สร้างเอามันเข้าว่า เอาความสะใจเข้าว่า ผมไม่อยากให้คนในระดับเลขาธิการพรรคมาพูดแบบนี้ เราจะเล่นอะไรอยากให้อยู่ในกระบวนการสภาดีที่สุด ถ้าท่านหรือใครอยากเป็นนายกฯ ก็ต้องหาเสียงให้เกินครึ่งมาล้มกัน มาว่ากันในสภา ทุกอย่างต้องเอาสภาเป็นตัวตั้ง อย่าเล่นกันเพลินเดี๋ยวจะไม่มีสภาให้เล่น ต้องเอาสภาเป็นหลัก ใครได้เยอะก็ว่ากันตรงนั้น แต่วันนี้ยังไม่มีเหตุอะไรต้องเปลี่ยนนายกฯ”
ส่วนคำถามมองว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังมีความหวังที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ใช่หรือไม่ นายสมคิด ระบุ ตนไม่แน่ใจว่าที่นายไพบูลย์ออกมาพูดนั้น จะสื่อว่าต้องการให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือจะหมายถึงใคร แต่วันนี้ยังมีสภาอยู่ และนายกรัฐมนตรีแพทองธารก็เพิ่งทำงานได้เดือนกว่า แล้วจะเอาอะไรอีก สำหรับกระบวนการว่าจะยุบพรรคหรือไม่ตามที่มีการร้องนั้น นายสมคิดเผยว่า มันยังอีกยาว เดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะหลายพรรคก็โดนแบบนี้ รัฐบาลโดนร้องหลายประเด็น จนบางครั้งผู้ร้องยังจำไม่ได้ว่าร้องเรื่องอะไรบ้าง และไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญหรือผู้ตัดสินจะตัดสินตรงไหน ดังนั้นต้องใช้เวลา
“ขอประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจว่าพรุ่งนี้ 07.00 น. มันจะมีอันเป็นไป ผมว่ามันไม่มีหรอกครับ พรุ่งนี้ตื่นมากินกาแฟ มาทำงานเหมือนเดิม ไม่มีปัญหา”
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ทางพรรคพลังประชารัฐอาจไม่ได้หวังให้ พล.อ.ประวิตรได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อาจจะหวังแค่ล้มรัฐบาลหรือล้มพรรคเพื่อไทยได้เท่านั้น นายสมคิดกล่าวว่า ล้มแล้วอย่างไร จะไปอย่างไร เพราะเป็นการยกมือในสภาเป็นหลัก อย่างไรเราก็เยอะกว่า ทั้งนี้เมื่อถามว่าเป็นการทำให้ระส่ำได้หรือไม่ นายสมคิดตอบว่า ถ้าคิดว่าจะทำให้เราระส่ำ ตนว่ามันไม่มีประโยชน์ เพราะจะทำให้ประชาชนสับสน เรื่องนี้ตนคุยกับรัฐมนตรีหลายคนต่างก็บอกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร และเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้กังวลใจใดๆ มีแต่ห่วงม็อบขอให้ตนได้คุยและเคลียร์กับม็อบให้รู้เรื่อง ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะคุยอย่างไร เพราะปกติก็คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ก็ปล่อยให้เขาอยู่ไป.
