โฆษกไทยสร้างไทย อัด “ภูมิธรรม” เรียกประชุมพรรคร่วมเร่งด่วนดันกฎหมายกาสิโนในวันหยุด ติง ไม่เห็นหัวประชาชนที่กำลังเผชิญปัญหาของแพงทั้งแผ่นดิน ซ้ำต่างประเทศเข้ามาแย่งตลาดในไทย
วันที่ 11 สิงหาคม 2567 นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย หลังมีการเรียกประชุมด่วนพรรคร่วมรัฐบาล ถึงการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... (เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์) หรือกฎหมายกาสิโน ทั้งที่เป็นวันหยุด ว่า แม้รัฐมนตรีจะกล่าวว่าเป็นการประชุมที่วางไว้ เพราะเจ้าตัวติดภารกิจไปต่างประเทศในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ และเป็นการประชุมในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล แต่การใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ประชุมอย่างรีบเร่ง จึงถือว่าเป็นการประชุมในฐานะคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นายปริเยศ เผยต่อไปว่า หากดูสถานการณ์ในเวลานี้ ตนเองไม่เข้าใจว่าตอนนี้ชาวบ้านเผชิญปัญหาสินค้าราคาแพงทั้งแผ่นดิน แถมยังเจอปัญหาด้านการทำมาหากินที่ต่างประเทศเข้ามาแย่งตลาดในเมืองไทย ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนได้ผลกระทบโดยตรง แต่รัฐมนตรีดันเปิดทำเนียบฯ ผลักดันกาสิโน ที่ประเทศได้ค่าใบอนุญาตแค่ปีละพันล้าน แถมประชาชนคนไทยก็ยังไม่มั่นใจด้วยว่าจะเจอปัญหาอื่นๆ ตามมา ทั้งปัญหาสังคม รวมถึงมาเฟียที่แทรกซึมอยู่ในประเทศเต็มไปหมดหรือไม่ในเวลานี้ จึงไม่เข้าใจว่ารัฐบาลเพื่อไทยใช้อะไรคิด หรือเป็นความคิดของรองนายกฯ เพียงคนเดียว
โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวต่ออีกว่า เนื่องจากภาคสังคมและการบังคับใช้กฎหมายของประเทศไทยยังมีปัญหาอย่างมาก รวมทั้งยังมีความเสี่ยงด้านทุนสีเทาอย่างหนักและยังไม่สามารถควบคุมได้ในขณะนี้ อีกทั้งรัฐกำลังจะใช้ระบบการให้สัมปทานแบบเป็นรายๆ ยาวนานถึง 30 ปี ซึ่งประเทศอาจได้ประโยชน์น้อยมากราวปีละพันล้านจากใบอนุญาต ถึงแม้จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น สถานที่รองรับการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่เห็นความแน่ชัดว่าจะบริหารจัดการอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
...
ดังนั้น ไม่แปลกที่ภาคประชาชนเตรียมขับเคลื่อน แถมยังใช้คำกับการทำงานครั้งนี้ของรัฐบาลว่าอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ เพราะเขามีความเชื่อว่าอาจมีผลประโยชน์หลายอย่างที่อาจจะแอบแฝงซ่อนอยู่หรือไม่ และเงื่อนไขของสถานบันเทิงใน 30 ปีตามกฎหมายนี้ อาจจะถูกตั้งข้อสงสัยว่ากลายเป็นผลประโยชน์คอมเพล็กซ์ในสังคมโจราธิปไตยก็เป็นได้.
