ส่อง “กฎหมายโลกร้อน” ไทยฉบับแรก...เข้มแต่ดี
วันที่ส่ง: 15/05/2024 - ผู้เขียน: กรุงเทพธุรกิจ
โดยคาดว่าจะได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ทันกลางปี 2567
การเร่งร่างกฎหมายโลกร้อนแข่งกับเวลาในขณะนี้ เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่เรากำลังเจอแต่ข่าวอากาศร้อนทุบสถิติใหม่ น้ำทะเลอุ่นจนปะการังฟอกขาว พืชไร่เหี่ยวแห้งตายยกสวน ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่น่าอภิรมย์เหล่านี้ย้ำเตือนถึงผลกระทบจากโลกร้อนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่เปิดประตูก้าวออกจากบ้านก็รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่กำลังแผดเผาความเป็นอยู่ของทั้งมนุษย์ สัตว์ และแม้กระทั่งพืชอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
จุดมุ่งหมายของ พ.ร.บ. นี้ คือจัดการปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้บริบทของไทย มีสาระสำคัญเน้นการลดการปล่อยก๊าซและการปรับตัว ถือได้ว่าเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมกว้างขวางมากกว่า พ.ร.บ. สิ่งแวดล้อมฯ เดิม โดยเฉพาะเรื่องมาตรการทางการเงิน ซึ่งจะเป็นการนำค่าปรับที่ได้จากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายไปช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถจัดทำรายงานคาร์บอนและดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป
ดังนั้น กฎหมายนี้จึงกำหนดหมวดต่างๆ เกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนานโยบายและแผนแม่บทการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การปรับปรุงการรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยมอบอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจนแก่หน่วยงานต่างๆ ระบบภาษีคาร์บอน และบทลงโทษว่าด้วยโทษปรับสำหรับผู้ที่ยังไม่ยอมเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานรัฐหรือบริษัทเอกชน บทลงโทษตรงนี้เองที่ทำให้กฎหมายใหม่นี้เป็นที่จับตาจากภาคเอกชนที่ต้องปฏิบัติตาม
บทกำหนดโทษที่กำหนดตามร่างกฎหมายโลกร้อน ฉบับที่ใช้เพื่อรับฟังความคิดเห็นสาธารณะทั่วประเทศระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ - 27 มีนาคม 2567 (อาจมีการปรับแก้อีกครั้งก่อนเสนอ ครม.) มีดังนี้
ผู้ใดไม่จัดเก็บหรือรายงานข้อมูลกิจกรรมภายในระยะเวลาที่กำหนดในหนังสือแจ้งเตือนโดยไม่มีเหตุอันสมควร ต้องชำระค่าระวางโทษปรับทางปกครองตั้งแต่หนึ่งหมื่นถึงหนึ่งแสนบาท และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ผู้ใดจงใจรายงานข้อมูลอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อมูลอันพึงรายงาน เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องชำระค่าระวางโทษปรับทางปกครองตั้งแต่สามหมื่นถึงสามแสนบาท และปรับอีกวันละไม่เกินสามพันบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติถูกต้อง บรรดาความผิดตาม พ.ร.บ. นี้ ให้คณะกรรมการพิจารณาค่าปรับทางปกครอง มีอำนาจออกคำสั่งลงโทษปรับทางปกครองตามอัตรา หลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
แน่นอนว่าในการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานและปรับใช้หลักเกณฑ์ใหม่ๆ เหล่านี้ มีความเข้มข้นและส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ ระบบภาษีคาร์บอน ซึ่งให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีหน้าที่เสียภาษีคาร์บอนแบบอัตราก้าวหน้าแก่กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และกรมสรรพากร รวมถึงกิจการบางประเภทอย่างผู้ประกอบการพลังงานและผู้ประกอบกิจการโรงงาน ที่ พ.ร.บ. กำหนดให้ต้องรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดตั้งฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
แม้ทั้งหมดนี้เสมือนเป็นการ “บังคับ” ให้เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่สำหรับองค์กรต่างๆ ในไทย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พ.ร.บ. นี้เป็นการกำกับควบคุมที่จำเป็นเพื่อเร่งลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วยกลไกทางเศรษฐศาสตร์และมาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ยังมีเวลาเตรียมตัวกันอีกหลายปีก่อนที่จะบังคับใช้จริง โดยเริ่มใช้มาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Thailand Taxonomy) เป็นจุดอ้างอิงก่อน เพื่อให้พร้อมปฏิบัติตาม พ.ร.บ. นี้ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ครับ
คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ
จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief
รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...
‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’
นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...
เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า
“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...
“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...
ยอดวิว