สัญญาณ ‘อนุทิน’ คิวนายกฯ ลุ้นอนุรักษ์ขยับดีล เปลี่ยนแกนนำ

สิงหา 3 ฉากทัศน์จับสัญญาณล้างไพ่  ทั้งคดียุบพรรคก้าวไกล ที่กำลังดำเนินอยู่บนทาง 2 แพร่ง โอกาสถูกยุบพรรคมีสูง สัญญาณรอดยังมี “คีย์แมนส้ม” เชื่อแบบนั้น

ไม่ต่างจากการชี้ขาดความเป็นนายกฯ ของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ที่ถูก “40 อดีต สว.” ยื่นคำร้องตรวจสอบกรณีการแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรี ซึ่งคดีนี้อาจผูกโยงไปกับการพ้นโทษของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี “นายใหญ่เพื่อไทย” ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

เป็นสถานการณ์ที่ “ทักษิณ” ประเมินเช่นกันว่า สิงหาจะได้เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

โฟกัสที่คดีของ “เศรษฐา” นาทีนี้ “คีย์แมนรัฐบาล” รวมถึงคอการเมืองจากหลากหลายสำนัก ยังประเมินไปในทิศทางที่เป็นบวก 

โดยเฉพาะเอกสารคำแถลงปิดคดีของ “เศรษฐา” ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ไปเมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 ที่ผ่านมา หลักใหญ่ใจความอยู่ที่การอ้างถึง “บันทึกการประชุม” ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ปี 2560 ที่ “มีชัย ฤชุพันธุ์” เป็นประธาน

เวลานั้นมีการถกเถียงถึงการตีความ บทบัญญัติมาตรา 160 (4) และ (5) แห่งรัฐธรรมนูญ ที่ให้รัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมทางจริยธรรมที่ดี ซึ่ง “มีชัย” ระบุว่า ในเรื่องการขาดคุณสมบัติให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ในกรณีของ “พิชิต” ได้ลาออกไปก่อนศาลฯ รับคำร้องทำให้ “พิชิต” จึงไม่ได้อยู่ในสถานะผู้ถูกร้องในชั้นศาลฯ อีกทั้ง “พิชิต” ยังไม่ได้ถูกวินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่

การตั้งเป็นรัฐมนตรีจึงได้ตัดสินใจไปโดยความสุจริต ตามประเพณี และข้อพึงปฏิบัติทางการเมืองโดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

แน่นอนว่า หากเป็นไปในทิศทางนี้คือ “เศรษฐารอด” นั่นย่อมเป็นการประคับประคองเก้าอี้เบอร์ 1 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ให้อยู่รอดปลอดภัยต่อไป

ทว่า ในห้วงที่มีการทำนายทายทักผลคำวินิจฉัยคดีเศรษฐา ในวันที่ 14 ส.ค.67 คาดการณ์ว่าจะออกมาเป็นบวก จู่ ๆ กลับมีสัญญาณสร้างกระแสบางอย่างที่อาจไม่ค่อยสู้ดีนัก

ผูกโยงกับกรณีที่ศาลอาญายกคำร้องกรณี “ทักษิณ” ขออนุญาตออกนอกประเทศ ไปพบแพทย์ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เทียบเคียงกับปี 2551 เวลานั้นอดีตนายกฯ ต้องคดีที่ดินรัชดา ซึ่งเดจาวูเกิดขึ้นในช่วงเดือนส.ค.เช่นเดียวกัน

เหตุผลที่ศาลไม่อนุญาต อาทิ ไม่มีเหตุผลรวมถึงพยานหลักฐานที่ชัดเจนถึงความจำเป็น และช่วงเวลาการเดินทางระหว่างวันที่ 1-16 ส.ค.67 เป็นช่วงใกล้กับวันนัดตรวจพยานหลักฐาน

2 กรณีที่ถูกผูกโยงกันนี้เอง มีการมองว่า จะเป็นการส่งสัญญาณมาจากฝ่ายตุลาการหรือไม่ อย่างไร

หาก “เศรษฐา” ไม่รอด แน่นอนว่า ย่อมส่งผลไปถึงเก้าอี้นายกฯ เป็นอันต้องสะดุดหยุดลง และอาจหมายรวมไปถึงการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

 พรรคเพื่อไทยเวลานี้ มีแคนดิเดตนายกฯ เหลืออีก 2 คนคือ แพทองธาร ชินวัตร และ ชัยเกษม นิติสิริ 

แม้ที่ผ่านมาจะมีสัญญาณว่า “แพทองธาร” ยังไม่พร้อมขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ส่วนชัยเกษม ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ 

ชั่วโมงนี้แม้บางกระแสยังคงเชื่อว่า หากเกิด “อุบัติเหตุการเมือง” ขึ้นกับพรรคเพื่อไทยในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีของเศรษฐา หรืออุบัติเหตุการเมือง อื่นๆ หลังจากนี้ นายใหญ่เพื่อไทยจะยังคงแบกคนของพรรคคนใดคนหนึ่ง เพื่อรักษาดุลอำนาจในฐานะเบอร์หนึ่งในขั้วรัฐบาล

ทว่า การเมืองไทยอะไรย่อมเกิดขึ้นได้ 

เวลานี้เริ่มมีสัญญาณ “นอกสมการการเมือง” แต่มีนัยที่ทรงพลัง ฉายสูตรการเมืองที่อาจต้องจับตาหลังจากนี้ 

โดยเฉพาะชื่อของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคลำดับสองในซีกรัฐบาล ซึ่งถูกจับตามาโดยตลอด

จับสัญญาณสีน้ำเงินเวลานี้ซึ่งผงาดทั้ง “สภาล่าง-สภาสูง” กว่า 200 เสียง ไม่ต่างบิ๊กอีเวนต์โชว์พลัง “เลือดสีน้ำเงิน” กลางสนามช้าง อารีนา จ.บุรีรัมย์ จัดโดย “พ่อใหญ่เนวิน ชิดชอบ” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

เหนือไปกว่านั้นคือ การได้รับ “เครื่องหมายสำคัญ” ที่ใช่ว่านักการเมือง หรือบิ๊กเนมการเมืองจะได้กันทุกคน จึงทำให้ถูกจับตาว่าจะเป็นสัญญาณเบิก ทางการรับ “ตำแหน่งสูงสุด” ของอนุทินหลังจากนี้หลังจากนี้ หรือไม่อย่างไร

วันก่อน “เสี่ยหนู” พูดถึงกระแสนายกฯ สำรอง หากเกิดอุบัติเหตุการเมือง ส่งสัญญาณพร้อมนั่งนายกฯ(ตัวจริง)เมื่อถึงเวลา

ที่น่าสนใจ ดีลอย่างไม่เป็นทางการ เหมือนทีเล่น แต่ก็เหมือนทีจริง ที่ “เสี่ยหนู” แลกเปลี่ยนกับ “นายใหญ่เพื่อไทย” ถึงคิวนายกฯ ลำดับถัดไป หากเป็น อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เขาพร้อมหลีกทางให้ 

นั่นหมายความว่า หากแพทองธาร ยังไม่พร้อม แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคร่วมรัฐบาลลำดับสอง พร้อมแล้ว 

การเมืองไทยวันนี้ เมื่อเปลี่ยนผ่านจากยุค 3 ป.เรืองอำนาจ เข้าสู่ยุค 3 ก๊ก “แดง-น้ำเงิน-ส้ม” ไม่ต่างจากดุลอำนาจที่เปลี่ยนไปโดยเฉพาะ “ขั้วอนุรักษนิยม”

หากจับจังหวะเวลานี้ สัญญาณเริ่มบ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ในเชิงการเมืองของ  “2 ลุง” อนุรักษนิยมเก่าได้หมดไปแล้ว และกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ “อนุรักษนิยมใหม่” โดยมี “สีน้ำเงิน” เป็นคีย์แมน พร้อมๆ กับชื่อ “อนุทิน” ที่ถูกพูดถึงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

ที่สำคัญหากดีลหลักในการฟื้นอนุรักษนิยมกลับมา เพื่อไทยทำไม่สำเร็จ เมื่อนั้นดีลหลักอาจถูกเปลี่ยน 

ฉากทัศน์การเมือง ที่จะปรับ "แกนนำรัฐบาลใหม่" ไปอยู่ในมือค่ายสีน้ำเงิน ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...