โรคมะเร็งปอด เป็นอีกหนึ่งในประเภทของโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีแรงกระตุ้นที่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยในทุกช่วงวัย สาเหตุหลักมาจากบุหรี่ แต่อย่างไรก็ตามโรคนี้คนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ก็สามารถเป็นได้เช่นกัน
มะเร็งปอด เกิดจากเซลล์ของเยื่อบุในหลอดลมปอดเกิดการระคายเคืองสะสมเป็นระยะเวลานาน ซึ่งมักจะเกิดในขั้วปอด และหลอดลมใหญ่ใกล้กับขั้วปอด โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักจะเกิดในผู้ที่สูบบุหรี่ถึงร้อยละ 80-90%
ปัจจุบันการเกิดโรคมะเร็งปอดมีอีกหลากหลายปัจจัยที่สามารถเกิดขึ้นได้มากมาย เนื่องจากสภาพอากาศในปัจจุบันที่เป็นพิษ และฝุ่นละอองมากขึ้น หรือการไอเรื้อรังก็ทำให้เกิดได้เช่นกัน ซึ่งทำให้ “ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่” ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ได้เหมือนกัน รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในประเภทของโรคมะเร็งที่มีคนเป็นมากที่สุดโดยรั้งอันดับ 2 จากมะเร็งทั้งหมด
6 สาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งนอกจากการสูบบุหรี่
- ฝุ่น PM 2.5
- ควันท่อไอเสียรถยนต์
- ควัน และสารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง
- ควันธูป
- ควันจากการเผา
- ควันบุหรี่ของคนใกล้ตัว
สาเหตุข้างต้นทำให้ปัจจุบันมีการรณรงค์เรื่องการปล่อยของเสียมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นหนึ่งในมลพิษทางอากาศที่สำคัญ ที่เป็นสาเหตุ และเป็นมีสารก่อมะเร็งอยู่ร่วมด้วย ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันแล้วว่า ฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าไปทำให้เนื้อเยื่อปอดอักเสบ ยิ่งรับฝุ่นมากเท่าไรยิ่งมีโอกาสเกิดมะเร็งขึ้นเท่านั้น
เช็กอาการเบื้องต้นของมะเร็งปอด
- มีอาการไอเรื้อรัง
- หายใจไม่สะดวก
- ไอปนเลือดบ่อยครั้ง
- แน่นหน้าอก และอ่อนเพลีย
- เหนื่อย และหอบง่ายกว่าปกติ
...
อย่างไรก็ตามมะเร็งปอดจึงเป็นอีกหนึ่งโรคที่ควรระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย (แม้ไม่สูบบุหรี่) ฉะนั้นควรเช็กสภาพอากาศ และพกหน้ากากอนามัยชนิดกันฝุ่นก่อนออกจากบ้านทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยจากสภาพอากาศเป็นพิษ และหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กทันที
เนื่องจากปัจจุบันมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากตรวจสอบ หรือพบเร็วในระยะแรกจะมีโอกาสรักษาหายได้ และมีผลที่ดีขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ข้อมูล : โรงพยาบาลศิริราช, สสส.