“ภูมิธรรม” เมินผลโพลหนุน “พิธา” เป็นนายกฯ มั่นใจในพื้นที่คนยังรักเพื่อไทยและ “เศรษฐา” ขอใช้ผลงานรัฐบาล 4 ปี เรียกคะแนนนิยม ส่วนปมตั๋วเครื่องบินแพง วอนเห็นใจประชาชน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ธันวาคม 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ที่ทําเนียบรัฐบาล ถึงกรณีผลสำรวจนิด้าโพล ระบุประชาชนอยากเห็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ ว่า ก็ไม่ได้แปลกอะไร เพราะการสำรวจขึ้นอยู่กับใครสำรวจสถาบันไหนบ้าง และสำรวจในกลุ่มตัวอย่างเท่าไร จากส่วนไหนบ้าง แต่ที่สำคัญที่สุดคือพื้นที่ของประชาชนโดยตรง ตนเชื่อว่าพื้นที่ที่รัฐบาลไปพบประชาชนส่วนใหญ่ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
สำหรับผลโพลถ้าเป็นในเมือง โดยเฉพาะคนวัยหนุ่มสาว ยอมรับว่าความนิยมของ นายพิธา ยังมีอยู่ แต่คิดว่าอยู่ที่การทำงานมากกว่า รัฐบาลนี้เข้ามาช่วงแรกวุ่นอยู่กับการทำงานอยู่ หลังจากทำงานเสร็จแล้วค่อยไปดูอีกทีว่าประชาชนรู้สึกอย่างไร ส่วนตัวคิดว่าความนิยมไม่เท่ากับผลงานที่ทำงานให้กับประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำโพลภายใน 3 เดือน คิดว่าเร็วไปหรือไม่ นายภูมิธรรม ให้คำตอบ ส่วนตัวคิดว่าเร็วไปนิดหนึ่ง เหมือนที่บอกว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลเพิ่งเริ่มทำงาน ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่รัฐบาลเข้ามาครั้งนี้ มาถึงก็เจอแต่ปัญหาเยอะ เป็นปัญหาที่สะสมมาเกือบ 9-10 ปี จากการรัฐประหาร ดังนั้น การทำงานขณะนี้เป็นการปูรากฐาน
นายภูมิธรรม เผยต่อไปว่า สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีงบลงทุนในการทํางาน ส่วนใหญ่เป็นงบประจำ เพราะงบประมาณเป็นช่วงรอยต่อพอดี ซึ่งงบประมาณปี 2567 กำลังจะเข้าสภาต้นปีนี้ ฉะนั้น เรายังไม่มีเงินทำงาน ดังนั้นงบประมาณที่เราจะทำงานได้ จะมีหลังเดือนพฤษภาคมปีหน้าเป็นต้นไป ที่ผ่านมาเราใช้การบริหารเงินด้วยการนำธนาคารของรัฐมาช่วยบ้าง เป็นการหยิบจับมาโปะ เป็นการเตรียมพื้นที่แก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป และเชื่อว่าหลังจากปีใหม่เป็นต้นไป ทุกคนจะได้เห็นว่าฝีมือการทำงานของรัฐบาลเป็นอย่างไร ซึ่งในช่วงต้นปี 2567 จะมีการชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า 3 เดือนที่รัฐบาลเข้ามา ได้ปูรากฐานอะไรบ้าง
...
เมื่อถามถึงความมั่นใจ จะใช้ผลงานเป็นตัวดึงคะแนนได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ผลงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากอันดับต้นๆ ในการดึงความรู้สึก เพราะถ้าประชาชนเห็นความตั้งใจของรัฐบาล หรือสามารถแก้ไขปัญหาได้ ประชาชนก็จะพอใจ เชื่อว่าเรามีความสามารถเหนือกว่าพรรคอื่นคือการลงไปพบปะประชาชน ซึ่งสมาชิกที่ลงพื้นที่ก็ได้รับเสียงสะท้อนว่าพรรคเพื่อไทยยังได้รับความเชื่อมั่น เพียงแต่เราอาจจะต้องปรับการสื่อสารกับคนในเมืองและเยาวชน ส่วนการใช้โซเชียลมีเดีย ยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่แข็งแรง มีข้อจำกัด ซึ่งหลังจากมีการปรับปรุงพรรค มีหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เชื่อว่าจะสามารถทำความเข้าใจให้คนเหล่านี้เข้าใจพรรคมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลมีเวลา 4 ปีในการทำงาน หลังจากนั้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครที่สร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงเรื่องการดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาตั๋วเครื่องบินที่มีราคาสูงขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งในส่วนกระทรวงพาณิชย์ดูในส่วนปลายทาง แต่กระทรวงหลักคือกระทรวงคมนาคมที่ต้องควบคุมดูแล สิ่งเหล่านี้ต้องขอความร่วมมือ โดยกระทรวงพาณิชย์จะให้กรมการค้าภายในเข้าไปตรวจสอบ ดูทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง อยากฝากไปถึงผู้ประกอบการว่า อยากให้ช่วยกันส่งเสริมให้เกิดการใช้จ่ายหรือกำลังซื้อ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญต้องดูแลความเดือดร้อนของประชาชน.