"พรรคประชาชน" พักยกรื้อมาตรฐานจริยธรรม "พริษฐ์" แจงยอมถอยป้องกันเกมล้มกระดานคว่ำรื้อ รธน.รายมาตรายกพวง ดักคอพรรคการเมืองอย่าหาเหตุล้มเลิกแก้รายมาตราที่เป็นปัญหา ควบคู่กับการจัดทำ รธน.ฉบับใหม่โบ้ย พท.เบี้ยวสัญญาแก้ รธน. ประชาชนจะตัดสินเอง “ธรรมนัส” ฮึ่มแยกขาด พปชร. ต่างคนต่างเดิน เมินถูกร้องครอบงำกระทรวงเกษตรฯ แฉ 8 สส.จ่อทิ้ง “ลุงป้อม” จับตา “สันติ-วราเทพ” ย้ายกลับ พท. “นายกฯอิ๊งค์” เข้าบ้านพิษณุโลกถกทีมที่ปรึกษาฯ แจกงานตามความถนัดช่วยขับเคลื่อนพลิกฟื้นเศรษฐกิจ กุนซือแนะเร่งคลอดด่วนมาตรการช่วยเหยื่อน้ำท่วม สางหนี้สิน สร้างรายได้อุ้มเอสเอ็มอีลุยส่งออก แจกเงินหมื่นก๊อกแรกไม่สำเร็จเกือบ 5 หมื่น จ่อโอนอีกกลุ่มเปราะบาง 4.51 ล้านคน “ภูมิธรรม” ไม่หวั่น พท.ถูกร้องหว่านเงินซื้อเสียง
จากกรณีขั้วรัฐบาลยุติผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราประเด็นมาตรฐานจริยธรรม ล่าสุดพรรคประชาชน (ปชน.) ต้องปรับแผนพับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้ก่อนเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกนำไปอ้างเป็นเหตุให้การแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราประเด็นอื่นถูกล้มเลิกไปด้วย
ปชน.พักแก้จริยธรรมสกัดล้มแก้ รธน.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ในเรื่องมาตรฐานจริยธรรมที่มีข้อถกเถียงกันอยู่ หลายพรรคยอมรับอย่างตรงกัน ไม่ใช่แค่พรรคพรรคประชาชนที่เห็นปัญหา เราเสนอเพื่อปรับปรุงระบบการเมืองให้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขรายมาตราเดินหน้าต่อ พรรค ปชน.จึงขอพักการผลักดันร่างรัฐธรรมนูญเรื่องมาตรฐานจริยธรรมไว้ก่อนจนกว่าจะทำงานเชิงความคิดกับพรรคร่วมรัฐบาลได้มากขึ้น
...
อย่าอ้างเหตุแช่แข็งรื้อ รธน.รายมาตรา
“หวังว่าพรรคอื่นๆจะไม่นำการแก้ไขรายมาตราเรื่องจริยธรรมมาเป็นข้ออ้าง เอามาเป็นเงื่อนไขที่จะไม่มองเห็นความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราอีกหลายประเด็น ที่ต้องแก้ไขควบคู่ไปกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขอขีดเส้นใต้ 100 ครั้งเราไม่ได้บอกว่านักการเมืองไม่ควรถูกตรวจสอบ แต่การให้องค์กรไม่กี่องค์กรมานิยามว่าอะไรคือจริยธรรม ตรงนี้คือสิ่งอันตราย อาจมีการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ กลั่นแกล้งกันทางการเมือง” นายพริษฐ์กล่าว
ชี้ พท.ไม่ทำตามสัญญา ปชช.ตัดสินเอง
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า คงต้องพูดคุยทุกแพ็กเกจ เราคาดหวังว่าอยากให้การผลักดันประสบความสำเร็จ ยืนยันว่าไม่มีร่างไหนที่สุดโต่ง ถ้ามองย้อนไปรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ใกล้เคียงกับร่างที่พรรค ปชน.เสนอ เมื่อถามอีกว่า ถ้ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญตามนโยบายได้ จะต้องรับผิดชอบอย่างไร นายพริษฐ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนจะตัดสิน ไม่ใช่เพียงแค่รัฐธรรมนูญ รวมถึงทุกๆเรื่องที่รัฐบาลประกาศไว้สัญญาไว้ ตามนโยบายที่ถือเป็นสัญญาประชาคม ถ้ารัฐบาลไม่สามารถรักษาสัญญาได้ ประชาชนจะสะท้อนผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้า
“ธรรมนัส” ไม่แคร์ถูกร้องจุ้น ก.เกษตร
วันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการทำงานของ สส.ในกลุ่มกับพรรค พปชร.ว่า คงเป็นไปไม่ได้ แก้วมันแตกไปแล้ว แยกกันชัดเจน นั่งในสภาแยกกันชัดเจน แต่ไม่กังวล สส.มีรัฐธรรมนูญคุ้มครองอยู่ ข้อบังคับพรรคอย่าพูดมาก เดี๋ยวคนเบื่อ โทษสูงสุดขับออก กลุ่มตนผ่านอะไรมาเยอะ ขับเมื่อไหร่ ฉลองเลย ยืนยันไม่ได้เกลียดหรือโกรธใคร หลายคนถูกข่มขู่หลายเรื่อง ควรหยุดได้แล้ว ต่างคนต่างเดิน เมื่อถามว่า มีคนไปร้องเรียนการเข้าไปที่กระทรวงเกษตรฯ เชิญเลย เขาห้ามหรือ อ่านกฎหมายอย่าอ่านมาตราเดียว อย่าเล่นการเมืองมากเกินไป อะไรที่เกิดประโยชน์กับประชาชน อย่าไปขัดขวาง ไม่กลัว อย่ามาขู่ ใครแรงมาสวนกลับเหมือนเดิม “น้ำท่วมบ้านผม แล้วน้องชายผมเป็นรัฐมนตรีอยู่ จะเข้าไปกินข้าวกับน้องผมไม่ได้เลยหรือ เกินไปแล้ว อย่าเยอะเกินไป ฝากบอกทุกคนรวมทั้งสื่อบางสำนัก”
แฉ 8 สส.ส่อตีจาก “ลุงป้อม” อีก
เมื่อถามถึงการที่ พล.อ.ประวิตรถูกครหาไม่เข้าประชุมสภาฯ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ถ้าตนยังอยู่ท่านจะไม่โดนแบบนี้ เราดูแลให้อยู่ในกรอบกฎหมาย การเป็น สส.ไม่ใช่เอาใจ แล้วนำท่านไปในทิศทางที่ผิด เป็นหน้าที่แม่บ้าน รักษา 20 คนให้ดีๆ อย่าให้หนีไปไหนอีก เดี๋ยวจะไปอีก 8 เมื่อถามว่าจะมี สส.ฝั่ง พล.อ.ประวิตรมาอยู่ด้วยใช่หรือไม่
ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ไม่รับแล้ว พอเท่านี้ เดี๋ยวจะหาไปทำอะไรพรรคเขาอีก นักการเมืองทุกคนต้องการมีอนาคต ต้องดูรอดหรือไม่รอด ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตนเอาตามพรรค พท. อะไรที่แก้แล้วทำให้ประเทศดีขึ้นควรแก้ อย่าเอาเหตุผลอื่นมาเป็นประเด็น ไม่อยากให้สังคมนักการเมือง เป็นสังคมต้องตามกระแสที่ไม่ได้เป็นความเป็นจริง
สะพัด “สันติ-วราเทพ” เตรียมกลับ พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า กรณี ร.อ.ธรรมนัส ออกมาระบุว่ายังจะมี สส.และแกนนำในกลุ่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.จะตีจากอีกไม่น้อยกว่า 8 คน มีรายงานว่านายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค และนายวราเทพ รัตนากร ผอ.พรรค น่าจะเป็น 2 ใน 8 คน ตามที่ ร.อ.ธรรมนัสออกมาเปิดเผย โดยมีรายงานว่าทั้งนายสันติและนายวราเทพ อยู่ระหว่างพูดคุยเตรียมตัวย้ายพรรคการเมืองเร็วๆนี้ โดยคาดว่าจะย้ายกลับไปสังกัดพรรค พท. คาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า
นายกฯเข้าบ้านพิษฯถกทีมกุนซือ
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่บ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก เพื่อประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ประกอบไปด้วยนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษา นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษา นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษา นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษา นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษา และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ในเวลา 10.00 น. ก่อนประชุมเวลา 09.10 น. นายกฯและคณะที่ปรึกษาได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านพิษณุโลก ทั้งศาลเจ้าพ่อท้าวหิรัญพนาสูร ไหว้พระพรหมและพระพุทธรูปภายในบ้านพิษณุโลก ก่อนลงมาสักการะพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ สัญลักษณ์พระราชทานเครื่องหมายประจําตระกูล ประดิษฐานอยู่บนแท่นศิลาในอ่างน้ำพุ
รับประกาศนียบัตรมินิ วปอ.รุ่น 1 คึกคัก
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานมอบประกาศนียบัตร และเข็มปฐมารัฏฐาภิรักษ์ แก่ผู้สำเร็จฝึกอบรม หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 1 ประจำปี 2567 ที่มีนักศึกษาเข้าร่วมอบรมทั้งสิ้น 150 คน โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เดินทางมาร่วมงานด้วย เพราะเป็นนักศึกษาในรุ่นดังกล่าว บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดานักศึกษาสลับกันขึ้นเวที เพื่อถ่ายภาพร่วมกับ น.ส.แพทองธาร โดยนักศึกษาบางคนได้ขอถ่ายรูปเซลฟี่เพื่อเป็นที่ระลึกด้วย
แจกงาน 5 ที่ปรึกษาตามความถนัด
จากนั้นเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมร่วมกับนายกฯครั้งแรกว่า นายกฯขอบคุณที่ปรึกษาทั้ง 5 ท่านที่ตอบรับมาเป็นที่ปรึกษา ขอให้นำเสนอความเห็นตรงไปตรงมา ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อให้รับข้อมูลที่รอบด้าน โดยที่ปรึกษาทั้ง 5 คนจะให้คำเสนอแนะไม่จำกัดเฉพาะด้านที่เชี่ยวชาญ แต่จะขับเคลื่อนเรื่องที่ถนัดเป็นพิเศษ โดยนายธงทอง จันทรางศุ สนใจการปฏิรูประบบราชการให้ง่ายต่อการรับใช้ประชาชน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ช่วยดูกฎหมายต่างๆ เอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนระบบราชการ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ สนใจนโยบายเศรษฐกิจ ส่วนตนทำงานเชิงสาธารณสุขและซอฟต์พาวเวอร์ ขณะที่นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ มีประสบการณ์การเมืองมาก เชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์โลก การต่างประเทศ ส่งเสริมเอสเอ็มอี จะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดเพื่อขับเคลื่อนกับที่ปรึกษาคนอื่นๆ จะใช้บ้านพิษณุโลกเป็นสถานที่เชิญผู้รับผิดชอบทั้งภาคราชการ ภาคเอกชนมาประชุมหารือกัน เพื่อนำเสนอแนวคิดกำหนดเป็นนโยบายต่อไป ที่สำคัญเราจะไม่คิดเพียงว่าจะทำอะไร แต่คิดด้วยว่าจะทำอย่างไร เราต้องมีแผนชัดเจน ขับเคลื่อนองคาพยพทั้งระบบราชการ ระบบเศรษฐกิจได้ กำหนดแนวทางที่ชัดเจนโดยนายกฯจะประชุมด้วยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง คือทุกวันพฤหัสบดีพูดคุยถึงนโยบายที่น่าสนใจตรงไปตรงมาและเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน
เร่งออกมาตรการ ศก.ชุบชีวิตเอสเอ็มอี
นพ.สุรพงษ์กล่าวอีกว่า คณะที่ปรึกษามีความเห็นเบื้องต้นต้องเร่งดำเนินการออกมาตรการเศรษฐกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม มาตรการแก้หนี้ที่ได้ผล ไม่ได้มองเพียงการสนับสนุนเรื่องเงินอย่างเดียว แต่ต้องเป็นมาตรการสร้างรายได้และทำอย่างไรให้เอสเอ็มอีไทยส่งออกต่างประเทศได้จริงจัง เรามีมาตรการบางอย่างที่คิดว่าเป็นจิ๊กซอว์ตัวที่หายไปจะนำเสนอนายกฯต่อไป เมื่อถามว่าอำนาจหน้าที่ของคณะที่ปรึกษามีผลแค่ไหนนั้น นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ทางที่ปรึกษาจะมีการพูดคุย นายกฯพร้อมรับฟัง แต่ต้องไปทำร่วมกับ ครม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เชื่อว่าบ้านพิษณุโลกต่อไปนี้จะมีการประชุมเรื่องต่างๆอีกมาก เมื่อถามว่า ค่าเงินบาทเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเชิญผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาพูดคุย นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ธปท.เป็นส่วนหนึ่งของภาครัฐในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อาจมีการพูดคุยกันแต่คงไม่ได้เชิญมาแบบเป็นทางการ เมื่อถามว่าการแก้ปัญหาการเมือง กฎหมายกระบวนการยุติธรรมความขัดแย้ง จะนำเสนอด้วยหรือไม่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า เบื้องต้นนายพงษ์เทพ เชี่ยวชาญกฎหมาย เป็นอดีตสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) การมองภาพระบบนิติรัฐ นิติธรรม ท่านให้ความสนใจ
โอ่วัยเก๋าไม่ตกเทรนด์ดันคนไทยเลิกจน
เมื่อถามว่า คณะที่ปรึกษาทุกท่านเป็นวัยเก๋า แต่โลกเปลี่ยนไปจะทำให้คนรุ่นใหม่ไว้วางใจได้อย่างไร นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า นายพันศักดิ์อายุ 80 ปี นายธงทอง อายุ 70 ที่เหลือ 60 กว่าปี แต่เท่าที่ได้พูดคุย ทุกท่านมีประสบการณ์มากและยังเรียนรู้ไม่หยุดในทุกด้าน เชื่อว่าทั้ง 5 คน ไม่มีตกสมัย แต่เราไม่ได้ทำงานกัน 5 คน จะมีการตั้งอนุกรรมการมาดูรายละเอียดแต่ละเรื่องด้วย เราเป็นสารตั้งต้นนำเสนอนโยบายแก้ปัญหาของประเทศครั้งใหญ่ ทั้งนี้ไม่มีการกำหนดเคพีไอวัดผลงาน แต่ที่ปรึกษาทุกคนไฟแรงมาก พร้อมเริ่มงานเต็มที่ นายธงทองเตรียมขอตัวข้าราชการบางส่วนมาช่วยงาน ตนมีในใจแล้ว ผลงานคงวัดจากงานภาพใหญ่ของประเทศมากกว่า หากเปรียบสมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกฯ ภาพใหญ่คือเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เรื่องนั้นใหญ่มาก ดังนั้นนายกฯบอกว่าในระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก 2 ปีกว่า สิ่งที่อยากเห็นคนไทยต้องพ้นความยากจน ประเทศหลุดพ้นปัญหาเศรษฐกิจ นำไปสู่ทิศทางที่ชัดเจนในการสร้างเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
“พงศ์เทพ” ชี้นายกฯให้เสนอได้เต็มที่
ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯไม่ได้กำชับอะไร เพียงแต่บอกว่าเรื่องอะไรที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ให้พิจารณาและเสนอได้เต็มที่ หรือมีบางเรื่องที่อาจเป็นเรื่องที่สำคัญ หรือโครงการบางเรื่องที่มองว่าให้ที่ปรึกษาฯได้ให้ความเห็นด้วย อาจส่งมาดูเป็นเรื่องๆ ขณะที่การประชุมครั้งต่อไปจะเป็นวันที่ 3 ต.ค.เวลา 09.30 น.
นายกฯทัวร์กาตาร์ประเทศแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 2-4 ต.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีกำหนดการเดินทางไปกรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เข้าร่วมประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ครั้งที่ 3 โดย น.ส.แพทองธารมีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมลำดับที่ 2 ต่อจากกาตาร์ และยังมีกำหนดการหารือทวิภาคีกับผู้แทนระดับประมุข หรือหัวหน้ารัฐบาล อาทิ กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย ถือว่าเป็นการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจครั้งแรกในฐานะนายกฯของ น.ส.แพทองธาร จากนั้นวันที่ 8-11 ต.ค. น.ส.แพทองธาร จะเดินทางไปกรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44 และ 45
โอนเงินหมื่นคนเปราะบางอีก 4.5 ล้าน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกฯ ด้านการประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานความคืบหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ได้โอนเงินช่วยเหลือให้กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีหมายเลขบัตรประชาชน ลงท้ายด้วยเลข 1-2-3 จำนวน 4.5 ล้านคน สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 04.00 น. วันที่ 26 ก.ย. ส่วนใหญ่พบว่านำไปซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร บางส่วนนำเงินไปซ่อมแซม หรือใช้จ่ายเกี่ยวกับบุตรหลาน ขณะที่ผู้สูงอายุบางคนจะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ สอดคล้องกับความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และสะท้อนนโยบายรัฐบาลโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ส่วนวันที่ 27 ก.ย. จะโอนเงินให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 4-7 ประมาณ 4.51 ล้านคน และเลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 8-9 ในวันที่ 30 ก.ย.
วันแรกโอนไม่สำเร็จเฉียด 5 หมื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า ยอดการโอนเงิน 10,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารและพร้อมเพย์ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการในวันแรก 3.17 ล้านคน พบปัญหาโอนไม่สำเร็จเกือบ 50,000 รายการ แบ่งเป็นผู้พิการ 8,829 ราย และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วยเลข 0 อีก 40,554 ราย ปัญหาส่วนใหญ่ผู้พิการบัตรหมดอายุ และไม่ได้ทำบัตร ส่วนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีปัญหาทั้งบัญชีเงินฝากถูกปิด บัญชีไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน บางบัญชีไม่ผูกพร้อมเพย์ และบ้างไม่มีบัญชี หรือเลขบัญชีที่ผิด ดังนั้น ใครที่ตกหล่นไม่ได้รับเงินโอนหรือสมัครบัญชีพร้อมเพย์ไม่ทัน ขอให้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน และตรวจสอบบัญชีเงินฝากให้มีสถานะปกติเช่นเดียวกับผู้พิการ ต้องรีบไปปรับแก้ไขสถานะ เช่น บัตรหมดอายุหรือข้อมูลบัตรผิดพลาด ต้องต่ออายุบัตร หรือทำบัตรให้แล้วเสร็จ เพื่อรอรับการโอนเงินซ้ำอีก 3 รอบ
“อ้วน” ไม่หวั่นถูกร้อง พท.ซื้อเสียง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสตอบรับของประชาชนหลังกดปุ่มคิกออฟแจกเงินหมื่นกลุ่มเปราะบางในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 67 ว่า ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่มีเจ้าหนี้นอกระบบมารอเก็บเงินจากกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงินหมื่น หากมีอะไรกระทบเราจะพิจารณาหาทางแก้ไข แต่ประชาชนเมื่อได้จ่ายไปแล้วจะตัดหนี้ไปเลย เท่าที่ดูถือว่าดี เพราะเป็นดุลพินิจ เป็นสิทธิของประชาชนที่ประสบปัญหา ข้อกังวลเฟสต่อไปอาจไม่เกิดขึ้น ยืนยันจะให้คนที่ลงทะเบียนไว้แล้วทั้งหมด ได้เมื่อไหร่เดี๋ยวก็เห็น เมื่อถามถึงกังวลจะมีการนำประเด็นแจกเงินหมื่นไปร้องเรียนองค์กรอิสระว่าซื้อเสียงหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ทำตามกระบวนการทางกฎหมาย รัฐบาลไม่กังวล จะตรวจสอบหรืออะไรว่ากันไป ไม่ใช่ประเด็น ตอนนี้คือมีคนเดือดร้อน รัฐบาลพยายามแก้ไขความเดือดร้อน ถ้าฟังตามเสียงวิจารณ์เงินไม่ออกสักที ประชาชนยิ่งแย่ ควรเอาประชาชนเป็นหลักให้มากที่สุด อย่าหยิบทุกปัญหาขึ้นมา เพราะจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“อนุทิน” ฮึ่มเจ้าหนี้คุกคามลูกหนี้เจอดี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีเจ้าหนี้ไปยืนประกบลูกหนี้ที่ได้รับเงินหมื่นจากรัฐบาล หน้าตู้เอทีเอ็มว่าตอนนี้ประชาชนฉลาด เรื่องนี้ตำรวจรับทราบอยู่ เรามีมาตรการไม่ให้มีการข่มขู่ นายอำเภอต้องประสานกับตำรวจดูแลประชาชน การข่มขู่ข่มเหงถ้ามีประเด็นตรงนี้เมื่อไหร่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ หลายคนได้ปรับมาเป็นหนี้ในระบบแล้ว โดยมีนโยบายนี้มาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และเป็นนโยบายที่ต้องถือปฏิบัติอยู่ ส่วนถ้าได้เงินหมื่นแล้วแบ่งไปใช้หนี้อย่างนี้ทำได้ อย่าไปด่วนสรุปทุกกรณีเป็นการคุกคาม เมื่อถามว่าหลังจากได้รับเงินหมื่นบางคนนำไปฉลองกันแล้ว นายอนุทินตอบว่า “ไม่ให้ได้มั้ยล่ะ คนไทยเราก็ฉลองทุกอย่าง”
ตร.สั่งจับเจ้าหนี้ข่มขู่คนได้เงินหมื่น
วันเดียวกัน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร.และรอง ผอ.ศปน.ตร. เปิดเผยว่า มีหนังสือคำสั่งวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ด่วนที่สุด ที่.0070(ศปน.ตร.)/238 ถึง ผบช.น. ผบช.ภ.1-9 ผบช.ก. ผบช.สอท. ผบช.สตม.และสยศ.ตร.จากกรณีที่รัฐบาลโอนเงิน 1 หมื่น ให้กับกลุ่มเปราะบางระหว่างวันที่ 25-27 และ 30 ก.ย.เนื่องจากได้รับข้อมูลว่า กลุ่มเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบใช้โอกาสนี้ไปข่มขู่ทวงหนี้จากประชาชนกลุ่มเปราะบาง ทำให้ประชาชนที่ได้รับเงินไปแล้วไม่สามารถนำไป ใช้สอยเพื่อลดภาระเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพได้ เพื่อเป็นการป้องกัน และลดความเดือดร้อนของประชาชน กำชับให้ทุกหน่วยกวดขันจับกุม และบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหนี้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่
