ผลงาน 30 วันแรกแก้ปากท้อง "เศรษฐา" ไม่สนค้าน 1 หมื่น ยันเดินหน้าแต่จะรับฟัง

“เศรษฐา” โชว์ผลงาน “30 วันแรกของรัฐบาลประชาชน” เร่งอัดฉีดทุกทางเพื่อปากท้องคนไทย อ้อนกองเชียร์ช่วยกันเปล่งเสียงหน่อยอย่าให้ใครมายับยั้งโครงการ แม้ไม่เห็นด้วยกับคนค้านดิจิทัลวอลเล็ต แต่รับฟังทุกเสียงที่เสนอแนะเพื่อประโยชน์ประชาชน เตรียมบินเยือนจีน-ซาอุฯ “หมออ้อม” ฟื้นบทบาท “หลังบ้านผู้นำ” ร่วมรำลึกกึ่งศตวรรษ 14 ตุลาฯ 16 ภาคประชาชนจี้รัฐบาลนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง ร่าง รธน.ฉบับประชาชนที่แท้จริง “วันนอร์” เสียดายชัยชนะที่ไร้ประสบการณ์  รทสช.สกัด ก.ก.อย่าเหมารวม 112 “ชัยธวัช” โต้ไม่มีปกป้อง  สส.หื่น “ปิยบุตร” กระตุก ก.ก.เรื่องฉาวชักถี่

หลังลุยงานหนักมาเดือนกว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง อาศัยช่องทางสื่อโซเชียลโพสต์โชว์ผลงานที่ได้ทำมา พร้อมระบุข้อความ “30 วันแรกของรัฐบาลประชาชน” ส่วนนโยบายเรือธงอย่างแจกเงิน 1 หมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต แม้ไม่เห็นด้วยกับคนที่ออกมาคัดค้าน แต่ก็พร้อมรับฟังนำไปปรับปรุงข้อบกพร่อง

“เศรษฐา” โชว์ผลงาน 30 วันแรก

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 14 ต.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านหลายช่องทางในสื่อโซเชียล ระบุว่า “30 วันแรกของรัฐบาลประชาชน ครบ 30 วันแรก ที่ผมและทีมงานเร่งดำเนินการทุกๆนโยบาย เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวไทย ผลักดันให้ประเทศไทยทัดเทียมนานาประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.จนถึง 13 ต.ค. แก้วิกฤติด้านพลังงานทันที ลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมัน ช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อปากท้องที่ดีกว่า ทั้งการพักหนี้ เพิ่มรายได้ และรับมือเอลนีโญ เปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ และส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น แก้ปัญหาปากท้องและพัฒนาโครงสร้างประเทศอย่างจริงจัง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย มาร่วมสร้าง #Chance OfPossibility เพราะ #นี่คือโอกาสของทุกความเป็นไปได้ ของคนไทยครับ”

...

ไม่เห็นด้วยกับคนค้านเงินหมื่น

ต่อมาเวลา 08.45 น.ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเครื่องไปตรวจสถานการณ์น้ำ ที่ จ.พิษณุโลก ถึงกรณีพรรคก้าวไกลเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้ยินข่าว แต่พร้อมชี้แจง ตอนนี้กำลังทำงาน มีภารกิจเยอะ รัฐมนตรีทุกคนก็มาตรงนี้หมด ทั้งเรื่องน้ำท่วมและอีกหลายเรื่องเยอะแยะไปหมด สิ่งที่อยากจะบอกคือ ที่ผ่านมารัฐบาลลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาท/หน่วย ลดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมันดีหรือไม่ ทำไมไม่มีใครบอก จำได้มั้ยน้ำมันดีเซลลงไปเหลือ 29 บาทกว่า/ลิตร ส่วนเงินดิจิทัลวอลเล็ตอยากได้หรือไม่ ไม่แน่ใจ การลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนรัฐบาลตระหนักดี สำหรับดิจิทัลวอลเล็ตอยากอธิบายให้ฟังว่า สมมติวันที่ 1 ก.พ.2567 คนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปได้คนละหมื่นบาท บ้านไหนมีสามคนห้าคนเอาไปตั้งตัวได้เลย คิดดูว่ามีประโยชน์มากแค่ไหน เงินที่ได้ไปใช้ใน กทม.ไม่ได้ ต้องใช้ในเขตที่ท่านอยู่ จะช่วยพัฒนาชุมชนที่ท่านอยู่ ไม่ใช่พัฒนาเมืองใหญ่อย่างเดียว มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่ตนก็ไม่เห็นด้วยกับคนที่ไม่เห็นด้วย แต่เรารับฟังความคิดเห็นเพราะเราเป็นรัฐบาลของประชาชน รับฟังแล้วปรับให้ดี ให้เป็นนโยบายที่โดนใจทุกคน

อ้อนอย่าให้ใครยับยั้งโครงการ

“คิดดูเดือน ก.พ.67 มีเงินมา 5.6 แสนล้านบาทเข้าไปในระบบ ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมจะเตรียมสินค้าออกมารองรับหรือไม่ จะมีการจ้างคนเพิ่มหรือไม่ เงินจะอยู่ในกระเป๋าประชาชนมากขึ้นแค่ไหน ท่านอย่ายอมให้คนที่ไม่เห็นด้วยโดยไม่มีเหตุผลมายับยั้งโครงการนี้ ถ้าชอบก็ขอให้พูดบ้าง ให้เปล่งเสียงออกมาบ้าง เรื่องลดค่าไฟค่าน้ำมันต้องพูด อย่างภาคอุตสาหกรรมที่ลดค่าไฟค่าน้ำมันท่านต้องออกมาพูดว่าท่านมีความสุข ดีใจที่รัฐบาลนี้ทำให้ เราเองก็เป็นคนเหมือนกัน ต้องการขวัญและกำลังใจเหมือนกัน บางคนที่มาด้วยกันวันนี้อยากอยู่บ้าน แต่วันนี้เข้าใจปัญหาประชาชนก็มารับฟังปัญหา เราไม่ได้มาหาเสียงแต่เรามาทำงานจริง” นายเศรษฐากล่าว

ฟังทุกเสียงเพื่อประโยชน์ ปชช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแต่ละจุดที่นายเศรษฐาลงพื้นที่ดูสถานการณ์น้ำ ที่ จ.พิษณุโลก สังเกตว่ามีกลุ่มประชาชนมาถือป้ายเรียกร้องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท โดยนายเศรษฐาได้นำป้ายที่มีข้อความว่า “อยากให้ถึงกุมภาพันธ์ อยากใช้เงิน Digital 10,000 บาท” มาถือ เรียกเสียงเฮฮาจากประชาชนที่มารอต้อนรับ ผู้สื่อข่าวถามถึงการตอบรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตของประชาชน นายเศรษฐาตอบว่า ทุกเสียงของประชาชนเราต้องฟัง รวมถึงเสียงผู้คัดค้านด้วยแนะนำว่าควรปรับปรุงอย่างไร อยากจะฟังทุกเสียง ไม่ใช่ว่าไม่ฟังใครหรือไม่น้อมรับคำเตือน เมื่อถามว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานจนถึงวันนี้ มองภาพรวมการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐาตอบว่า ให้มองตัวเองคงไม่เหมาะสม ให้ประชาชนตัดสินดีกว่า ก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะเราทำงานหนักทำงานทุกวันเสาร์-อาทิตย์ รัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญแก้ไขปัญหาประชาชน

กำลังหนุน ปชช.เป็นพลังให้ลุย

นอกจากนี้ นายเศรษฐายังได้ทวิีตภาพผ่าน X ที่ใช้ชื่อ @Thavisin หลังเดินทางกลับจาก จ.พิษณุโลก เป็นภาพตอนถือป้ายที่ประชาชน จ.พิษณุโลก นำมาชูให้กำลังใจที่เขียนข้อความ “อยากให้ถึงกุมภาฯใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท” พร้อมทวีตข้อความว่า “เสียงสนับสนุนนโยบาย Digital Wallet ชาวพรหม พิราม จ.พิษณุโลก เสียงเรียกร้องของพี่น้องประชาชนที่ส่งมายังผม ว่าอยากได้เงิน 10,000 บาท เพื่อให้ครอบครัวได้มีโอกาสสร้างตัว และแก้ความยากจน เป็นพลังให้เราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดครับ”

เตรียมบินเยือนเวทีจีน-ซาอุฯ

มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ภารกิจการเดินทางเข้าร่วมประชุมและเยือนต่างประเทศของนายกฯยังคงมีต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค. นายเศรษฐามีกำหนดเข้าร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 3 และเยือนสาธารณรัฐ ประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ณ กรุงปักกิ่ง พบหารือทวิภาคีกับนักธุรกิจและผู้บริหารจีน 10 บริษัท อาทิ เสี่ยวมี อาลีบาบา หัวเว่ย เทนเซ็นต์ เป็นต้น รวมถึงพบหารือนายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน และเข้าพบนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน วันที่ 18 ต.ค. นอกจากนี้ ยังมีกำหนดหารือทวิภาคีกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย รวมถึงเข้าพบหารือทวิภาคีนายหลี่ เฉียง นายกฯจีน ก่อนเดินทางไปยังกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย วันที่ 20 ต.ค. เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ และเข้าเฝ้าเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย พร้อมพบปะภาคเอกชน

“หมออ้อม” ฟื้นบทบาท “หลังบ้าน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน หรือ “หมออ้อม” ภริยานายกฯ นัดพบปะพูดคุยกับคณะคู่สมรสรัฐมนตรีที่ร้านอาหารสเต๊กอาโนลด์ ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการ จากที่ก่อนหน้านี้มีเพียงพบปะพูดคุยระหว่างเจอกันตามสถานที่ต่างๆ มาหาแนวทางทำงานเพื่อสังคม ถือเป็นการฟื้นการทำงานของหลังบ้านรัฐมนตรี ให้กลับมามีบทบาทเหมือนรัฐบาลก่อนๆ เป็นการเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคณะรัฐมนตรีเพราะมีหลังบ้านคอยช่วยงานสังคม เป็นอีกแรงขับเคลื่อนช่วยเหลือประเทศชาติ พญ.พักตร์พิไลเปิดเผยว่า มีการนัดพบปะกันจริงในวันที่ 15 ต.ค. แต่ล่าสุดมีภารกิจสำคัญอาจต้องเลื่อนนัดหมายดังกล่าวออกไป แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีการนัดพบปะพูดคุย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

รำลึกกึ่งศตวรรษเหตุ 14 ตุลา 16

เวลา 07.30 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง มูลนิธิ 14 ตุลา ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานรำลึกครบรอบ 50 ปี เหตุการณ์ทหารใช้กำลังเข้าปราบปรามนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญ นำมาสู่การนองเลือดในวันที่ 14 ต.ค.2516 ท่ามกลางบรรยากาศที่คลาคล่ำไปด้วยเหล่าญาติผู้เสียชีวิต อดีตผู้ร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์ นักการเมือง นักเคลื่อนไหว ผู้แทนฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ช่วงเช้ามีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ พิธี 3 ศาสนา การตีกลองสะบัดชัย “ตุลาชัย-ตุลาธรรม” ไฮไลต์คือการวางพวงหรีด-กล่าวรำลึก 14 ตุลา ของตัวแทนภาคส่วนต่างๆ อาทิ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ผู้แทนนายกฯ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง ตัวแทนพรรคเพื่อไทย น.ส.พรรณิการ์ วานิช ตัวแทนคณะก้าวหน้า ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย นายกองค์การนักศึกษาและประธานสภานักศึกษา มธ. เป็นต้น

ครป.ยื่นสี่ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล

นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ ครป. กล่าวว่า ในวาระ 50 ปี 14 ตุลาฯ เรามีคนเดือนตุลาฯมาเป็นรัฐบาลและเป็นรองนายกฯ คือนายภูมิธรรม เวชยชัย ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ดังนี้ 1.ผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างผ่าน ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง 2.นิรโทษกรรมนักโทษคดีทางการเมืองทั้งหมด 3.เปิดให้มีการกระจายอำนาจทางการปกครอง และช่วยทำให้เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ เป็นแบบเรียนทางประวัติศาสตร์ในระบบการศึกษาไทยที่ยาวมากกว่า 4 บรรทัด 4.ให้รัฐบาลใช้โอกาสวันนี้ไปถึง 14 ต.ค.67 เป็นเวลา 1 ปีเต็ม สร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านเศรษฐกิจ จัดสรรการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีมหาศาล สร้างประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ อย่าให้เกิดความเหลื่อมล้ำและกระจุกตัวอยู่เพียงเจ้าสัว 16 ตระกูลใหญ่

จี้หยุดจองจำนักโทษการเมือง

ต่อมาคณะราษฎรยกเลิก 112 หรือ ครย.112 นำโดย น.ส.ทวิพร วิจันทร์ น.ส.อาทิตยา พรพรม และคณะ สวมชุดคล้ายนักโทษชูภาพแกนนำและแนวร่วมม็อบราษฎรที่ถูกคุมขังในเรือนจำ มาร่วมวางพวงหรีดพร้อมอ่านแถลงการณ์ใจความสำคัญว่า เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ เริ่มต้นจากการเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญ แต่ประชาชนต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของวีรชน ล่วงมาถึงวันที่ 14 ต.ค.2563 คณะราษฎร 2563 เรียกร้องขับไล่ผู้นำเผด็จการ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วม ข้อเรียกร้องแทบไม่ได้ต่างกันกับเมื่อ 50 ปีที่แล้ว แต่ขณะนี้ แกนนำสำคัญคือทนายอานนท์ นำภา ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ถูกคุมขังเป็นนักโทษการเมือง พร้อมกับนักโทษการเมืองอื่นอีก 36 คน มีผู้อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จำนวน 258 คน ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ขอร่วมรำลึกและขอเรียกร้อง 1.นักโทษการเมืองในคดีที่ยังไม่ถึงที่สุด ต้องได้รับสิทธิการประกันตัว 2.รัฐบาลปัจจุบันที่มาจากการเลือกตั้งต้องนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองและผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองในทุกกรณี 3.ยกเลิกมาตรา 112 4.ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

“วันนอร์” ยกชัยชนะประชาชน

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวยังเป็นนักศึกษาปริญญาโท ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รับทราบเหตุการณ์ทั้งหมด ร่วมรับฟังการปราศรัย เห็นภาพการเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องรัฐธรรมนูญของนักศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพ เพื่อต้องการหลุดพ้นจากรัฐบาลเผด็จการที่ครองอำนาจมายาวนาน เรียกได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่สุดของประชาธิปไตยมากกว่าครั้งไหนๆ ถือเป็นความยิ่งใหญ่ เพราะประชาชนได้รับชัยชนะด้วยสองมือเปล่า ไม่มีการจับอาวุธเลย มีประชาชนทุกกลุ่มเข้าร่วม แม้มีบาดเจ็บล้มตายบ้างจากฝีมือฝ่ายตรงข้าม แต่น่าเสียดายคือเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่ได้เพียง 3 ปี ก็เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าวันที่ 6 ต.ค.2519 อาจเป็นเพราะชัยชนะครั้งนั้นประชาชนอาจยังขาดประสบการณ์ในการนำพาบ้านเมืองทำให้กลุ่มอำนาจเก่าเข้ามาทวงคืนอำนาจได้ สิ่งเหล่านี้จึงถือเป็นประสบการณ์ในการนำพาประชาธิปไตย เพราะสิ่งสำคัญคือเรื่องของประสบการณ์

รทสช.สกัด ก.ก.อย่าเหมารวม 112

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ดูหลักการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ของพรรคก้าวไกลแล้ว มองว่าที่ผ่านมาทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมต่างเคารพกฎหมาย ยอมรับกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ หากจะย้อนหลังกฎหมายต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่ายอย่างกว้างขวางให้มากพอสมควร เกรงว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวอาจเกิดความเหลื่อมล้ำทางกฎหมาย เป็นความละเอียดอ่อน หากไม่รอบคอบอาจส่งผลกระทบได้ ที่มีผู้ออกมาแสดงความกังวลว่าร่างฯของพรรค ก.ก.อาจมีการรวมเอาคดีมาตรา 112 อยู่ด้วยนั้น พรรค ก.ก.ต้องชี้แจงสังคมให้ชัดเจนว่าวัตถุประสงค์ที่เสนอร่างกฎหมายมาจากสาเหตุใด มองว่ามาตราดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับคดีความขัดแย้งทางการเมือง แต่เป็นกฎหมายความมั่นคงแห่งรัฐ และการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เรียกร้องให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. และพรรค ก.ก. ชี้แจงประชาชนให้ชัดเจน อย่าทำนิติกรรมอำพราง แสร้งทำเป็นต้องการให้เกิดความปรองดองกับทุกฝ่ายการเมือง แต่เจตนานิรโทษกรรมคดีให้กับพวกพ้องหรือไม่

“ชัยธวัช” โต้ไม่มีปกป้อง สส.หื่น

วันเดียวกัน นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบสส.พรรค ก.ก. ที่ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ รวมถึงประเด็นใหม่ที่อ้างว่ามี สส.เกี่ยวข้องกับยาเสพติดว่า ได้กำชับคณะกรรมการวินัยที่ทำงานได้ดีมาตลอด พรรคไม่ได้ปล่อยปละละเลย เมื่อสังคมคาดหวังกับพรรค ก.ก.สูง เรื่องมาตรฐานพฤติกรรม ความเท่าเทียมทางเพศ ต้องปฏิบัติตนให้สมกับความคาดหวังของประชาชน ที่ผ่านมาพรรค ก.ก.ได้ฝึกอบรม แต่ด้วยความคุ้นเคยวัฒนธรรมเดิมทำให้มีปัญหาอยู่  ยืนยันจะไม่สร้างวัฒนธรรมปกปิดความผิดของคนในองค์กร กระบวนการพิจารณาในคณะกรรมการวินัยและ กก.บห.ตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนกรณีที่โลกออนไลน์อ้างว่ามี สส.เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น ยังไม่ได้รับรายงาน หรือการร้องเรียนเข้ามา

วางกรอบคร่าวๆยังไม่ซักฟอก

เมื่อถามว่าหากได้รับการแต่งตั้งโปรดเกล้าฯเป็นผู้นำฝ่ายค้าน จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมของ สส.หรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า ไม่จำเป็น หากเป็นเรื่องภายในพรรคไม่ต้องรอถึงตรงนั้น สุดท้ายโทษวินัยสูงสุดคือขับออกจากพรรค ส่วนการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านหรือพรรค ก.ก. ยังไม่มีการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้ แต่ยอมรับว่ามีการหารือกรอบการทำงานของพรรคฝ่ายค้านเพียงคร่าวๆว่า ในปลายสมัยการประชุมหน้า หรือช่วงปลายเดือน มี.ค. ถึงต้น เม.ย. หรือหลังการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มีความเป็นไปได้ที่พรรคฝ่ายค้านจะเปิดอภิปราย ส่วนจะอภิปรายแบบไม่ลงมติ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ต้องดูการทำงานรัฐบาลก่อน ตอนนี้แค่วางกรอบคร่าวๆ

“ปิยบุตร” กระตุก ก.ก.ชักฉาวถี่

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า Andrea Dworkin ทิ้งท้ายวรรคสุดท้ายไว้ในหนังสือ Pornography : Men Possessing Women ตีพิมพ์ในปี 1981 ที่มีเนื้อหาพอสรุปได้ถึงพฤติกรรมของเด็กผู้ชาย เกี่ยวกับการกดขี่ทางเพศต่อเด็กผู้หญิง โดยก่อนหน้านั้นนายปิยบุตรโพสต์หัวเรื่องว่า “ฝากถึงผู้หญิงในพรรคก้าวไกล” ก่อนระบุโควทข้อความจากหนังสือดังกล่าว พร้อมทิ้งท้ายว่า “อยากฝากข้อความนี้ไปถึง...ผู้หญิงในพรรคก้าวไกล อย่ายอม” แต่ได้แก้ไขหัวเรื่องและคำลงท้ายในภายหลัง พร้อมระบุว่า ขอเปลี่ยนข้อความและหัวเรื่อง เนื่องจากสื่อสารไปแล้วมีหลายท่านเห็นว่าเป็นการสั่งสอนอบรมผู้หญิง ไม่ไปสั่งสอนผู้ชายบ้าง อ่านเจอประโยคปิดท้ายนี้เห็นว่าเหมาะกับสถานการณ์อื้อฉาวหลายกรณีในพรรคก้าวไกล เลยอยากนำมาสื่อสาร ถ้ามีโอกาสเจอผู้ชายในพรรค ในองค์กร ที่ยังคิดแบบเดิม ก็จะพยายามพูดเตือน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

หา 'เหตุผล' ทำไม 'ไทยคม' คือหนึ่งเดียวประมูล 3 วงโคจรดาวเทียม

เราอาจจะคุ้นหูกับการประมูลคลื่นความถี่สำหรับ 'โทรศัพท์มือถือ' ไล่ตั้งแต่ 3G 4G และล่าสุด 5G แต่จริงๆ...

ไทยอยู่อันดับ 43 ของโลก ดัชนีวัดความก้าวหน้าเอไอปี 2024

เมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้เขียนบทความนำเสนอผลสำรวจ AI Monitor 2024 ของบริษัท Ipsos ซึ่งสำรวจทัศนคติของผู้...

อสังหาฯปี67ขายได้แต่โอนไม่ได้!ติดกับกู้ไม่ผ่านรายได้วิ่งไม่ทันราคาบ้าน

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริม...

‘กูรู’ ยก ‘วายุภักษ์’ ดันหุ้นไทยพุ่ง รับ ‘ฟันด์โฟลว์’ เข้ากว่า ‘หมื่นล้าน’

แม้ว่า “ตลาดหุ้นไทย” ยังคงเผชิญกับผลกระทบจากทั้ง ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ยิ่งเฉพาะสงครามตะวันออกก...