Heineken จับมือ Siemens ร่วมกันลดการปล่อยคาร์บอนในระยะยาว

Heineken ผู้ผลิตเบียร์ระดับนานาชาติ ได้เลือก Siemens เป็นหนึ่งในพันธมิตรสำหรับแผนงาน Net Zero Production ทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความมุ่งมั่นของ Heineken เพื่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในขอบเขต 1 และ 2 ในทุกโรงงาน ภายในปี 2030*

Siemens และ Heineken จะร่วมมือกันในโปรแกรมการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระยะยาว โดย Siemens จะนำโซลูชันและบริการจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Siemens Xcelerator มาใช้ เพื่อลดการใช้พลังงานในโรงงานผลิตเบียร์และมอลต์ของ Heineken มากกว่า 15 แห่ง ซึ่งครอบคลุมโรงงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อเมริกา และยุโรป โดยจะมีการเพิ่มโรงงานในเฟสที่สอง

สำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ ยังรวมถึงการบริการให้คำปรึกษา การตรวจสอบ และให้คำแนะนำ โดยใช้เทคโนโลยี Digital Twin ด้านพลังงานในการจำลองและวิเคราะห์โรงงานของ Heineken ในโลกเสมือนจริง เพื่อระบุจุดที่จะสามารถประหยัดพลังงานได้มาก ซึ่งผลการจำลองแสดงให้เห็นว่า ประมาณ 70% ของพลังงานที่ใช้ เกี่ยวข้องกับการผลิตความร้อนและความเย็นที่จำเป็นสำหรับกระบวนการผลิตเบียร์ โดยการปรับแต่งและติตตามการทำงานของระบบทำความเย็นและทำความร้อนอย่างครบวงจร โดย Siemens คาดการณ์แต่ละโรงงานจะสามารถประหยัดพลังงานได้ประมาณ 15 - 20% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ลงได้เฉลี่ย 50% 

ดอล์ฟ ฟาน เด็น บริงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการของ Heineken กล่าวว่า ในขณะที่เรามุ่งหน้าสู่เป้าหมายใน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในขอบเขตที่ 1 และ 2 เรารู้ว่าต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดและมุ่งมั่นเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ในการปฎิบัติการทั่วโลกของเรา การรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ร่วมกับพันธมิตรอย่าง Siemens ช่วยให้เราสามารถนำความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและความรู้ด้านอุตสาหกรรมมาใช้เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม เรามีความตื่นเต้นที่จะเดินทางต่อไปกับพันธมิตรที่มุ่งมั่นในการบุกเบิกและปรับแต่งโซลูชันรุ่นต่อๆ ไป เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นศูนย์

ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ Siemens จะวางระบบโซลูชันและบริการอย่างครบวงจร สามารถปรับขนาดและทำซ้ำได้ในโรงงานทั่วโลกของ Heineken โดยใช้ข้อมูลจากการดำเนินงานของแต่ละโรงงานร่วมกับเทคโนโลยี Digital Twin ด้านพลังงาน Siemens จะออกแบบและติดตั้งระบบเพื่อผลิตความร้อนและความเย็นด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยใช้ปั๊มความร้อนที่ขับเคลื่อนด้วย พลังงานหมุนเวียน ช่วยลดการพึ่งพาไอน้ำที่เกิดจาก เชื้อเพลิงฟอสซิล ระบบนี้จะได้รับการตรวจสอบ ควบคุมและปรับให้เหมาะสมด้วยอัลกอริทึม Cooling Plant Optimization จาก Siemens ซึ่งใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจากโรงงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

มัทเธียส รีเบลเลียส สมาชิกคณะกรรมการบริหารของซีเมนส์ เอจี และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ กล่าวว่า เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในพันธมิตรในแผนงาน Net Zero ของ Heineken ซึ่งเป็นภารกิจยิ่งใหญ่ในการบรรลุเป้าหมาย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2040

"การทำงานร่วมกับ Heineken ในฐานะพันธมิตร แสดงถึงแนวทางที่ทันสมัยอย่างแท้จริงในการลดก๊าซเรือนกระจกด้วยการใช้ข้อมูลและเป็นการทำงานร่วมกันอย่างครบวงจร ทำให้เราสามารถผสานฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อคาดการณ์และส่งมอบผลลัพธ์ในระยะยาว ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทุกอุตสาหกรรมในปัจจุบัน"

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของข้อตกลงการเป็นพันธมิตรระยะยาว รวมถึงสัญญาผลงานและบริการติดตามผล จาก Siemens มีระยะเวลา 5 ปี โดยเชื่อมต่อโรงงานของ Heineken กับระบบของ Siemens เพื่อติดตามสถานะการผลิตจากระยะไกล และให้มั่นใจว่าโรงงานใช้โซลูชันที่ดีที่สุดตลอดเวลา

ตั้งแต่ข้าวบาร์เลย์จนถึงบาร์ Heineken ได้มุ่งเน้นการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ โดยทำงานใกล้ชิดร่วมกับลูกค้า ผู้บริโภค และซัพพลายเออร์ ณ สิ้นปี 2022 Heineken สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ในขอบเขต 1 และ 2 ลง 18% นับจากปี 2018 ในการบรรลุเป้าหมายนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนเป็น 58% ในปี 2022 และกำลังลงทุนในโซลูชันความร้อนหมุนเวียนสำหรับโรงงาน

ในปี 2023 เป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และ FLAG (Forest, Land and Agriculture) ของ Heineken ได้รับการอนุมัติจาก Science Based Targets initiative (SBTi) ทำให้ Heineken เป็นโรงงานผลิตเบียร์ระดับโลกแห่งแรกที่ผ่านเกณฑ์ความยั่งยืนนี้

สำหรับรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับเป้าหมายเชิงวิทยาศาสตร์ของ Heineken เข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ของ SBTi*

หมายเหตุ : 

อ้างอิงถึง Science Based Targets initiative (SBTi) ที่กำหนดให้มีการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ อย่างน้อย 90% โดยก๊าซคาร์บอนฯ ที่เหลือ 10% ซึ่งไม่สามารถกำจัดได้ จะต้องได้รับการชดเชยด้วยวิธีการเอาออกและกักเก็บแบบถาวร

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...