Green Buildings ทางรอดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ภาคอสังหาริมทรัพย์มีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซคาร์บอนถึง 40% ของทั้งหมดทั่วโลก บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถปรับตัวให้เร็วพอ จะต้องเจอกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น การเผชิญกับกฎเกณฑ์สิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น และการสูญเสียความไว้วางใจจากผู้บริโภคที่ใส่ใจในเรื่องความยั่งยืน  

แม้ว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่บริษัทส่วนใหญ่ยังคงติดข้อจำกัดด้านการลงทุน เพราะการสร้างอาคารที่มีประสิทธิภาพทางพลังงานมากขึ้น

การใช้เทคโนโลยีอาคารอัจฉริยะ และการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถึงแม้จะมีประโยชน์ในระยะยาว แต่โอกาสในการสร้างรายได้ในระยะสั้นยังถูกมองว่ายังไม่คุ้มค่าในสถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

หลายบริษัทได้เริ่มปรับตัวเข้าสู่แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนและประสบความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น Skanska ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของโลก ได้นำแนวคิด "Deep Green" มาปรับใช้ในทุกโครงการ

ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการสร้างอาคารที่มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ แต่ยังใช้ BIM 360 และ Forge เพื่อดิจิทัลทรานส์ฟอร์มกระบวนการทั้งหมดของบริษัท ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการและลดของเสียในขั้นตอนการก่อสร้าง 

ในเอเชีย City Developments Limited (CDL) จากสิงคโปร์เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สีเขียว โดยบริษัทมีเป้าหมายในการบรรลุ Net-Zero Carbon ภายในปี 2030 นอกจากนี้ Megaworld ในฟิลิปปินส์ยังได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนสำหรับการปลูกป่าเพื่อดูดซับคาร์บอนและการพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์กำลังนำเทคโนโลยี AI มาปรับใช้ในอาคารเขียวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานและการดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น ระบบ AI-powered smart building ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น อุณหภูมิ แสงสว่าง และการระบายอากาศได้แบบเรียลไทม์ เพื่อปรับปรุงการใช้พลังงานให้เหมาะสม ช่วยลดการใช้ทรัพยากร 

นอกจากนี้ AI ยังถูกนำมาใช้ในการคาดการณ์การบำรุงรักษา และวิเคราะห์ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อออกแบบอาคารที่ตอบสนองต่อความต้องการในอนาคต ทางเลือกการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เหล็กรีไซเคิล และวัสดุคาร์บอนต่ำ ก็ยังสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

การปฏิวัติวงการอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่อาคารเขียวและการพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นแนวทางเดียวที่จะทำให้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในอนาคต

ด้วยการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอาเซียน โดยเฉพาะในด้านพลังงานหมุนเวียนและอาคารเขียว เวียดนามและฟิลิปปินส์ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ ด้วยการลงทุนในโครงการสีเขียวที่มีมูลค่าสูงถึง 6.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 และคาดว่าจะสร้างรายได้ถึง 150 พันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2030 

การเติบโตของการลงทุนในอาเซียนแสดงให้เห็นถึงโอกาสอันมหาศาลสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มองเห็นคุณค่าในความยั่งยืน การลงทุนในอาคารเขียวไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นอนาคตที่ยั่งยืนและเติบโตได้ในระยะยาว

นักลงทุนที่เห็นคุณค่าและเริ่มต้นลงมือในตอนนี้ จะกลายเป็นผู้นำในยุคของการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

แหล่งข่าวเผย อิสราเอลแจ้งสหรัฐจะทำอะไรบางอย่างในเลบานอน!

เมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า วิทยุมือถือ (ว.) ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ ได้ระเ...

ว.ฮิซบอลเลาะห์ระเบิด แปะฉลาก ‘เมด อิน เจแปน’

ภาพถ่าย ว.ฮิซบอลเลาะห์ที่ระเบิดเมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) พบฉลาก “ICOM” และ “เมด อิน เจแปน” สำนักข่าวรอยเ...

'บิลลี ไอลิช-โจ โรแกน' เชียร์'คามาลา แฮร์ริส'

เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงาน ป็อปสตาร์ “บิลลี ไอลิช” โพสต์คลิปเคียงข้างพี่ชายบนอินสตาแกรม กระตุ้นให้ผู้ต...

‘รถไฟ’ กระจายความเจริญ กรณีศึกษา: โฮคุริคุ ของญี่ปุ่น | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ได้เห็นการเชื่อมต่อด้วยระบบรางระหว่างกรุงเทพกับลาวแล้วก็อดคิดถึงรถไฟต่างประเทศไม่ได้ เพราะรถไฟไทยเรา...