นายกฯ "เศรษฐา" แฮปปี้เซ็น FTA ฉบับแรกไทย-ศรีลังกา เปิดดีลลงทุนข้ามชาติ

นายกฯร่วมฉลองวันชาติศรีลังกา แฮปปี้ ได้ลงนาม FTA ฉบับแรกของรัฐบาลนี้ หาช่องทางดันภาคเอกชนไทยลงทุนข้ามชาติ จ่อถก “จุลพันธ์” ยังจำเป็นต้องรอความเห็น ป.ป.ช.หรือไม่ ย้ำประชาชนรออยู่ ยอมรับเสียเหลี่ยม “ซอฟต์พาวเวอร์กางเกงช้าง” ให้จีน “เรืองไกร” จี้ ป.ป.ช.รีบดูคำวินิจฉัยศาล รธน. สส.ก.ก.ท้าทายกลัวซะที่ไหนถูกยุบ ลั่นไม่เห็นใครใจฝ่อสักคน “ชัยธวัช” คิกออฟสนามท้องถิ่น ปั้นภูเก็ตโมเดลก่อนขยายทั่วประเทศ “ศิริกัญญา” ปลุกประชาชนสู้ไปด้วยกัน ลุ้น กมธ.ศึกษานิรโทษฯเป็นทางออก พท.ตีกรรเชียงไม่เคยมีนโยบายนิรโทษ 112 “วิโรจน์” ชี้คนนับแสนสงสัยใบ สด.43 รอเคลียร์ ผบ.นรด.

ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ออกมาบ่นใส่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ยังไม่ยอมส่งข้อเสนอความเห็นเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้รัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าโครงการได้ ล่าสุดเตรียมหารือนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ว่ายังจำเป็นต้องรอความเห็นจาก ป.ป.ช.อยู่หรือไม่

นายกฯร่วมฉลองวันชาติศรีลังกา

เมื่อเวลา 08.15 น.วันที่ 4 ก.พ. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโคลัมโบ ช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที) ณ ปะรำพิธีหน้าลาน Galle Face Green ประเทศศรีลังกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันประกาศเอกราชสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ครั้งที่ 76 โดยนายกฯได้รับเกียรติในฐานะแขกเกียรติยศ ตามคำเชิญของนายรานิล วิกรมสิงเห (H.E.Mr.Ranil Wickremesinghe) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ถือเป็นช่วงเวลาการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ไทย-ศรีลังกา ที่สืบเนื่องยาวนานแน่นแฟ้น พร้อมต่อยอดในด้านต่างๆ เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว พลังงาน และการประมงสมัยใหม่ต่อไป ทั้งนี้ศรีลังกาได้รับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2491 (ค.ศ.1948) และศรีลังกาจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองวันประกาศเอกราชฯ ทุกวันที่ 4 ก.พ.ของทุกปี หลังเสร็จสิ้นทั้งคณะได้เดินทางกลับไทย

...

ดีใจได้เซ็นลงนาม FTA ฉบับแรก

ต่อมาเวลา 15.15 น.ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเยือนศรีลังกาว่า สำเร็จลุล่วงดีมาก ดีใจเพราะว่าเป็น FTA ที่รัฐบาลเซ็นมาฉบับแรก ต้องขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศที่ทำงานหนัก การหารือกับภาคเอกชน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลศรีลังกา เห็นโอกาสที่ 2 ประเทศจะพัฒนาสานความร่วมมือให้ดีขึ้น ทั้งการลงทุน การท่องเที่ยว ก็เหมือนทุกประเทศที่ไปมาคือบอกว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเปิดรับการลงทุน ต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ที่พูดน้อยไปหน่อยคือเรื่องศักยภาพภาคเอกชน หรือบริษัทใหญ่ๆของไทย รวมถึงรัฐวิสาหกิจ อาทิ ปตท. ที่มีศักยภาพสูงในการลงทุนข้ามชาติ ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานศรีลังกา ที่ต้องการพลังงานสะอาดอีกเยอะ มีหลายเขื่อนในประเทศที่สามารถทำระบบโซลาร์เซลล์ได้ วันที่ 5 ก.พ. จะเชิญ CEO และประธานกรรมการ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มาหารือว่าจะทำอย่างไรในการลงทุนต่างประเทศ มีอีกหลายประเทศที่ต้องการเทคโนโลยีของไทย เราอาจมีเยอะกว่าเขา ก็ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดี ในการสานต่อการลงทุนข้ามชาติ

หาช่องทางให้เอกชนไทยลงทุน

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า มีอีกหนึ่งข่าวดี ในวันที่ 31 มี.ค.นี้ การบินไทยจะกลับมาเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศศรีลังกาอีกครั้ง จากการพูดคุยกับพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ทราบว่าช่วงที่มีเที่ยวบินอยู่ผู้โดยสารเต็มลำ หวังว่าจะสามารถสานสัมพันธ์ต่อได้ เมื่อถามว่าในแง่การลงทุนที่ศรีลังกามีอุปสรรค หรือต้องการให้ทางการไทยช่วยหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ไม่มี ขาดแคลนเพียงด้านเทคโนโลยี ขณะที่เรื่องการประมงจะมีการหารือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ส่วนภาคเอกชนจะมีการพูดคุยกันเอง เพราะศรีลังกามีทรัพยากรทางน้ำเยอะมาก แต่วิธีการหรือเทคโนโลยีในการจับปลายังน้อยอยู่ ถือเป็นช่องทางที่จะทำให้เอกชนไทยไปลงทุนได้ หรืออาจมีการพิจารณาตั้งโรงงานผลิตอาหารทะเลกระป๋อง ก็มีความเป็นไปได้สูง โดยกระทรวง การต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์จะสานต่อ

ถามต้องรอความเห็น ป.ป.ช.ไหม

นายกฯยังกล่าวถึงผลสำรวจความเห็นของโพล ระบุว่า ประชาชนรอคอยโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทอยู่ว่า วันที่ 5 ก.พ.จะหารือกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แต่อย่างที่เคยบอกไว้ว่าอยากเร่งรัด อยากจะรีบๆทำ ผู้สื่อข่าวถามว่ายังคงต้องรอคำชี้แนะจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อยู่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า คงต้องรอ และจะไปถามว่าจำเป็นต้องรอหรือไม่ รวมถึงไปดูอีกทีว่าจะต้องทำอย่างไร ต้องทำให้ถูกต้องด้วย อย่างที่พูดมาตลอดว่าเราเปิดกว้างให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น เรามีการปรับเงื่อนไขต่างๆ ทราบว่าพี่น้องคอยอยู่ ตอนลงพื้นที่ก็ได้ยินได้ฟังอยู่ และรัฐบาลมีความเชื่อว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเครื่องจักรอันใหญ่ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อถามว่าจะฝากอะไรไปถึงประชาชนที่รอคอยโครงการนี้อยู่ นายเศรษฐาตอบว่า “ก็จะทำ พยายามทำให้ดีที่สุด และทำให้เร็วที่สุด”

รับเสียเหลี่ยมกางเกงช้างให้จีน

นายเศรษฐากล่าวถึงเสียงวิจารณ์เรื่องกางเกงช้าง ที่รัฐบาลนำมาจุดกระแส Soft Power ของไทย แต่บริษัทในจีนกลับผลิตและส่งมาขายในประเทศไทยจำนวนมาก ทำให้คนไทยเสียดุลการค้าและเป็นเรื่องลิขสิทธิ์ด้วยว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องการค้า ที่ไหนมีโอกาสเขาก็ฉกฉวยกันไป เราต้องดูเรื่องลิขสิทธิ์ รวมถึงความรวดเร็วในการฉกฉวยโอกาสทางการค้า เพราะถ้าเราช้าจะมีคนนำไปทำก่อน ตรงนี้ถือเป็นบทเรียนอย่างหนึ่งที่เราต้องนำมาพูดคุยกัน เมื่อถามย้ำว่าต้องวางแผนการผลิตกางเกงช้างเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายกฯตอบว่า ต้องแก้ในเรื่องรากฐานก่อน ว่าจริงๆแล้วเราเข้าใจวิธีการทำตลาดหรือไม่ และมีการปกป้องเรื่องลิขสิทธิ์หรือเปล่า เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการค้าหรือธุรกิจ ตรงไหนมีโอกาสก็จะมีผู้ฉกฉวยโอกาสนั้น หากช้าก็จะเสียโอกาสไป เหมือนหลายๆเรื่องที่เรายังช้าและทำไม่ทันใจ ก็ต้องเร่ง เช่น เรื่องวีซ่าฟรี และยกระดับพาสปอร์ตของไทย เราต้องเป็นผู้นำในการทำตรงนี้ เราต้องฉกฉวยโอกาสการเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ พร้อมมองว่าปัญหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สะท้อนการทำงานในภาพใหญ่ ที่ต้องทำงานให้ไว คิดให้เร็ว และปกป้องประโยชน์ของประเทศชาติ

ไม่รู้เรื่องม็อบชุมนุมที่ทำเนียบฯ

นายเศรษฐายังกล่าวถึงกลุ่มแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, กลุ่มพีมูฟ และเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ต่างนัดมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 5 ก.พ.นี้ โดยบางกลุ่มมาเรียกร้องเรื่องนิรโทษกรรมว่า ยังไม่ทราบเรื่อง ต้องไปสอบถามพูดคุยดูก่อน หน้าที่เราคือรับฟังว่าเขามีปัญหาอะไร เมื่อถามว่าจะมอบหมายให้ใครไปประสานกับกลุ่มมวลชน นายเศรษฐาตอบว่า ยังไม่ได้มอบหมาย ยังไม่ทราบว่าจะมีม็อบมา จึงยังไม่สามารถมอบหมายได้ และต้องดูก่อนว่าเป็นเรื่องอะไร จะได้มอบหมายได้ถูกต้อง

“เรืองไกร” จี้ ป.ป.ช.รีบดูคำวินิจฉัย

ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือเพิ่มเติมไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้รีบนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ระบุว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มาตรวจสอบเพิ่มเติมว่า สส.พรรคก้าวไกล 44 คน มีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) หรือไม่ และต้องเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาตรา 87 หรือไม่

“ชยพล” กลัวที่ไหนก้าวไกลถูกยุบ

ด้านนายชยพล สะท้อนดี สส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงสะท้อนประชาชนในพื้นที่ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก. และพรรค ก.ก. เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นการใช้สิทธิ หรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า ความจริงยังไม่ค่อยได้คุย แต่เท่าที่ฟังก็มีบ้างว่าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่ชาวบ้านในพื้นที่กำลังใจยังดี เมื่อถามว่าคุยกันในพรรคเรื่องยุบพรรคหรือไม่ มีชาวบ้านถามเรื่องยุบพรรคหรือไม่ นายชยพลตอบว่า ในพรรคยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องราว คิดว่าต้องโฟกัสงานก่อน จะไปพะวงเรื่องอะไรที่เหนือการควบคุม เดี๋ยวจะเสียงานสำคัญตอนนี้ เช่น การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เรื่องยุบพรรคตนไม่กลัว ไม่ได้ซีเรียส มองอีกด้านหนึ่งอาจดียิ่งกว่า ถ้ามีเหมือนกำหนดเวลาที่ชัดเจน จากเดิมต้องทำงานครบสี่ปีเต็ม ก็ใส่ให้เต็มแบบระเบิดระเบ้อมากกว่าเดิม ให้ทันภายใน 3 เดือน

ไม่เห็นใครในพรรคใจฝ่อสักคน

นายชยพลกล่าวถึงประเด็น สส.พรรค ก.ก.จำนวน 44 คนที่เคยเซ็นรับรองเสนอแก้ไขมาตรา 112 อาจโดนตัดสิทธิทางการเมืองว่า ในฐานะ สส.หน้าใหม่ทำงานไม่ถึง 1 ปี ก็หวั่นไหวบ้าง เพราะ สส.ที่มีประสบการณ์คอยแนะนำเรื่องการทำงานเราอย่างดีตลอด แต่เรื่องนี้ไม่เห็นมีใครใจฝ่อ ทุกคนที่เข้ามาเป็น สส.พรรค ก.ก. ถือว่าขาแข็งพอตัวอยู่แล้ว พร้อมรับสถานการณ์ เมื่อถามว่าคิดว่าผู้มีอำนาจกล้ายุบพรรค ก.ก.หรือไม่ นายชัยพลตอบว่า มันสุดเกินกว่าจะเดาใจจริงๆ คิดว่าการไปเดาใจไม่มีประโยชน์อะไร เรารู้แล้วว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นมันไม่ซ้ายก็ขวา เราเตรียมเผื่อสำหรับสิ่งที่แย่ที่สุด และยังทำงานต่อไป

ก.ก.คิกออฟแคมเปญเวทีท้องถิ่น

วันเดียวกันเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมพิพิธภัณฑ์เหมืองแร่จังหวัดภูเก็ต นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมทีม สส.ภูเก็ตทั้ง 3 เขต และผู้บริหารพรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์กำหนดทิศทางพรรคก้าวไกล เพื่อคว้าชัยเวทีท้องถิ่น มีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (ส.อบจ.) และประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก ถือเป็นจังหวัดแรกที่พรรค ก.ก.เปิดตัวกำหนดทิศทางเวทีท้องถิ่น ทั้งนี้ก่อนการสัมมนามีชาวบ้านชุมชนบ้านหัวท่า-ท่าต้นโด บ้านคอเอน ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย จากการถูกกรมเจ้าท่าสั่งรื้อถอนที่อยู่อาศัย เนื่องจากรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ กีดขวางเส้นทางการเดินเรือ กระบวนการอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สิ่งที่ชุมชนต้องการ คือ 1.ขอให้ประสานงาน สภ.ท่าฉัตรไชย กรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระงับกระบวนการดังกล่าวไว้ก่อน 2.ขอให้ประสานงานคณะกรรมาธิการที่ดินฯ ให้ระงับกระบวนการไล่และรื้อไปก่อน จนกว่าจะมีการพิจารณาข้อเท็จจริง และ 3.หาแนวทางและมาตรการคุ้มครองวิถีชีวิตชุมชนชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายกรมเจ้าท่า

ปั้นภูเก็ตโมเดลก่อนขยายทั่ว ปท.

นายชัยธวัชเป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมว่า เป็นกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ ให้ผู้บริหารพรรคมาพูดคุยกับสมาชิกพรรคเกี่ยวกับทิศทางของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ รวมถึงทิศทางหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อให้สมาชิกพรรคมีความมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่กระทบหรือทำให้การทำงานของพรรคหยุดยั้งได้ การมายัง จ.ภูเก็ต นอกจากจะจัดกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ตามปกติแล้ว ยังมีส่วนหนึ่งเพื่อเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง อบจ.ภูเก็ตด้วย วันนี้เรามีว่าที่ผู้บริหาร อบจ.ภูเก็ตที่พรรคพิจารณาแล้ว อยู่ระหว่างการฝึกอบรม พัฒนาการจัดทำนโยบาย หลังจากนี้จะชักชวนสมาชิกพรรคมาร่วมกันวิเคราะห์งบประมาณที่จะนำมาพัฒนาภูเก็ตด้วยกัน รวมถึงการทำเวิร์กช็อปพัฒนานโยบาย เพื่อตอบโจทย์พี่น้องชาวภูเก็ต โดยให้น้ำหนักที่ จ.ภูเก็ตไว้มาก เราคาดหวังที่จะชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. รวมถึง ส.อบจ.ภูเก็ต เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล คาดหวังว่าถ้าได้บริหารเราจะบริหารให้ จ.ภูเก็ต เป็นต้นแบบพรรคก้าวไกล ทั้งแบบภาคใต้และของประเทศต่อไป

“ไหม” ปลุกประชาชนสู้ไปด้วยกัน

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมีคำวินิจฉัยชี้ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้ไขมาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง เพราะเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันโดยเจตนาว่า ฝากถึงประชาชนที่เป็นผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลทุกท่านว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาท้อใจหรือหมดหวัง ขอให้ยังคงมีความหวังว่าประเทศนี้เดินหน้าต่อ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเรายังไม่หมดหวัง และยังสู้ต่อ เห็นได้จาก สส.ของพรรคก้าวไกลและทุกองคาพยพที่เป็นคนทำงาน ยังคงเดินหน้าทำงานอยู่อย่างไม่มีวันลดละ ยังคงต่อสู้เพื่อประชาชน แน่นอนเราสู้ต่อได้ ต้องมีแรงหนุนของประชาชน ที่จับมือกับเราแน่นๆ และเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ไม่ว่ายานพาหนะนั้นชื่อว่าก้าวไกล หรือชื่อว่าอะไร แต่ถ้าประชาชนยังคงเป็นแรงขับดันให้เราเดินต่อ เราจะสู้ต่อไปพร้อมๆกัน

ลุ้น กมธ.ศึกษานิรโทษเป็นทางออก

เมื่อถามถึงกรณีที่สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อาจมีการนิรโทษกรรมยิ่งกว่าสุดซอย น.ส.ศิริกัญญาตอบว่า เป็นโอกาสที่ดี อย่างน้อยเป็นเวทีที่ได้พูดคุยในเนื้อหาลงรายละเอียด สุดท้ายศึกษาเสร็จมารายงานกับสภาฯพร้อมกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่คณะกรรมาธิการฯเห็นตรงกันอาจเป็นทางออกหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดกรณีสุดซอยหรือว่าไม่ไปไหนเลย แน่นอนมีเรื่องเซนซิทีฟอีกหลายๆ ที่ต้องพูดคุยในเนื้อหารายละเอียดของตัวร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกิจกรรม ทั้งรวมคดี 112 หรือไม่ รวมกรณีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดหรือไม่ ในรายละเอียดสามารถถกได้หมดทุกเรื่องว่าเป็นแบบไหน เป็น “positive list” ที่บอกมาเลยว่ามีคดีใดบ้างที่ได้รับนิรโทษกรรม หรือเป็น “negative list” แบบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับพรรคก้าวไกล แค่ยกเว้นบางกรณี และให้คณะกรรมการตาม พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นผู้ตัดสิน

พท.ย้ำจุดยืนไม่เอานิรโทษ 112

นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การประชุม กมธ. นัดแรก ในวันที่ 8 ก.พ. เบื้องต้นจะเป็นการเลือกตำแหน่งต่างๆ เช่น ประธาน รองประธาน รวมถึงวางกรอบการทำงาน เช่น ประเด็นที่จะพิจารณาเพื่อให้การประชุมเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็ว เมื่อถามว่า พรรค พท.จะเสนอประเด็นใดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของกมธ. หรือไม่ นายนพดลตอบว่า เราจะหารือกันถึง รายละเอียดในการประชุมพรรค พท. วันที่ 6 ก.พ. ประเด็นที่จะนำมาพูดคุยเป็นเรื่องของประเภทคดีความ ว่า คดีความประเภทใดอยู่ในข่ายน่าจะได้รับการนิรโทษกรรมบ้าง ช่วงเวลาใด บุคคลใดบ้าง เพื่อนำไป สู่ความปรองดองและสมานฉันท์ของคนในชาติ เมื่อถาม ว่า จะมีการเสนอเรื่องนิรโทษกรรมความผิดมาตรา 112 หรือไม่ นายนพดลตอบว่า ตอนเลือกตั้งเราไม่มีนโยบาย ที่จะไปนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112 ย้ำว่าเบื้องต้นเราต้องดูว่าประเด็นใดที่นิรโทษกรรมแล้วนำมาซึ่งความปรองดองสมานฉันท์อย่างยั่งยืนไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ต้องระมัดระวังไม่ให้การนิรโทษกรรมนำไปสู่ผลตรงกันข้าม

รทสช.ค้านทุกร่างที่ ก.ก.เสนอ

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงเรื่องนิรโทษกรรมว่า สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขของ พรรค รทสช. ที่เสนอต่อรัฐสภาไปแล้ว เห็นด้วยกับ การสร้างความปรองดองในบ้านเมือง ให้เดินหน้าร่วมมือกันพัฒนาประเทศ ให้การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเข้มแข็ง มีเสถียรภาพมากขึ้น แต่การจะ นิรโทษกรรมทางการเมืองใดๆ ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ แต่ต้องไม่เหมารวมคดีมาตรา 112 และต้องไม่รวมคดีทุจริตคอร์รัปชัน เพราะเป็นคดีอาญาที่บั่นทอนทำลายความมั่นคงของชาติ ขอคัดค้านทุกร่างฯที่พรรคก้าวไกลเสนอให้นิรโทษกรรมกับผู้ที่กระทำความผิดร้ายแรงเรื่องสถาบัน

 ปชป.เตือนพวกวิจารณ์ศาล รธน.

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชา ธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่มีการเคลื่อนไหว หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคดีของพรรคก้าวไกล ให้หยุดแสดงความคิดเห็นที่มีลักษณะให้ร้ายโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ ในสื่อสังคมออนไลน์มีการโพสต์ข้อความลักษณะปลุกปั่นไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล รัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น นี่คือหลักการพื้นฐานในการเคารพกระบวนการยุติธรรม คำวินิจฉัยย่อมมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ มีทั้งคนชนะและคนที่แพ้คดี แต่ทุกคนต้องน้อมรับคำตัดสิน ไม่เช่นนั้นหลักการบ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้ คดีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชนะได้กลับเข้าสู่สภา โห่ร้อง ไชโย พออีกคดีแพ้กลับด่าทอโจมตีอย่างเสียหาย แกนนำต้องอธิบายมวลชนให้เข้าใจอย่าส่งเสริมให้ท้าย บ้านเมืองหากไม่ยอมรับกระบวนการ จะมีแต่ความขัดแย้งไม่จบสิ้น การวิจารณ์คำวินิจฉัยสามารถทำได้ แต่ต้องกระทำโดยสุจริต ที่สำคัญต้องไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย เสียดสี โจมตีด้วยข้อมูลที่บิดเบือน ระวังหากวิจารณ์ในลักษณะละเมิดศาลจะถูกดำเนินคดี

เตือนดื้อแจกเงินหมื่นระวังพัง

นายราเมศกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลระบุว่า โครงการ แจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเครื่องมือแก้วิกฤติ ประเทศว่า กรณีนี้มองได้ 2 มุม คือ ในส่วนที่รัฐบาลได้ประกาศเป็นนโยบายหลัก พรรคร่วมรัฐบาล ต้องผลักดันให้เกิดโครงการนี้ให้ได้มากที่สุด พรรค ปชป.มองว่าถ้ารัฐบาลประกาศไปแล้ว ดำเนินการได้ก็ไม่ขัดข้อง ถือเป็นนโยบายของพรรคการเมือง แต่มี ข้อเสนอแนะว่าที่รัฐบาลระบุว่าเศรษฐกิจวิกฤตินั้นวิกฤติจริงหรือไม่ ต้องฟังความคิดเห็นรอบด้าน ทั้งคณะ กรรมการกฤษฎีกา ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เชื่อว่าเป็นการให้ความเห็น โดยยึดมั่นในผลประโยชน์ของ ประชาชนและประเทศ ถ้ารัฐบาลตั้งธงท่าเดียว ไม่รับ ฟังเสียงสะท้อนประชาชน และหน่วยงานต่างๆ จะทำ ให้เป็นนโยบายที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศได้

พท.โอ่ กมธ.งบฯทำงานเร็วฉับไว

นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 กล่าวว่า การพิจารณาคืบหน้าไปได้ด้วยดี น่าจะล้ำหน้ากรอบเวลาที่วางไว้อยู่ประมาณ 1 กระทรวง ในสัปดาห์นี้ จะพิจารณางบของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและ สังคม (ดีอีเอส) และกระทรวงแรงงาน ทั้ง 2 กระทรวง น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน จากนั้นคาดว่าจะเป็น ส่วนของกระทรวงมหาดไทย อนุ กมธ.ทั้ง 9 คณะ เริ่มทำงานแล้ว ปีนี้การตั้งอนุ กมธ.ไม่เหมือนที่ผ่านมา เพราะตั้งโดยแบ่งตามยุทธศาสตร์และพิจารณาตามกระทรวง ไม่ใช่แบ่งตามหมวดงาน เมื่อถามว่ามีการ ตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งอนุ กมธ.เช่นนี้ อาจมีการปกป้อง งบประมาณของเจ้ากระทรวงเอง นายสรวงศ์ตอบว่า มองได้ แต่หากไปดูรายละเอียดจริง ค่อนข้างชัดเจนว่า ไม่ได้เป็นในลักษณะนั้นทั้งหมด เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็น ของเราก็ไม่ได้อยู่กับเรา นี่ชัดเจนมากๆว่าการตั้งอนุ กมธ. ครั้งนี้แบ่งตามยุทธศาสตร์จริงๆ ต้องรอดูกันไป ว่าจะเป็นเหมือนที่มีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ แต่มั่นใจ ว่าทุกชุดจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

“วิโรจน์” ชี้คนนับแสนสงสัย สด.43

อีกเรื่อง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชี รายชื่อ พรรคก้าวไกล ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ทวีตข้อความผ่าน X ระบุว่า “มีประชาชนจำนวนมากสอบถาม กมธ. การทหาร เข้ามาว่า ใบ สด.43 ของตนเอง เป็นใบ สด.43 แท้ หรือว่าเป็นใบ สด.43 ก๊อปเกรดเอ เพราะได้มาตามคำแนะนำของสัสดี เดี๋ยวผมจะทำหนังสือถึง พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษา ดินแดน (ผบ.นรด.) ว่า ประชาชนที่สงสัยน่าจะหลายแสนคน จะขอตรวจสอบความถูกต้องของใบ สด.43 ของตัวเองได้จากที่ไหน อย่างไร”

“ธรรมนัส” แจง นายกฯเหตุไฟไหม้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุไฟไหม้ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์โทรศัพท์มารายงานว่า เป็นเรื่องของการล้างแอร์ ไม่ได้มีอะไรเสียหายมาก เมื่อถามว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง กับการเมืองตามที่วิเคราะห์กันใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ไม่อยากจะคิดเช่นนั้น ให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปดูก่อนดีกว่า ว่ามีอะไรหรือไม่ แต่เบื้องต้นไม่น่า มีอะไร เมื่อถามย้ำว่า มีกระแสข่าวมาตลอดว่าการทำงาน ในกระทรวงเกษตรฯ มีปัญหาทำให้หลายฝ่ายไปโยง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นายเศรษฐาตอบว่า คงต้องให้กองพิสูจน์หลักฐานพิสูจน์ดู แต่ยืนยันว่าเบื้องต้นไม่มีอะไรน่าสงสัย

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...