สส.พรรคประชาชาติ ยัน ไม่เกี่ยวข้องกับการทำประชามติเรียกร้องเอกราชปาตานี หลังถูกยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค ชี้ เคยแจง กกต. ไปแล้ว
เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 6 กันยายน 2566 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ พร้อมด้วย นายวรวิทย์ บารู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชาติ และคณะ แถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา กรณีที่พรรคประชาชาติถูกยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค เนื่องจากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวการทำประชามติเรียกร้องเอกราชปาตานี ร่วมกับกลุ่มขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Bangsa) นั้น
ขอชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นการจัดงานเวทีของขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Bangsa) เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 เพื่อทำเวทีประชามติแบ่งแยกดินแดน ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทางพรรคประชาชาติไม่ได้เป็นผู้ร่วมจัดงาน แต่ได้รับเชิญให้ไปเป็นวิทยากรบนเวทีในช่วงบ่าย ซึ่งทางพรรคได้มอบหมายให้ นายวรวิทย์ ซึ่งเป็นอดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นวิทยากรร่วมเสวนา เรื่อง “สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง (Self Determination) กับสันติภาพปาตานี” โดยไม่ได้กล่าวหรือพูดถึงการทำประชามติเกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนแต่อย่างใด และไม่ทราบว่าช่วงเช้าของวันนั้นมีการจัดทำประชามติเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
...
อีกทั้งนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์และเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ก็ได้ไปชี้แจ้งต่อฝ่ายสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับจนถึงบัดนี้ทางพรรค และ นายวรวิทย์ ก็ไม่ได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา หรือแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดฐานล้มล้างการปกครอง หรือการปลุกระดมใดๆ ทั้งสิ้น
“พรรคประชาชาติขอยืนยันว่า การดำเนินกิจการของพรรคตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีนโยบายภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำฟ้อง พรรคก็พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นกัน”
ทางด้าน นายวรวิทย์ กล่าวเสริมว่า ได้รับเชิญจากผู้จัดงานให้ร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรมสัมมนาดังกล่าว เป็นการให้ข้อมูลในเชิงวิชาการ และเป็นองค์ความรู้หนึ่งของผู้ที่เรียนรู้เกี่ยวกับความมั่นคงและการจัดการความขัดแย้งตามแนวทางสันติวิธี นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าพรรคประชาชาติจะอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็มีสมาชิกจากทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มที่นับถือศาสนาอิสลามเพียงอย่างเดียว รวมทั้งได้เดินทางไปให้ข้อมูลต่อฝ่ายสอบสวนของ กกต. เรียบร้อยแล้ว และไม่เคยได้รับการเชิญหรือเรียกตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งการเสวนาดังกล่าวยังเป็นไปในเชิงวิชาการ จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะมีการพูดคุยในประเด็นการแบ่งแยกดินแดนตามที่ถูกกล่าวหา.