นายกรัฐมนตรี ชี้แจงที่ประชุมวุฒิสภา พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม ปี 67 วงเงิน 122,000 ล้าน ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ให้คำมั่นดำเนินการตามกฎหมาย กรอบวินัยการเงินการคลัง ใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เมื่อเวลา 09.34 น. วันที่ 6 สิงหาคม 2567 นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา กล่าวเปิดการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 3 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) โดยมีวาระการพิจารณาเรื่องด่วนที่สำคัญ คือ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. .... ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว (วุฒิสภาจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 20 วัน นับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัติมาถึงวุฒิสภา ซึ่งจะครบกำหนด 20 วัน ในวันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2567) โดยในที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้งดใช้ข้อบังคับข้อ 138 เป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี โดยจะไม่ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฉบับนี้ เนื่องจากมีเวลาจำกัด
...
จากนั้นเวลา 09.55 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอและชี้แจงถึงความจำเป็นของร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. .... วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 122,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ (โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet) โดยสรุปว่า หลังจากที่ได้แถลงถึงเหตุผลความจำเป็นที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว วันนี้จึงมาแถลงเรื่องนี้ต่อวุฒิสภา
ทั้งนี้ รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทุกพื้นที่ บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน ซึ่งจะยกระดับคุณภาพชีวิตและการดำรงชีพ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โดยตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 122,000 ล้านบาท แม้ว่าการขาดดุลงบประมาณจะเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนของรายจ่ายลงทุนก็เพิ่มเป็นร้อยละ 22.4 ของวงเงินงบประมาณรวม ซึ่งมากกว่าการขาดดุล และการบริหารงบประมาณรายจ่ายทั้งหมดนี้จะเป็นการใช้จ่ายตามนโยบายรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และรัฐบาลจะดำเนินการให้เป็นไปตามตามกฎหมาย กรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด กระตุ้นเศรษฐกิจให้เม็ดเงินไหลไปสู่ประชาชนและภาคธุรกิจ ให้ประเทศโตได้เต็มพัฒนาศักยภาพ
จากนั้นเวลา 10.11 น. เข้าสู่การอภิปรายของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยผู้อภิปรายคนแรกคือ พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว. กลุ่มที่ 2 (กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นผู้พิพากษา ตุลาการ อัยการ ตำรวจ ผู้ประกอบวิชาชีพด้านกฎหมาย หรืออื่นๆ ในทำนองเดียวกัน) ได้กล่าวถามหานายกรัฐมนตรีว่ากลับแล้วหรือ น่าจะฟังการอภิปรายก่อน โดย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีเข้ามาเพื่อชี้แจงในลำดับแรก และต้องเดินทางไปประชุม ครม. ที่ทำเนียบรัฐบาลต่อ แต่ตนเองลาการประชุม ครม. จะอยู่ตอบและชี้แจงทั้งวัน รวมถึงรัฐมนตรีบางส่วนก็จะทยอยเดินทางมาร่วมประชุมวุฒิสภาหลังการประชุม ครม. ด้วย เมื่อชี้แจงจบการอภิปรายจึงดำเนินต่อไป.
(ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์)