ฮับการเงิน ‘ฮ่องกง’ อยู่ในความเสี่ยง เมื่อรัฐบาลผ่านกฎหมายความมั่นคง ม.23

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ฮ่องกงผ่าน “กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ มาตรา 23” แล้วในวันอังคารที่ 19 มี.ค. 2567 จุดกระแสกังวลต่อนักลงทุนว่า “ฮับด้านการเงิน” อย่างฮ่องกงนี้จะเปลี่ยนไปจากเดิม 

รายละเอียดของกฎหมายฉบับนี้ คือ การเพิ่มโทษและเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ในการปราบผู้บ่อนทำลายความมั่นคงของฮ่องกง ความพยายามแยกเกาะแห่งนี้ให้เป็นอิสระจากจีน การก่อการร้าย และการสมคบคิดกับต่างชาติ โดยบทลงโทษสูงสุดของกฎหมายใหม่ คือ “จำคุกตลอดชีวิต” โดยแบ่งโทษไว้ดังนี้

- อาชญากรรมที่เกี่ยวกับความมั่นคงชาติ ได้รับโทษจำคุกสูงสุด

- การทรยศชาติ จำคุกตลอดชีวิต

- การก่อกบฏ จำคุกตลอดชีวิต

- การครอบครองและเข้าถึงความลับของชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 7 ปี

- เปิดเผยความลับของชาติ จำคุก 10 ปี 

- การจารกรรม จำคุก 20 ปี

- การปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ จำคุก 10 ปี

- ให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยผิดกฎหมาย จำคุก 7 ปี 

- อาชญากรรมทางด้านไซเบอร์ จำคุก 20 ปี 

สำหรับความเร็วของการผ่านกฎหมายนี้รวดเร็วดังสายฟ้าแลบ โดยใช้เวลาเพียง 11 วัน เร็วที่สุดนับตั้งแต่การผ่านกฎหมายในช่วงปี 2540 ที่ฮ่องกงซึ่งเคยเป็นของอังกฤษกลับสู่อ้อมอกจีน 

ชุดผู้บริหารฮ่องกงมอง ม.23 ช่วยรักษาความมั่นคงชาติ

จอห์น ลี (John Lee) ผู้บริหารฮ่องกง กล่าวหลังจากที่กฎหมายผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า “นี่สะท้อนถึงความรักชาติในจุดสูงสุด พวกเราภูมิในที่ทำภารกิจนี้สำเร็จในการปกป้องความมั่นคงของชาติ” โดยลีมีกำหนดการลงนามกฎหมายฉบับนี้ในวันเสาร์ (23 มี.ค. 2567) เพื่อทำให้กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ 

กลุ่มคณะผู้บริหารฮ่องกงมองการมีมาตรา 23 จะช่วยทำให้ “การเมืองมั่นคง” เพราะในช่วงปี 2562–2563 ที่เกิดการประท้วงใหญ่ในหมู่เกาะแห่งนี้ ส่งผลให้การทำธุรกิจเกิดอุปสรรค มีการปิดถนนหนทางต่าง ๆ เกิดการจลาจลขึ้นจนสะเทือนความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุน ดังนั้น กฎหมายฉบับใหม่จะช่วยให้การเมืองมีเสถียรภาพ และเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจตามมา

คริส ถัง (Chris Tang) เลขาธิการด้านความมั่นคงของฮ่องกง ระบุว่า มาตรา 23 ได้รับการสนับสนุนจากสาธารณะอย่างท่วมท้นมากถึง 98.6% พวกเราพยายามรักษาระบบกฎหมาย และที่สำคัญ “ความมั่นคง” เป็นพื้นฐานของการทำธุรกิจ

โลกตะวันตกวิตกกฎหมายความมั่นคงใหม่

แม้ว่ารัฐบาลฮ่องกงจะรู้สึกยินดี แต่คณะทำงานไบเดนของสหรัฐและผู้แทนสหภาพยุโรปกลับเห็นว่า ภาษากฎหมายใหม่ที่ใช้ค่อนข้าง "คลุมเครือ" ไม่รัดกุม จึงเอื้อต่อการตีความที่อาจละเมิดสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการแสดงออกของประชาชน 

ขณะเดียวกัน เดวิด คาเมรอน (David Cameron) รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหราชอาณาจักรกังวลว่า ชื่อเสียงฮ่องกงด้านนครนานาชาติที่เคยเคารพหลักนิติธรรมอาจเปลี่ยนไป

จุดน่าสนใจ คือ ก่อนหน้าที่กฎหมายนี้จะผ่าน เหล่าบริษัทตะวันตกที่เข้าไปทำธุรกิจในฮ่องกง เช่น KPMG และ Deloitte บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการทำบัญชี ก็กำชับให้พนักงานมีโทรศัพท์ 2 เครื่อง “เครื่องที่หนึ่ง” ใช้คุยงานในฮ่องกง ส่วน “อีกเครื่อง” ใช้คุยงานกับต่างประเทศซึ่งอาจมีข้อความที่ทางการจีนไม่ค่อยสบายใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการมีปัญหากับรัฐบาลจีน 

ไม่แน่ว่ากฎหมายใหม่ล่าสุดนี้ อาจทำให้ความเข้มงวดเรื่องนี้เพิ่มขึ้น จนความเป็นอิสระต่อการทำธุรกิจ ฮับด้านการเงินที่เคยเด่นด้านการเข้าออกของเงินอย่างเสรี และมีระเบียบเข้มงวดน้อยกว่าจีนแผ่นดินใหญ่อาจเปลี่ยนไปก็เป็นได้

อ้างอิง bloomberg, business

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘รถหรู’ เป้าหมายต่อไปของ ‘อีวีจีน’ เร่งเดินหน้าลุยตลาดอาเซียน

หลังจากประสบความสำเร็จในการบุกตลาดรถยนต์อีวีโดยใช้ “กลยุทธ์ราคา” ที่ถูกกว่าฝ่าทะลวงเจ้าตลาดค่ายรถญี่...

จีนซ้อมรบรอบใหม่ใกล้ไต้หวัน คาด ‘ฝึกปิดท่าเรือ-ไล่กองกำลังต่างชาติ’

กองทัพจีน เริ่มซ้อมรบรอบใหม่ใกล้เกาะไต้หวันอย่างไม่มีกำหนดสิ้นสุด เพื่อปราม “การกระทำแบ่งแยกดินแดนขอ...

‘เศรษฐกิจ’ เน้นสงคราม ทำเสถียรภาพ ‘รัสเซีย’ สั่นคลอน

นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจรัสเซียที่เน้นให้ความสำคัญกับสงคราม และมีแผนใช้จ่ายด้านการทหารจำนวนมาก เสี่ยง...

การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา | ศุภวุฒิ สายเชื้อ

นอกจากนั้น ตัวของแฮร์ริสเองและทีมงาน ก็ไม่ได้ไว้วางใจ และย้ำในการหาเสียงอย่างสม่ำเสมอว่า ฝ่ายของตนเป...