กำแพงภาษีทำอะไรจีนไม่ได้? ราคาอีวีจีนยังคง ‘ถูกกว่า’ Tesla แม้ถูกขึ้นภาษี 100%

เว็บไซต์นิกเกอิรายงานว่า แม้จะมีการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จากจีนอย่างมหาศาลที่ระดับ 100% ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ยังมีรถอีวีบางรุ่นของจีนที่ยังคงขายในราคา “ถูกกว่า” รถอีวีที่ผลิตในอเมริกา

เหตุผลของการเพิ่มภาษีสินค้าจากจีนในวงกว้างนั้น เพราะสหรัฐมองว่าการค้าขายกับจีนที่เป็นอยู่ไม่มีความเป็นธรรม และมีเป้าหมายหลักเพื่อซื้อเวลาให้อุตสาหกรรมของอเมริกาในการพัฒนาให้ตามทันจีน

“นโยบายอุตสาหกรรมของจีนที่มุ่งเป้าไปที่รถยนต์ไฟฟ้า อาจเป็นภัยต่อการลงทุนของรัฐบาลกลางในภาคส่วนนี้” สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐระบุไว้ในประกาศเกี่ยวกับการดำเนินการทางภาษีกับจีนเมื่อวันศุกร์

แม้ว่ารัฐบาลของไบเดนจะพยายามเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่จีนยังคงนำหน้าอย่างกว้างขวางทั้งในด้านการผลิตและการนำมาใช้

ทั้งนี้ รถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นมากกว่า 10% ของยอดขายรถยนต์ในสหรัฐในเดือนกรกฎาคม แต่ในจีนสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 50% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ประมาณ 20% ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาด MarkLines

เมื่อเทียบระหว่างจีนกับสหรัฐ สหรัฐขาดทั้งโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งราคารถก็จับต้องยาก ขณะที่บริษัทรถยนต์อีวีรายใหญ่ของจีนอย่าง BYD ใช้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศที่กว้างขวาง ช่วยให้พวกเขาแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และเสนอรถอีวีในราคาต่ำกว่า 25,000 ดอลลาร์ได้

นอกจากนี้ ในสหรัฐ แม้แต่ Tesla ซึ่งเป็นผู้นำตลาดก็ยังไม่สามารถนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงราคาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์ได้ และยังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าของอเมริกาที่มีราคาถูกเทียบเท่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมัน

โจ แม็คเคบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทวิจัยในสหรัฐ AutoForecast Solutions กล่าวว่า ราคาต่ำสุดของ BYD ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 12,000 ดอลลาร์ แม้จะโดนภาษี 100% แต่ BYD ก็ยังคงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกที่สุดในตลาด โดยมีราคาไม่ถึง 25,000 ดอลลาร์

แม็คเคบกล่าวว่า บริษัทรถยนต์จีนไม่ได้ให้ความสำคัญกับความสามารถในการทำกำไร
ทั้งนี้ รัฐบาลของไบเดนกังวลเกี่ยวกับการที่บริษัทรถยนต์จีนอาจพยายามหลีกเลี่ยงภาษี ตัวอย่างเช่น หาก BYD สร้างโรงงานในเม็กซิโก “นี่ก็ยังคงเป็นบริษัทจีน” จีน่า ไรมอนโด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์กล่าวในการประชุมสุดยอดห่วงโซ่อุปทานที่จัดร่วมกับ Council on Foreign Relations ในเดือนนี้

ที่ผ่านมา สหรัฐนำเข้าแบตเตอรี่ที่ผลิตในจีนรวมกว่า 6,200 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน โดยตัวเลขในปี 2023 อยู่ที่ 13,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 40% จากปี 2022 และเพิ่มขึ้นหกเท่าจากสามปีที่ผ่านมา

ด้วยเหตุนี้ บางฝ่ายในสหรัฐจึงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเว้นการบังคับใช้ภาษีสูงในแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน แต่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐได้ตัดสินใจว่า

“ข้อเรียกร้องให้ยกเว้นแบตเตอรี่บางรุ่นนั้น ไม่สอดคล้องกับทิศทางของประธานาธิบดี ซึ่งครอบคลุมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนทั้งหมด และไม่สอดคล้องกับเป้าหมายในการกระจายห่วงโซ่อุปทาน และลดการพึ่งพาจีนในอุตสาหกรรมที่จีนมุ่งหวังจะครอบงำ”


อ้างอิง: nikkei

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จีนเริ่มใช้มาตรการตอบโต้บริษัทสหรัฐ 9 ราย กรณีขายอาวุธให้ไต้หวัน

กระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศ มาตรการตอบโต้บริษัท 9 แห่งที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพสหรัฐ กรณีขาย...

‘สหราชอาณาจักร-ไทย’ลงนามข้อตกลงการค้ากระตุ้นการส่งออก

สหราชอาณาจักรและไทยร่วมลงนามการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (ETP) เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน...

ขอเพียงกำลังใจ

ขอเพียงกำลังใจ ผลงานการคว้าชัยชนะ 2 นัดรวด ทำให้แข้งฟุตซอลทีมชาติไทยของเรา บรรลุเป้าหมายแรก ในการผ่า...

จังหวัดภูเก็ต ‘เป็นเกาะ’ ทำไมถึงมีน้ำท่วม ?

ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ภูเก็ตเป็นเกาะทำไมน้ำท่วม ? รองศาสตราจารย์ รศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ หัวหน้าศูน...