เงินบาทแข็งแบบตะโกน

“เงินบาทแข็ง” เป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนไทยปวดหัวหนักในช่วงนี้ 

แม้ในทางทฤษฏี ทิศทางของเงินบาทจะเป็นบวกกับความมั่งคั่งของคนไทยโดยรวม แต่หลายคนนำเงินลงทุนไปต่างประเทศแล้วช่วงนี้จึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่ได้นำเงินออกไป ก็เกิดความกังวลเรื่องจังหวะการลงทุน ว่าเงินบาทจะแข็งไปกว่านี้ไหม

ผมจึงชวนวิเคราะห์แนวโน้มเงินบาทแข็งที่กำลังเกิดขึ้นและอนาคต เพื่อประเมินกลยุทธ์การลงทุนไปพร้อมกับทุกท่าน

เริ่มแรกมองไปที่ตัวแปรและเหตุผลหลักที่หนุนให้เงินบาทแข็งค่าก่อน สาเหตุหลักมีด้วยกัน 3 เรื่อง

หนึ่งคือนโยบายการเงินสหรัฐกลับทิศ กดดันให้ยีลด์ปรับตัวลง ส่วนต่างยีลด์ต่ำ เงินลงทุนไหลสู่ตลาดเกิดใหม่

ประเด็นนี้มีผลกับเงินบาทก่อนหน้านี้แน่นอน เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยพลิกกลับช่วงเวลาเดียวกับเงินบาทแข็งค่า

อย่างไรก็ดี ผมมองว่าผลกระทบของความคาดหวังนี้เกิดขึ้นมาสักพักแล้ว ยีลด์สหรัฐที่เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดราว 4.9% ปลายต.ค.ปีก่อน ลดลง 130bps เหลือเพียง 3.6% ในปัจจุบัน

และไม่ใช่แค่ยีลด์สหรัฐลดลงเร็ว บอนด์ยีลด์ไทยอายุ10ปีก็ลดลงจาก 3.4% มาที่ 2.5% คิดเป็นการปรับลง 90bps ในช่วงเดียวกัน ส่วนต่างของยีลด์จึงแคบลงก่อนที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. 

ทางทฤษฎี การลดดอกเบี้ยควรกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่า แต่เมื่อยีลด์ลดลงก่อน ก็เปรียบเสมือนตลาดรับรู้แนวโน้มดอกเบี้ยและเศรษฐกิจสหรัฐไปแล้ว

ผมเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่เฟดให้ความชัดเจนเรื่องเป้าหมายดอกเบี้ยที่ต้องการ จังหวะนั้นจะเป็นจุดสิ้นสุดของแนวโน้มบาทแข็งจากนโยบายการเงิน

ในทางกลับกัน โอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่ากลับจะเกิดขึ้นบ้างเมื่อธปท.ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยบ้าง

สองคือทิศทางของเงินดอลลาร์และมุมมองนักลงทุนต่อการลงทุนทั่วโลกและไทย ประเด็นนี้อนาคตเป็นได้ทั้งบวกและลบ 

มองจากจุดกลับตัวที่บาทพลิกแข็งค่า นอกจากนโยบายการเงินก็มีการเปลี่ยนแปลงด้านแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนให้เห็นทั้งฝั่งสหรัฐและไทย

เริ่มที่สหรัฐ ธีม AI ที่ช่วยหนุนตลาดมาตลอดครึ่งปีแรกเริ่มไม่สามารถสร้างเซอร์ไพรซ์ได้ ตลาดแรงงานสหรัฐเผยแนวโน้มชะลอตัวให้เห็น 

ขณะเดียวกันกับที่ฝั่งการเมือง พรรค Democrat ตีตื้นขึ้นมาได้ ทำให้โอกาสการกลับมาของ Donald Trump ลดลง คลายความเสี่ยงสงครามการค้าเต็มรูปแบบ

ส่วนฝั่งไทย ก่อนหน้านี้การเมืองในประเทศกผันผวนมาก เงินทุนไหลออก ล่าสุดเมื่อมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีความเสี่ยงเหล่านี้จึงหายไป พอดีกับที่ดอลลาร์เริ่มอ่อนเงินทุนจึงไหลเข้าเงินบาทอย่างรวดเร็ว

สุดท้าย แนวโน้มทองคำขาขึ้นสามารถหนุนให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง

แม้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 เราจะไม่ได้เห็นความสัมพันธ์ของทองคำและเงินบาทมากนัก เพราะราคาทองคำปรับตัวขึ้นไม่หยุดขณะที่เงินบาทพึ่งมาแข็งช่วงนี้ 

แต่มองด้านโครงสร้างการส่งออกของไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทองคำ (ไม่นับรวมทุนสำรองระหว่างประเทศ) ได้กลายเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกหลักที่มีสัดส่วนราว 1%/GDP มากกว่าประเทศเพื่อนบ้านปรกติที่การค้าทองคำมีสัดส่วนเพียงราว 0.1-0.2%

ด้วยโครงสร้างนี้ เงินบาทและทองคำจะเคลื่อนไหวไปในทิศเดียวกัน เพราะในช่วงทองคำขาลง นักลงทุนในประเทศจะซื้อดอลลาร์ไปซื้อทองดันให้บาทอ่อน เมื่อทองคำเป็นขาขึ้น จะมีแรงขายทำกำไร และซื้อเงินบาทกลับ จากความสัมพันธ์ในอดีต เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้น 5% เงินบาทจะแข็งค่าลงราว 1%

ช่วงปีที่ผ่านมาเป็นคนละเหตุผล เพราะมีทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐที่เข้มงวดผิดปรกติ หรือแรงซื้อทองมาจากธนาคารกลาง หรือการเมืองไทยไม่นิ่ง 

แต่เมื่อเหตุการณ์ข้างต้นกลายเป็นอดีตไปหมดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเงินบาทและทองคำจะกลับมาเป็นบวกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เมื่อนำทั้ง 3 ตัวแปรมาประเมินพร้อมกัน ผมมองว่าจะได้แนวโน้มเงินบาทที่มีโอกาสแข็งค่ามากกว่าอ่อนค่า ช่วงท้ายปี 2024 ถึงปี 2025

สำหรับใครที่อยากเห็นบาทอ่อน กรอบที่ควรมองหาคือช่วง 34.5-35.5 บาทต่อดอลลาร์ ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ตลาด Risk Off ทองไม่ลง พร้อมกับ Donald Trump ชนะเลือกตั้ง

แต่กรณีฐานของผม คือดอกเบี้ยสหรัฐจะลดลงเหลือ 3.50% เศรษฐกิจสหรัฐ Soft Landing และ Kamala Harris ชนะเลือกตั้ง 

คาดว่าจะเห็น Dollar Index อ่อนค่าลง 2-5% หนุนราคาทองคำเป็นขาขึ้นต่อ กดให้เงินบาทแข็งค่าในกรอบ 31.7-32.3 บาทต่อดอลลาร์ในปีหน้า

ส่วนใครที่รอบาทแข็ง ให้จับตาไปที่กรณี Harris และ Democrat ชนะเลือกตั้งทั้งหมด พร้อมกับเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยลงไปต่ำกว่า 3.5% อาจได้กลับไปเห็นระดับ 30-31บาทต่อดอลลาร์เหมือนก่อนวิกฤติโควิด

สำหรับนักลงทุน ผมมองว่าเงินบาทแข็งควรเป็นโอกาสการลงทุนมากกว่าความเสี่ยง และถ้าไม่อยากเสี่ยง ก็คุ้มที่จะมองหาการลงทุนหรือเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เตรียมไว้ให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้ครับ

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

แหล่งข่าวเผย อิสราเอลแจ้งสหรัฐจะทำอะไรบางอย่างในเลบานอน!

เมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนแถลงว่า วิทยุมือถือ (ว.) ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ ได้ระเ...

ว.ฮิซบอลเลาะห์ระเบิด แปะฉลาก ‘เมด อิน เจแปน’

ภาพถ่าย ว.ฮิซบอลเลาะห์ที่ระเบิดเมื่อวันพุธ (18 ก.ย.) พบฉลาก “ICOM” และ “เมด อิน เจแปน” สำนักข่าวรอยเ...

'บิลลี ไอลิช-โจ โรแกน' เชียร์'คามาลา แฮร์ริส'

เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงาน ป็อปสตาร์ “บิลลี ไอลิช” โพสต์คลิปเคียงข้างพี่ชายบนอินสตาแกรม กระตุ้นให้ผู้ต...

‘รถไฟ’ กระจายความเจริญ กรณีศึกษา: โฮคุริคุ ของญี่ปุ่น | กันต์ เอี่ยมอินทรา

ได้เห็นการเชื่อมต่อด้วยระบบรางระหว่างกรุงเทพกับลาวแล้วก็อดคิดถึงรถไฟต่างประเทศไม่ได้ เพราะรถไฟไทยเรา...