เปิดโมเดล ค้าปลีกไทยยุคใหม่ ใช้ O2O ผสมเทค สร้างค้าปลีกโตยั่งยืน

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้จัดงานเสวนา "The Future Technology AI ก้าวไปไกล ฉุดไม่อยู่ องค์กรจะสร้างโอกาสและรับมืออย่างไร” เพื่อร่วมชี้เทรนด์ให้แก่ผู้ประกอบการค้าปลีกไทย เร่งการเติบโตในยุคใหม่ ท่ามกลางคลื่นเทคโนโลยีเข้ามาพลิกโฉมธุรกิจทุกระดับ และสมรภูมิที่ดุเดือดจากการเข้ามาของแฟลตฟอร์มออนไลน์ต่างประเทศในการช่วงชิงฐานลูกค้า  โดยมี เอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ร่วมฉายภาพธุรกิจค้าปลีกไทยในยุคใหม่ (นิวรีเทล)

สำหรับค้าปลีกที่สามารถสร้างการเติบโตและแข่งขันได้อย่างยั่งยืนคือ

1. การจัดทำค้าปลีกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ผสมผสานกัน (O2O) พร้อมต้องเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ

2. การเป็นค้าปลีกที่มีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าอย่างลึกซึ้ง จากมีฐานข้อมูลจากดาต้าจำนวนมหาศาล ในการนำมาสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ

3. พร้อมด้วยนำเสนอข้อมูลทุกอย่างแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและตรงอินไซด์ของกลุ่มลูกค้า จึงเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันขององค์กรค้าปลีกไทย

แนวทางการนำเทคโนโลยีมาทรานฟอร์มของแต่ละภาคธุรกิจ ในเบื้องต้นต้องมีความเข้าใจในเทคโนโลยีก่อน และหาทางปรับให้แก่พนักงานในองค์กรมีทักษะในด้านนี้มากขึ้น พร้อมเริ่มต้นในการลงทุนและนำมาขยายธุรกิจที่ให้สอดคล้องกัน อีกข้อโดดเด่นของการลงทุนเทคโนโลยีในปัจจุบันถือว่ามีวงเงินที่ต่ำกว่าการลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้ และมีระบบที่ให้บริการแบบครบวงจร

อีกทั้งสามารถนำมาประมวลผลร่วมแก้ปัญหาทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วขึ้น แตกต่างจากที่ผ่านมา การแก้ปัญหาภายในองค์กรอาจต้องใช้ระยะเวลานาน เช่น 6 เดือน 1 ปี หรือ 3 ปี แต่การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาวิเคราะห์ สามารถทำให้ทุกอย่างขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว และเร่งการเติบโตไปพร้อมกัน รวมถึงช่วยลดต้นทุนได้อย่างดี เช่น การนำมาวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ยอดขายลดลง และการประเมินคู่แข่ง รวมถึงการหารายได้สร้างโอกาสเติบโตใหม่ๆ 

ซีอีโอต่างเร่งลงทุนด้านเทคโนโลยี

อินไซด์ที่น่าสนใจกับผลการสำรวจซีอีโอ 100 คนในโลก สะท้อนข้อมูลที่น่าสนใจกับการลงทุนด้านเทคโนโลยี พบว่า ผู้บริหารต่างให้ความสนใจลงทุนต่อเนื่อง ทั้งในด้าน “ดาต้าอนาไลติกส์" เพื่อเพิ่มความแม่นยำให้แก่ภาคธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น การลงทุนด้านระบบ “คลาวด์” พร้อมด้วย มุ่งลงทุนด้านไอโอที (IoT) และ เอไอ (AI) อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการประเมินว่า ดิจิทัล เทคโนโลยีในทั่วโลก จะมีมูลค่าสูงถึง 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 เติบโตสูงจากในปี 2561 ที่มีมูลค่าประมาณ 3.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงถึงทุกบริษัทต่างหันมาขยายและมุ่งลงทุนในด้านนี้

วางแผนการตลาดใหม่เจาะให้ลึกลงในเซ็กเมนต์

ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทย สามารถนำดาต้ามาแบ่งกลุ่มลูกค้าในเชิงลึกแต่ละเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ไมโคร ไปจนถึงนาโน เพื่อทำให้วางแผนการตลาดได้อย่างแม่นยำ พร้อมบริหารระบบราคาได้ใหม่ เช่น กลุ่มอาหารสด ราคาสินค้าตอนเช้า กลางวัน และเย็น แตกต่างกัน เนื่องจากช่วงเช้า อาหารมีความสดใหม่มากสุด แตกต่างจากช่วงเย็น ทำให้สินค้าปรับราคาสินค้าลงมาในช่วงเย็นได้ รวมถึงนำระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ มาร่วมบริหารจัดการคลังสินค้าและชั้นวางสินค้าได้ 

อีกเทรนด์ที่น่าติดตามกับ คนรุ่นใหม่คือหันมาใช้ชีวิตคนเดียวและมีไลฟ์สไตล์คนเดียว เรียกว่า โซโล เจเนอเรชัน (Solo generation) หรืออยู่กับครอบครัวขนาดเล็ก ทำให้ร้านอาหารต่างๆ และร้านอาหารพรีเมียม มุ่งนำเสนอชุดอาหารสำหรับคนเดียว และเมนูอาหารแบบญี่ปุ่นมาในรูปแบบ “โอมากาเสะ” ในชุดละ 1 หมื่นบาท เพื่อทานคนเดียว เพื่อรองรับกลุ่มนี้ และเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจสูง

หากประเมินไปที่แบรนด์ค้าปลีกระดับโลกอย่าง วอลมาร์ต (Walmart) จากสหรัฐ ที่มีขนาดธุรกิจค้าปลีกใหญ่มากและมีดาต้าของลูกค้าจำนวนมหาศาล ได้ปรับนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารธุรกิจ ทำให้สามารถนำสามารถบริหารต้นทุน และผลักดันสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เช่น การขายประกันมุ่งเจาะตลาดแม่บ้านในสหรัฐ และมีราคาไม่แพง จึงได้รับความสนใจจากลูกค้านี้สูงมาก มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างแม่นยำพบว่ากลุ่มแม่บ้านมีความเสี่ยงต่ำกว่าลูกค้ากลุ่มอื่นๆ จึงสามารถกำหนดการทำประกันที่มีราคาถูกได้

อีกทั้งได้จัดทำระบบในการสั่งซื้อสินค้าต่างๆ แบบครบวงจร ทั้งมีเทคโนโลยีเอไอ แชทบอท ไอโอที มาผสมผสาน เช่น เมื่อลูกค้าสอบถามผ่านระบบเกี่ยวกับจัดงานเลี้ยง ซึ่งเอไอจะช่วยวางแผนทำให้ลูกค้าจัดงานเลี้ยงได้ตามที่ต้องการ โดยลูกค้าสามารถสั่งได้ผ่านทั้งระบบออนไลน์ การพิมพ์ข้อความ ไปจนถึงสั่งงานผ่านการเสียงได้ 

รีเทลไทยแข่งขันสูง ธุรกิจต้องเร่งปรับตัว

หากมองในอนาคต ทิศทางการแข่งขันของผู้ประกอบการค้าปลีกในไทย อาจมีแบรนด์ค้าปลีกรายใหม่จากต่างประเทศเข้ามาและมีขุมพลังเทคโนโลยีสูง แต่จุดแข็งของผู้ประกอบการไทยคือ การอยู่ในตลาดประเทศไทยมายาวนาน และมีความเข้าใจอินไซด์ของลูกค้าจึงสามารถจัดเก็บข้อมูลดาต้าของตลาดและกลุ่มลูกค้า พร้อมนำข้อมูลมาประมวลผลและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้ในระยะยาว รวมถึงนำเสนอให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้า 

“แม้ว่าในตลาดค้าปลีกจะมีผู้ประกอบการรายใหม่ และเป็นรายใหญ่ระดับโลก แต่สิ่งสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้แก่ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้คือ ผู้ประกอบการไทยมีความเข้าใจตลาดประเทศไทย และมีฐานดาต้า จำนวนมาก จึงสามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ แต่หากไม่เร่งปรับตัวและมุ่งนำเทคโนโลยีมาพัฒนาธุรกิจ จะยิ่งแข่งขันได้ยากมากขึ้น” 

สำหรับกลุ่มทรู ได้มีการนำเทคโนโลยี มาทรานฟอร์มองค์กร มุ่ง ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ธุรกิจขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ และเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว การวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างแม่นยำ การปรับให้บริการแก่ลูกค้าได้ดีมากขึ้น การสร้างสรรค์นวัตกรรมออกมาสู่ตลาดได้อย่างเต็มที่ การร่วมลดต้นทุนภายในองค์กร และการคาดการณ์ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ไปจนถึงการสร้างธุรกิจใหม่ๆ จึงกลายเป็นองค์กรแนวหน้าของประเทศ พร้อมไม่หยุดนิ่งการยกระดับเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ฮิซบอลเลาะห์ระส่ำวันที่ 2 ว.ระเบิด ดับ 20 ราย l World in Brief

เลบานอนระเบิดอีก รอบนี้เป็น ว.ฮิซบอลเลาะห์ วิทยุมือถือที่กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ใช้ ระเบิดทั่วภาคใ...

AI Governance ก้าวแรกที่อย่ามองข้ามสำหรับทุกองค์กร

ในขณะที่แต่ละองค์กรกำลังตื่นตัวกับการวางแผนหรือเริ่มประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับกระบวนการแล...

ภาคอีสานครึ่งแรกซัพพลาย5หมื่นล้านโคราชขายบ้านสูงสุดขอนแก่นคอนโดขายดี

วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(RE...

ด่วน! เฟดลดดอกเบี้ย 0.5% ครั้งแรกในรอบ 4 ปี ตลาดหุ้นสหรัฐเด้งรับก่อนปิดลบ!

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง 0.5% เมื่อวันพุธที่ 18 ก.ย. 2567 ถือเป็นการเริ่...