ส่องสถานะ 'นกเงือก' นกโบราณ บ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า

นกเงือก หรือ “Hornbills” นกโบราณขนาดใหญ่ที่มีวิวัฒนาการมากว่า 50 ล้านปี ลักษณะเด่นคือ มีจะงอยปากหนาใหญ่ มีโหนกทางด้านบนเป็นโพรง และส่งเสียงร้องได้ดังกังวาน บนโลกมีอยู่หลากหลายพันธุ์ถึง 52 ชนิด บวกกับ Ground Hornbills อีก 2 ชนิดเป็น 54 ชนิด ส่วนใหญ่พบอาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าดิบเขตร้อนของทวีปแอฟริกาและเอเชีย เขตร้อนของทวีปเอเชียมีนกเงือกหลากหลายถึง 31 ชนิด และในประเทศไทยมีนกเงือกอยู่ 13 ชนิด

 

นกเงือก กับระบบนิเวศป่า

“มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก” อธิบายว่า “นกเงือก” ถือเป็นนกที่ไม่มีสีสันสะดุดตา ขนมักมีสีดำ-ขาว บางชนิดมีขนสีน้ำตาล หรือ เทา ส่วนที่มีสีฉูดฉาดอยู่บ้างก็เป็นหนังเปลือย เช่น หนังบริเวณคอ หนัง ขอบตา แต่สีเหลืองสดจัดจ้านที่ปรากฎบนส่วนขนสีขาว หรือบริเวณปากและโหนกของนกกก นกเงือกหัวแรด และนกชนหินนั้น มาจากสีของน้ำมันที่นกทาและแต่งแต้มขึ้นเพื่อรักษาสภาพของขน เปรียบเสมือน “เครื่องสำอาง” ผลิตโดยต่อมน้ำมันซึ่งอยู่บนโคนหาง

 

บทบาทเด่นของ “นกเงือก” ในระบบนิเวศป่า คือ ช่วยกระจายพันธุ์ไม้กว่า 200 ชนิดที่มีประสิทธิภาพมาก เนื่องจากพฤติกรรมการเลือกกินผลไม้ที่สุก และนำพาเมล็ดไปทิ้งในพื้นที่ต่างๆ จึงเป็นตัวช่วยปลูกป่าและปลูกแหล่งอาหาร ทั้งของนกเงือกและสัตว์ป่าอื่นๆ และยังรักษาความหลากหลายของพืชและสัตว์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

  • ย้อนรอย 5 การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของโลก และครั้งที่ 6 จะเกิดขึ้นหรือไม่ ?
  • 'สัตว์ที่หายไป' โดยไม่ต้องรอการสูญพันธุ์ครั้งที่ 6
  • นับถอยหลัง วันมนุษย์สูญพันธุ์ เปิดปัจจัยที่จะทำให้จบสิ้นเผ่าพันธุ์มนุษย์

 

 

จึงจัดเป็นชนิดพันธุ์ที่เป็นร่มเงาให้กับสัตว์ชนิดอื่น (Umbrella species) ทำให้สังคมพืชเกิดความสมดุล และช่วยควบคุมประชากรสัตว์ขนาดเล็ก เช่น แมลงและหนูเป็นต้น จากความสัมพันธ์ของนกเงือกมีความอ่อนไหวต่อพื้นที่ป่าที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเหมาะที่จะจัดนกเงือกเป็นชนิดพันธุ์ที่เป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่า (Indicator species) แต่ละแบบได้อีกด้วย

 

สัตว์ป่าคุ้มครอง ใกล้สูญพันธุ์

สำหรับในประเทศไทย มีนกเงือก 13 ชนิด เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง 12 ชนิด และเพิ่งขึ้นทะเบียนเป็น สัตว์ป่าสงวน อันดับที่ 20 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2565 หนึ่งชนิด คือ “นกชนหิน” ซึ่งมีสถานะใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered) ตาม IUCN Red List

 

เนื่องจาก “นกชนหิน” เป็นสัตว์ป่าหายาก ใกล้สูญพันธุ์ จำเป็นต้องสงวนและอนุรักษ์ไว้อย่างเข้มงวด ปัจจุบันมีนกชนหินในธรรมชาติเหลืออยู่น้อยมาก ประมาณไม่เกิน 100 ตัว และมีปัจจัยคุกคามสูง เนื่องจากนกชนหินมีโหนกที่ตันและสวยงามเหมือนลักษณะของงาช้าง ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดค้าสัตว์ป่า ส่งผลให้เกิดการลักลอบล่านกชนหินอย่างมาก จนกระทั่งมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 410 แล้วก็ตาม จึงต้องยกระดับการคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าสงวน

 

ทั้งนี้ นอกจากเป็นการยกระดับการคุ้มครองทางกฎหมายที่เข้มงวดแล้ว ยังเป็นการสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ในระดับนานาชาติ ประกอบกับประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์(CITES)

 

 

ซึ่งมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องมีมาตรการในการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าอย่างเหมาะสม โดยนกชนหิน เป็นนกเงือก 1ใน 13 ชนิดของไทย มีการกระจายเฉพาะตั้งแต่จังหวัดชุมพรจนถึงจังหวัดนราธิวาส พบเป็นกลุ่มขนาดเล็กในป่าดิบชื้นระดับต่ำ มีกลุ่มประชากรหลักอยู่ในอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง

 

รายชื่อนกเงือกที่พบในประเทศไทย

  • นกกก
  • นกเงือกหัวแรด
  • นกชนหิน
  • นกแก๊ก
  • นกเงือกกรามช้าง
  • นกเงือกกรามช้างปากเรียบ
  • นกเงือกคอแดง
  • นกเงือกดำ
  • นกเงือกปากดำ
  • นกเงือกปากย่น
  • นกเงือกสีน้ำตาล
  • นกเงือกสีน้ำตาลคอขาว
  • นกเงือกหัวหงอก

 

สถานภาพในประเทศไทย

  • ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered) เช่น นกชนหิน (จัดเป็นสัตว์สงวนอันดับที่ 20 ของประเทศไทย) นกเงือกปากย่น นกเงือกดำ
  • ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered) เช่น นกเงือกหัวหงอก นกเงือกหัวแรด นกเงือกคอแดง
  • มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable) เช่น นกเงือกสีน้ำตาล นกเงือกสีน้ำตาลคอขาว นกเงือกกรามช้างปากเรียบ
  • ใกล้ถูกคุกคาม (Near Threatened) เช่น นกกก นกเงือกปากดำ นกเงือกกรามช้าง
  • ไม่ถูกคุกคาม (Least Concerned) เช่น นกแก๊ก

 

โลกร้อน ส่งผลกระทบต่อนกเงือก

มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร เผยรายงานสถานการณ์นกเงือกประจำปี ของ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (พญาไท) พบว่า นอกจากปัจจัยการคุกคามด้านศัตรูตามธรรมชาติและมนุษย์ที่ทำให้จำนวนนกเงือกลดลงแล้ว “ภาวะโลกร้อน” ยังมีผลทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยพึ่งพาหากินกับต้นไม้เช่น นกเงือก ประสบปัญหาในมิติของนกเงือกเช่นกัน เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ลดลงและอุณหภูมิโลกที่ร้อนระอุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การเข้ารังของนกเงือกลดน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก ได้วิเคราะห์ปริมาณอาหารนกเงือกที่มีอยู่ในธรรมชาติ พบว่า ผลผลิตทางอาหารของนกเงือกตามธรรมชาติ ในสภาพอากาศแห้งแล้ง อุณหภูมิสูงขึ้น ปริมาณน้ำลดลง ทำให้พรรณไม้ที่เป็นอาหารของนกเงือก ทั้ง ตาเสือ ยางโอน และไทรหลายชนิด ลดลงตามไปด้วย อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนอย่างชัดเจน ที่ทำให้การเข้ารังและการขยายพันธุ์ลดลง จำนวนประชากรลูกนกเงือกใหม่ใหม่ๆ จึงน้อยมาก

 

การถูกล่าจากมนุษย์

ภัยคุกคามจากมนุษย์เป็นสาเหตุหลักของการลดลงของประชากรนกเงือก ในประเทศไทยการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำไม้ การทำไร่เลื่อนลอย และการตั้งถิ่นฐาน เป็นสาเหตุหลักที่คุกคามนกเงือก นอกจากนี้ การล่าทั้งเพื่อการค้าและเพื่อใช้ประโยชน์อื่นๆ ยังเป็นสาเหตุที่สำคัญอีกเช่นกัน

 

นกเงือกในธรรมชาติที่ตาย ส่วนใหญ่จะถูกล่าจากมนุษย์ ที่ผ่านมาแทบไม่เคยพบนกเงือกป่วยหรือถูกงูกัดตาย เพราะงู คือ อาหารของมัน ส่วนศัตรูในธรรมชาติก็มีไม่มากนัก เช่น หมีขอ หมีหมา และหมาไม้ แต่ก็ยากที่จะมาจับนกเงือกกินเว้นเสียจากลูกและแม่นกที่อยู่ในโพรงหรือเวลาที่ลูกนกยังปิดปากโพรงไม่เสร็จ

 

ในฤดูทำรัง คือ ช่วงเวลาสำคัญของนกเงือก เพราะชีวิตของแม่และลูกต้องฝากไว้กับพ่อนกแต่เพียงผู้เดียว พ่อนกเงือกจะบินเข้าออกที่ต้นไทรและต้นผลไม้สุกวันละหลายครั้ง เพื่อเก็บผลไม้ครั้งละ1ลูก สะสมไว้ในกระเพาะพักแล้วพากลับมาป้อนให้แม่และลูกนกในโพรงรัง ด้วยสาเหตุที่ “นกเงือก” เป็นนกที่จับคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว (Monogamus) พ่อนกเงือกจึงต้องมีความรับผิดชอบสูงมากในการหาอาหาร หากพ่อนกถูกยิงตายหมายถึงอีก2ชีวิตที่รออยู่ และจะอดอาหารตายในที่สุด

 

วันรักนกเงือก

ในปี พ.ศ. 2547 มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งดำเนินการศึกษาวิจัยนกเงือกมานานกว่า 20 ปี จึงได้กำหนดให้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น "วันรักนกเงือก" เพื่อให้สังคมและประชาชนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์นกเงือกที่ใกล้สูญพันธุ์อยู่ทุกขณะ

 

อ้างอิง : โครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล , มูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก , มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร , นิตยสารสาระวิทย์ สวทช.

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...