สส.ก้าวไกล ลั่น ไม่ได้ต้องการทำลายกองทัพ แต่ต้องการสะท้อนปัญหาว่าภารกิจปัจจุบัน พร้อมถาม "สุทิน" ทร. พร้อมถ่ายโอนกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือให้ กฟภ. จริงหรือไม่ ชี้ ทอ.แจงปมสนามกอล์ฟ เหตุใดทำเป็นสวนสาธารณะไม่ได้
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 นายเชตวัน เตือประโคน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ปทุมธานี พรรคก้าวไกล และคณะ แถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา ในฐานะผู้เสนอญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนหน้าที่การให้บริการไฟฟ้าที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการของกองทัพไปอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมถึงการถ่ายโอนธุรกิจต่างๆ ของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาล
นายเชตวัน กล่าวเริ่มด้วยการขอชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจในสังคม และทำความเข้าใจไปยัง นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารอากาศ สืบเนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการทหารอากาศออกมาพูดถึงกรณีเปลี่ยนสนามกอล์ฟเป็นสวนสาธารณะ ว่าจะทำให้มีคนตกงานทันที 2,000 คนนั้น มีข้อสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวคือกลุ่มใดบ้าง และมีการนับจำนวนทหารเกณฑ์เข้าไปด้วยหรือไม่ เนื่องจากมีคนที่ได้รับผลกระทบมากเกินไป และตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นการจ้างงานอย่างเป็นธรรมของกองทัพ เมื่อมีสวนสาธารณะเราก็สามารถเปลี่ยนคนที่เคยทำงานมาทำหน้าที่ในส่วนนี้แทนได้ และควรมีทางเลือกให้เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสนามกอล์ฟแห่งนี้
สำหรับกรณีที่มีการชี้แจงว่าสนามกอล์ฟดังกล่าวเป็นพื้นที่ความมั่นคงนั้น ประกาศสำนักการบินพลเรือนได้กล่าวถึงการห้ามสิ่งต่างๆ ไว้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานที่และการใช้งานในปัจจุบัน และยิ่งทำให้เกิดความแปลกใจว่า เหตุใดจึงไม่สามารถใช้พื้นที่ดังกล่าวสำหรับทำเป็นสวนสาธารณะได้
...
ขณะที่ นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคกา้วไกล กล่าวเสริมว่า ยังคงยืนยัน และเรียกร้องให้กองทัพอากาศจ่ายภาษีค่าเช่าสนามกอล์ฟ เพื่อเป็นเม็ดเงินเข้าสู่รัฐบาล และส่งเสริมให้เป็นการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งปรับปรุงรางระบายน้ำสนามกอล์ฟเพื่อให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยทางการบิน ขององค์การการบินระหว่างประเทศ
ทางด้าน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเพิ่มเติมกรณีการถ่ายโอนกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปอยู่ในการดูแลของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ว่า ควรถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามีความพร้อม และมีความจริงใจที่จะโอนธุรกิจที่เป็นธุรกิจไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการกองทัพเรือ รวมถึงกิจการต่างๆ ที่เป็นสาธารณูปโภคในพื้นที่ อ.สัตหีบ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลหรือไม่ เนื่องจากการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่น หรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสม 2 ครั้งที่ผ่านมาได้รับการชี้แจงถึงข้อมูลในการจะโอนย้าย หรือการโอนถ่ายกิจการทั้งหมด หน่วยงานยังไม่มีความพร้อม
ทั้งนี้ จึงตั้งคำถามว่ากองทัพเรือยังมีความจำเป็นที่จะต้องบริหารกิจการหรือทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการไฟฟ้าอยู่หรือไม่ เนื่องจากกองทัพเรือได้ชี้แจงว่า การผลิตไฟฟ้าเพื่อความมั่นคง มีประมาณร้อยละ 40 ส่วนอีกร้อยละ 60 เป็นการจำหน่ายให้กับประชาชนและพื้นที่ทางเศรษฐกิจใน อ.สัตหีบ จึงแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ธุรกิจเพื่อสำรองไฟสำหรับความมั่นคงอีกต่อไป แต่เป็นธุรกิจที่มีขึ้นเพื่อจัดจำหน่ายไฟฟ้าให้กับประชาชน
จากนั้น นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะชิงเทรา พรรคก้าวไกล แถลงปิดท้ายว่า เข้าใจว่ากองทัพเรือผลิตไฟฟ้าขายให้กับประชาชนใน อ.สัตหีบ มาโดยตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้วกองทัพเรือทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางระหว่าง กฟภ. กับประชาชน เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ไม่มีสิทธิ์เลือกว่าจะใช้ไฟของ กฟภ. หรือที่อื่น จึงต้องตั้งคำถามต่อสิ่งที่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า กองทัพเรือ พร้อมจะถ่ายโอนให้ กฟภ. เป็นความจริงหรือไม่ และมีการพูดคุยกันแล้วหรือยัง อย่างไรก็ตามพวกเราไม่ได้ต้องการทำลายกองทัพอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ต้องการสะท้อนปัญหาว่าภารกิจของกองทัพไม่ใช่สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน.