กีดกันการค้าไม่สะเทือน ! นักวิเคราะห์ชี้ จีนยังสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโลก

อัลเบิร์ต พาร์ค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ในกรุงมะนิลา ประเทศมาเลเซีย เผยกับซีเอ็นบีซีว่า จีนยังคงเป็นคู่ค้าที่สำคัญรายหนึ่งสำหรับประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก แม้การค้าโดยรวมกับจีนในบางประเทศจะลดลง แต่การมีส่วนร่วมและการเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกของจีนยังไม่ลดน้อยลง

การค้าของจีนกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ลดลงในปี 2566 โดยการส่งออกรายปีลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เนื่องจากความต้องการสินค้าจีนลดลง ท่ามกลางเศรษฐโลกที่ชะลอตัว แต่วิลสัน เซ็นเตอร์ สถาบันคลังสมองของสหรัฐ ระบุว่า มหาอำนาจทางเศรษฐกิจแห่งนี้ยังคงเป็นคู่ค้าอันดับต้น ๆ ในกว่า 120 ประเทศ และยังคงเป็นพาร์ตเนอร์การค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม

พาร์คกล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่บางประเทศ หรือบริษัทจำหน่ายสินค้าบางอย่างพยายามจำกัดการค้ากับจีนอย่างแข็งขัน แต่เมื่อดูการค้าในระดับโลก ความพยายามตัดสัมพันธ์การค้ากับจีนเห็นได้น้อยมาก แม้ความขัดแย้งทางการค้าเริ่มต้นในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2561 แต่ในห่วงโซ่คุณค่า ประเทศจีนไม่เคยสำคัญน้อยลงเลย

ในปี 2561 ทรัมป์ขึ้นอัตราภาษีและตั้งกำแพงทางการค้ากับจีนหลายอย่าง แต่จีนยังคงมีสัดส่วนการค้าขนาดใหญ่ในเศรษฐกิจโลก โดยมีสัดส่วน 18% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของโลก ซึ่งยังคงทำให้จีนเป็นเขตเศรษฐกิจการค้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

หลังถูกจำกัดการค้า จีนหันมาพึ่งพาตนเอง จึงนำเข้าน้อยลง แต่ยังคงรักษาอุปสงค์จากต่างชาติได้ และได้ขยายการส่งออกที่ช่วยหนุนการเติบโตของประเทศ

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยในแถลงการณ์ในเดือนนี้ว่า “ปัจจัยหลายอย่างบ่งบอกว่า การตัดสัมพันธ์ด้านกระบวนการผลิตและการบริโภคจากจีนในระดับโลกยังไม่เกิดขึ้น”

ขณะที่สหรัฐและสหภาพยุโรป (อียู) พิจารณากำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทจีนที่เชื่อว่าช่วยเหลือรัสเซียทำสงครามกับยูเครน ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้อาจกระทบเศรษฐกิจจีนที่พยายามหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาหลังการแพร่ระบาดโควิด แต่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงทุนในจีนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังคงต่อสู้กับแรงกดดันจากเงินเฟ้อ เศรษฐกิจชะลอตัว และวิกฤติอสังหาริมทรัพย์

เอเชียที่พึ่งพาเศรษฐกิจจีนอาจได้รับผลกระทบ

พาร์คเตือนว่า เนื่องจากความเชื่อมโยงทางการค้าระดับโลกของจีนนั้นยังคงครอบคลุมกว้างขวาง ทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนที่ยากลำบาก สร้างความเสี่ยงต่อสภาพแวดล้อมทางการค้าในเอเชีย

นักเศรษฐศาสตร์จากเอดีบีกล่าวว่า จีนยังคงเป็นผู้สร้างความเสี่ยงด้านอุปสงค์ที่สำคัญ เพราะยังคงเกิดข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการพึ่งพาการเติบโตจากเศรษฐกิจจีน

เอดีบีมีหลักคำนวณอย่างง่าย ระบุว่า หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว 1% จะทำให้ความต้องการส่งออกลดลงประมาณ 0.3%

ปัจจัยอื่น ๆ อย่างการคาดการณ์ว่าเศรษฐโลกเติบโตชอละตัวนั้น ก็เป็นอุปสรรคต่อระบบนิเวศเศรษฐกิจเอเชียเช่นกัน เพราะจะทำให้ความต้องการภายนอกภูมิภาคลดลง และฉุดการส่งออกของเอเชียตามมา

อย่างไรก็ตาม พาร์คคาดว่า ธุรกิจแผงวงจรเซมิคอนดักเตอร์จะฟื้นตัว ซึ่งอาจสร้างความหวังให้กับผู้ส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ขณะที่ความต้องการในสหรัฐ อียู และเศรษฐกิจอินเดียเติบโตแข็งแกร่ง อาจเป็นประโยชน์ต่อโอกาสทางการค้าของเอเชียได้เช่นกัน

อ้างอิง: CNBC

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

รมต.สหราชอาณาจักร เสร็จภารกิจเยือนไทยย้ำร่วมมือ รัฐบาลแพทองธาร

แคทเธอรีน เวสต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนา รับผิดชอบกิจการอินโด-แปซิฟิก (รม...

'อิสราเอล' ถล่มกรุงเบรุตเด็ดชีพผบ. 'ฮิซบอลเลาะห์' มีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 ราย

สำนักข่าวเอพีรายงาน พล.ร.ต.แดเนียล ฮาการี โฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอลกล่าวยืนยันว่า อิสราเอล สามารถป...

‘บัฟเฟตต์’ มอบเงินมหาศาลให้การกุศล แต่ทำไมถึงไม่มอบเงินก้อนโตให้ลูกๆ ตัวเอง

วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) หนึ่งในนักลงทุนระดับตำนานที่ร่ำรวยที่สุดในโลก มียอดทรัพย์สินสุทธิ ...

ค่ายรถไฟฟ้าเวียดนามอ่วมหนัก 'วินฟาสต์' ขาดทุนพุ่ง 27% ไตรมาส 2

บริษัทวินฟาสต์ (Vinfast) ค่ายรถไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดจากเวียดนาม รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2024 ขาดทุนเพ...