“อิทธิพร” นำประชุม กกต. ถกคำร้องเลือก สว.2567 หลังยังไม่มีสัญญาณประกาศรับรอง ด้าน “อังคณา นีละไพจิตร” ว่าที่ สว. แนะ ควรรับรองก่อนค่อยสอยที่หลัง เหตุ แต่ละกลุ่มมีสำรองอยู่แล้ว
จากกรณีไทม์ไลน์ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดไว้ ในการประกาศผู้สมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ผ่านการเลือกเป็น สว. 200 คน เมื่อเช้ามืดวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ซึ่ง นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ระบุในการแถลงว่า การพิจารณาประกาศผลจากนี้ ต้องรออีกไม่น้อยกว่า 5 วัน หรือนับตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นวันที่ 3 กรกฎาคม แต่ กกต.มีสิทธิที่จะประกาศผล ถ้าเห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
ล่าสุดวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 กกต.นัดประชุมเพื่อวินิจฉัยคำร้องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติของผู้ได้รับเลือก และกระบวนการเลือกที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายกว่า 1,000 เรื่อง โดยมี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. เป็นประธานการประชุม โดยเฉพาะกรณีการเลือกไขว้ ที่มีลักษณะลงคะแนนเป็นชุดๆ โดยใบลงคะแนนหมายเลขเหมือนๆ กัน
...
ทางด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร ว่าที่ สว. กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ จาก กกต. ว่าจะรับรองผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว. ซึ่งความจริงแล้วกฎหมายระบุว่าให้รับรองหลังจากเลือกไปแล้ว 5 วัน คือหลังจากวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ส่วนตัวมองว่าแม้จะมีเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก แต่เห็นว่าควรจะรับรองไปก่อน แล้วถ้าใครขาดคุณสมบัติก็มาสอยทีหลัง และในช่วงนี้สามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบคร่าวๆ ได้ก่อน เพราะตอนที่ไปสมัคร สว. ไม่ได้มีการตรวจสอบรายละเอียดคุณสมบัติใดๆ ใช้เพียงบัตรประชาชน ให้ผู้สมัครกรอกรายละเอียดและดูเพียงใบรับรอง ดังนั้น การจะตรวจสอบว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในด้านนั้นๆ สามารถตรวจสอบได้แบบเร็วๆ ส่วนคุณสมบัติอย่างอื่น คิดว่าน่าจะรับรองไปก่อนแล้วค่อยมาตรวจสอบในรายละเอียด เนื่องจากแต่ละกลุ่มมีสำรองอยู่แล้ว
ส่วนประเด็นที่มีการร้องเรื่องคะแนนว่าส่อฮั้วหรือสมยอมเพราะมีการลงคะแนนเหมือนกันเป็นชุดหลายคนนั้น นางอังคณา กล่าวตอบว่า ตราบใดที่ยังเป็นกติกานี้ เลือกกี่รอบก็ยังเป็นเช่นนี้ เพราะกฎหมายออกมาแบบนี้ ดังนั้น ต่อให้คนที่ไม่รู้จักกันเลยก็ต้องไปขอคะแนนกัน จึงคิดว่าไม่มีทางที่จะแก้อะไรได้ เพราะกฎหมายระบุมาเช่นนี้ ส่วนตัวมองว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ โดยเมื่อรับรองชุดนี้ไปแล้ว ให้รีบแก้ไข ซึ่งตนพร้อมที่จะให้ สว.ชุดนี้ หมดวาระไปตามรัฐธรรมนูญใหม่ และค่อยเลือกกลับเข้ามาใหม่ ไม่เช่นนั้นเชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้.