“สมรสเท่าเทียม” เข้าสภา “อุ๊งอิ๊ง” ยินดีร่วมช่วยผลักดัน “เศรษฐา” ประชุมก่อนพักร้อน

“เศรษฐา” นำถก ครม.ก่อนพักร้อน เคาะร่าง ก.ม.สมรสเท่าเทียมเข้าสภา สั่งเข้มแก้ฝุ่น PM 2.5 ตั้งเคพีไอภาคเหนือลดการเผา 50% “จุลพันธ์” รอกฤษฎีกาชี้ชะตา เงินดิจิทัลวอลเล็ต ต้นปี 67 อนุมัติงบ 4.9 พันล้านแก้หนี้ทั้งระบบ แบ่งเป็นพักหนี้กลุ่มเอสเอ็มอี 400 ล้าน ช่วยลูกหนี้นอกระบบ 4,500 ล้าน สว.จุดพลุถล่มราชทัณฑ์เอื้อนักโทษชั้น 14 “ศรีสุวรรณ” ชงศาลปกครองถอนระเบียบราชทัณฑ์ นำ “ทักษิณ” กลับเรือนจำ ฝ่ายค้านตั้งแท่นสอบแน่เรื่องนี้ “ชาญชัย-นกเขา” โร่ร้องศาลฎีกาฯบังคับคดี แต่ศาลฯยกคำร้อง ชี้ไม่อยู่ในอำนาจ “ทวี” โยนกรมคุกแจงปมรักษาตัวจะครบ 120 วัน “แมนรัตน์” ฝ่าด่าน สว.นั่ง ป.ป.ช.

วงประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการลาพักผ่อนของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง อนุมัติ 4,900 ล้านบาท แบ่งเป็นพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 400 ล้านบาท และช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบอีก 4,500 ล้านบาท

นายกฯนำถก ครม.ก่อนพักร้อน

...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อม น.ส.ชุมาพร แต่งเกลี้ยง และคณะผู้จัดงาน “สานฝันสมรสเท่าเทียม : รวมพลังสู่การเปลี่ยนแปลงในสภา” เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ก่อนจะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อติดเข็มกลัดสีรุ้งแสดงสัญลักษณ์และประชาสัมพันธ์งาน นายเศรษฐาให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเต็มที่ เพื่อส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพสำหรับทุกคนในสังคมไทย งานจัดขึ้นวันที่ 19 ธ.ค. ที่ลานกิจกรรมด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อถามถึงการลาพักผ่อนที่ จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 19-22 ธ.ค. นายกฯตอบว่า ไม่มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ

เคาะ ก.ม.สมรสเท่าเทียมเข้าสภา

ต่อมาเวลา 11.25 น. หลังการประชุม ครม. นายเศรษฐาแถลงว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่วิปรัฐบาลเสนอให้ส่งร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่อสภาผู้แทนราษฎร ที่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชนในขั้นตอนการยกร่างและรับฟังความเห็นของหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศาลยุติธรรม และคณะกรรมการกฤษฎีกา กฎหมายฉบับนี้จะทำให้คนเพศเดียวกันสามารถสมรสกันได้ มีสิทธิหน้าที่และ สถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสที่เป็นชายหญิง สร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศ ต้องถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับทุกฝ่ายจะเข้าสภาฯ วันที่ 21 ธ.ค. เมื่อถามว่าจะมีผลทางกฎหมายเกี่ยวกับมรดกและทายาทด้วยหรือไม่ นายกฯตอบว่า ทุกอย่างเท่าเทียมหมด ตามที่ชายและหญิงสมรสกัน

สั่ง ทส.วางแผนร่วมแก้ PM 2.5

นายเศรษฐากล่าอีกว่า ในที่ประชุม ครม.ยังพูดถึงการสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวีตามมาตรการอีวีระยะ 3.5 และขยายสิทธิประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิตให้กับรถอีโคคาร์ หรือรถที่ยังเป็นสันดาปอยู่ และยังเห็นชอบให้แก้ไขเรื่อง PM 2.5 โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวางแผนร่วมกับหน่วยงานอื่น จัดตั้ง KPI หรือตัวชี้วัดเพื่อให้ได้วัดผลอย่างจริงจัง เพราะจะเข้าสู่ฤดูที่จะเกิด PM 2.5 แล้ว ผู้สื่อข่าวสอบถามกรณีมีการร้องเรียนฮั้วประมูลล็อกสเปกก่อสร้างถนนคอนกรีตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 10 จังหวัด เสียหายกว่าร้อยล้านบาท นายเศรษฐาตอบว่า ยังไม่ทราบเรื่องเลย คงต้องตรวจสอบถ้าพบทุจริตจะดำเนินการตามกฎหมาย แน่นอน และจะถามเรื่องนี้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย

“อุ๊งอิ๊ง” ลั่นต้องผลักดันให้สำเร็จ

เวลา 17.00 น. ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มีการจัดเวทีเสวนา “สานฝันสมรสเท่าเทียม : รวมพลังสู่การเปลี่ยนแปลงในสภา” มีการแสดงกิจกรรมของเยาวชนเพศหลากหลาย ทั้งการแสดงดนตรี การเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีนายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย รวมถึงนักกิจกรรมเพื่อความหลากหลายทางเพศ ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าร่วม น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เสนอเข้าสภาฯ พรรคเพื่อไทยซัพพอร์ตเรื่องนี้มาตลอด ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะออกกฎหมายนี้สำเร็จ น.ส.แพทองธารตอบว่า วันนี้ต้องผลักดันให้สำเร็จ หวังอย่างยิ่งว่าจะสำเร็จแน่นอน เมื่อถามถึงกระแสกดดันการนอนพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร บิดา ที่ รพ.ตำรวจ น.ส.แพทองธารเลี่ยงที่จะตอบ ระบุว่า ไม่รู้จะชี้แจงอย่างไรดี นักข่าวช่วยคิดหน่อย แต่ตนเองก็ได้ให้กำลังใจตนเองและครอบครัว แต่ไม่รู้จะทำยังไง

“ภูมิธรรม” แจงลาพักร้อนไม่แปลก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การลาพักผ่อนของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ระหว่าง วันที่ 19-22 ธ.ค.ว่า การลาพักร้อนถือเป็นเรื่องธรรมดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่สามารถลาพักร้อนได้ ลูกชายนายกฯเพิ่งกลับมาจากสหรัฐอเมริกา และท่านที่เพิ่งกลับจากญี่ปุ่น มาเจอกันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก การลาพักร้อน 2-3 วันถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก สามารถทำงานโดยไม่ต้องอยู่ที่ทำเนียบฯได้อยู่แล้ว มีอะไรสามารถประสานงานเร่งด่วนได้ รวมถึงยังสามารถมอบหมายให้คนอื่นรักษาการแทนได้ นายกฯ อยู่ในประเทศไม่น่ามีปัญหาอะไร เมื่อถามว่าต่อไปรัฐมนตรีสามารถลาพักร้อนได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า สามารถลาได้ มีระเบียบการลาอยู่แล้ว เมื่อถามว่าช่วงที่นายกฯลาพักร้อน นายภูมิธรรมต้องรักษาราชการในตำแหน่งนายกฯใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า แล้วแต่ท่านมอบหมาย

ยกระเบียบขึ้นมายันลาถูกต้อง

น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการ ชี้แจงถึงการลาราชการพักผ่อนของนายกฯ ว่า ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ หมวด 3 การลาของข้าราชการการเมือง การลาทุกประเภท เป็นดุลพินิจของนายกฯ และแจ้ง ครม.ทราบ โดยไม่ได้ระบุให้ใช้เกณฑ์การลาของข้าราชการพลเรือนมาเทียบ นายกฯจึงลาได้ตามระเบียบสำหรับข้าราชการการเมือง

ชี้ชะตาดิจิทัลวอลเล็ตต้นปี 67

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการส่งถึงคำถามเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่า เรื่องนี้ได้พูดคุยกับทางกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว จะส่งกลับมาในช่วงต้นปี 2567 ว่าทำได้หรือไม่ได้ เมื่อถามว่าการที่คณะกรรมการกฤษฎีกาส่งคำตอบมาในช่วงต้นปี จะทำให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตล่าช้าออกไปกว่ากรอบเวลาที่วางไว้ช่วงเดือน พ.ค. 2567 หรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า ไม่ๆ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่เราไม่ได้เร่งรัด ต้องให้กฤษฎีกาพิจารณาละเอียดรอบคอบ และเรื่องนี้ไม่มีการพูดกันในที่ประชุม ครม. ยืนยันว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังอยู่ในกรอบเวลาเดิม คือช่วงเดือน พ.ค.2567

ครม.เอาจริงสั่งลดการเผา 50%

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอขอความเห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ในปี 2567 เป็นมาตรการพร้อมกลไกบริหารจัดการ และรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลภาวะทางอากาศเพื่อความยั่งยืน ให้จัดทำมาตรการกลไกแก้ไขปัญหาทั้งระดับชาติ และระดับพื้นที่ กำหนดพื้นที่เป้าหมาย 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล กำหนดเป็นเคพีไอกับ ผวจ. 17 จังหวัดภาคเหนือ ตั้งเป้าลดการเผา 50% รวมถึงพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวน แห่งชาติ ส่วนเป้าหมายรองที่ไม่ได้อยู่ใน 17 จังหวัด ตั้งเป้าลดการเผาให้ได้ 20% มาตรการหลักๆ อาทิ ภาคราชการจะมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการ มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานศูนย์ เพื่อตรวจสอบไม่ให้มีการเผา ถ้าจะเผาต้องได้รับอนุญาตก่อน ส่วนภาคเอกชนที่นำวัสดุทางการเกษตรไปทำเป็นเชื้อเพลิง หรือแม้แต่เอาไปใช้เป็นอาหารสัตว์ จะมีมาตรการส่งเสริมให้เอกชนเป็นแรงจูงใจมีสิทธิพิเศษด้านภาษี รวมทั้งการอุดหนุนเรื่องดอกเบี้ย

ไฟเขียว 4.9 พันล้านแก้หนี้ทั้งระบบ

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติแนวทางการแก้ไขหนี้ทั้งระบบ ดังนี้ 1.ให้ความเห็นชอบ 3 มาตรการ คือ มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ตามโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพ อิสระที่ได้รับผลกระทบ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 2.อนุมัติงบประมาณจำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือพักหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจ ขนาดกลาง และขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 400 ล้านบาท มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบ จำนวน 4,500 ล้านบาท รวม 4,900 ล้านบาท

พม.ชงจัดโปรของขวัญปีใหม่

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ที่มอบให้กับประชาชนว่า ได้ส่งให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปแล้ว ในส่วนของ พม.มี 4 ประเด็นที่เร่งทำช่วงปีใหม่ คือ 1.สถานธนานุเคราะห์ หรือโรงรับจำนำจะตัดดอกเบี้ยเหลือ 0% ให้กับผู้ที่จำนำไม่เกิน 5,000 บาทในเดือน ม.ค.-ก.พ.2567 คาดว่ามีประชาชนนับหมื่นได้ประโยชน์ 2.เกี่ยวกับการปรับสภาพที่อยู่อาศัยเพื่อคนสูงวัยและคนพิการ ตั้งงบฯไว้ 1 แสนหลังคาเรือน ให้ผู้สูงอายุและคนพิการมีที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองมากขึ้น มีผู้ที่ได้รับประโยชน์ไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนคน 3.โครงการบริบาลและคุ้มครองผู้สูงอายุนำร่อง 17 พื้นที่ 12 จังหวัด ภาคเหนือกลางอีสานใต้ จ้างและฝึกคนในพื้นที่ และ 4.การกู้ยืมเงินเพื่อประกอบอาชีพของกลุ่มแรงงานและคนพิการ

“ธรรมนัส” ลั่นปิดคดีหมูส่งท้ายปี

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีหมูเถื่อนว่า เรื่องนี้เป็นผลงานที่เราปราบปรามอย่างจริงจัง ขณะนี้ที่เงียบไปไม่ใช่ว่าเราหยุด เรายังคงทำต่อ จับได้เกือบทุกวัน ปัญหามีอยู่เรื่อยๆไม่ใช่แค่หมูอย่างเดียวยังมีสินค้าอื่นๆด้วย ก่อนสิ้นปีคงจะเห็นหน้าเห็นตาชื่อจริงนามสกุลจริงว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้างเป็นรายชื่อนักการเมืองที่เป็นข่าวไปแล้ว ยืนยันว่าเอาผิดได้แน่นอน บริษัทใหญ่ๆโดนหมด เมื่อถามว่าจะไม่มีปัญหาหากไปเจอตอใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ หารือกับ รมว.ยุติธรรมแล้ว ก่อนวันที่ 31 ธ.ค.จะมีความชัดเจนทั้งหมด น่าจะปิดคดีได้

สว.ลงมติ “แมนรัตน์” เป็น ป.ป.ช.

เมื่อเวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา ที่ประชุมวุฒิสภา มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แทน น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช.ที่ครบวาระ 9 ปี ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญตรวจสอบประวัติความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม วุฒิสภา ตรวจสอบประวัติ นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ที่กรรมการสรรหา ป.ป.ช.เสนอ ใช้เวลาประชุมเป็นการลับกว่า 2 ชั่วโมงก่อนลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 163 เสียง ไม่ลงคะแนน 16 เสียง ถือว่านายแมนรัตน์ เป็นกรรมการ ป.ป.ช.เนื่องจากได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิก สว.เท่าที่มีอยู่

“ชัยธวัช” รับสภาล่มบ่อยไม่ค่อยดี

ที่รัฐสภา เวลา 13.40 น. นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของรัฐบาลเป็นวาระเร่งด่วนในวันที่ 21 ธ.ค.ว่า เป็นเรื่องดี รัฐบาลบรรจุเข้ามาตามที่ได้พูดไว้เป็นประโยชน์กับประชาชน โดยไม่แบ่งแยกฝ่าย ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเกิดเหตุสภาล่ม สส.ฝ่ายค้านไม่ร่วมลงมติหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า บรรยากาศแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นบ่อย สส.รัฐบาลที่เป็นเสียงข้างมากควรมีวินัยมากกว่า กรณีเสนอร่างข้อบังคับสภาก้าวหน้า ฝ่ายค้านพยายามประนีประนอมแล้ว แต่ใกล้เวลาลงมติกลับมีกระแสข่าวว่าฝ่ายรัฐบาลจะโหวตคว่ำเลย การทำงานร่วมกันจึงไม่เป็นไปตามที่คาด ไม่อยากให้เกิดบ่อยมากนัก พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมเป็นตัวอย่างที่ดี หวังว่าปีหน้าบรรยากาศน่าจะดีขึ้น ส่วนกรณีมีการเสนอให้เลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2567 ถ้ารัฐบาลไม่เลื่อน การได้มาซึ่งข้อมูลที่น้อยเกินไป ถ้าเปิดปีใหม่มาแล้วพิจารณาเลยอาจส่อเจตนาว่าไม่อยากให้ฝ่ายค้านตรวจสอบหรือไม่ หวังว่า รัฐบาลจะเปิดกว้าง

พท.ย้ำนิรโทษต้องยุติทุกประเด็น

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข หรือกฎหมายนิรโทษกรรมว่า ยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ละพรรคมีสิทธิเสนอกฎหมายอะไรก็ได้ แล้วไปพูดคุยกันในวิปรัฐบาล เพื่อพิจารณาเนื้อหาว่าจะเสนอร่างประกบกันได้หรือไม่ และหากคุยกันเรียบร้อยต้องมาพูดคุยกับรัฐบาลว่า มีอะไรขัดข้องหรือไม่ เมื่อถามว่าสุดท้ายแล้วจะใช้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทยหรือของพรรคร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมตอบว่า ยังตอบไม่ได้ว่าเนื้อหาเหมือนกันหรือไม่ ต้องเอาของจริงมาดู เมื่อถามว่าร่างของ รทสช.ไม่เอาเรื่องคดีทุจริต มาตรา 112 และคดีอาญา พรรคเพื่อไทยจะเอาด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า แต่ละพรรคมีสิทธิเสนอ แต่ของพรรคเพื่อไทยเน้นว่ามีอะไรที่จะสร้างปัญหาหากมีข้อยุติเราก็คุยกัน แต่บางพรรคบอกชัดเจนว่าหากมี 112 ไม่เอาที่สุดแล้วหากเป็นร่างของรัฐบาลต้องมาพูดคุยกัน ส่วนพรรคอื่นจะเสนอร่างประกบตามระเบียบสามารถทำได้ แต่ต้องคำนึงว่าจะมีปัญหาอะไรหรือไม่

เผยหลังปีใหม่รู้แนวแก้ รธน.

นายภูมิธรรมในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 กล่าวถึงความคืบหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ความชัดเจนต้องรอวันที่ 25 ธ.ค.นี้ คณะกรรมการฯจะประมวลความเห็นทั้งหมดของ สส.และ สว. รวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ออกมาเป็นข้อสรุป เชื่อว่าจะจบทุกอย่างก่อนนำเสนอ ครม.ในหลังปีใหม่ ต้องรอดูว่า ครม. จะมีมติอย่างไร เพราะเรื่องที่จะส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องและมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในสภาฯ หาก ครม.เสนอไปเอง อาจเป็นไปได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะบอกว่าเรื่องยังไม่เกิดขึ้น ไม่รับวินิจฉัย

พปชร.หนุน กมธ.ศึกษานิรโทษ

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา และโฆษกพรรค พปชร. กล่าวถึงจุดยืนเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า หลายพรรคจะหาทางออกเป็นบันไดขั้นแรกเรื่องนี้ ด้วยการเปิดพื้นที่พูดคุยผ่านการเสนอญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญ ทำให้สังคมก้าวข้ามความขัดแย้ง พรรค พปชร. ยินดีส่งตัวแทนไปร่วมในทุกมิติ และคิดว่าพรรคหลักๆ ส่วนใหญ่จะส่งตัวแทนเข้าร่วม สาเหตุที่พรรค พปชร. ไม่เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้นเพราะเป็นเรื่องที่มีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอย่างสุดโต่ง มองว่าอาจสร้างความขัดแย้งในใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคขอรอฟังเสียงส่วนใหญ่ก่อน

ปธ.ขอนิรโทษกรรมย้อน 10 ปีพอ

นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม (ปธ.) กล่าวถึงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและร่าง กฎหมายนิรโทษกรรมว่า พรรค ปธ.สนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และทำประชามติ มีประเด็นใหญ่บัญญัติไว้ อาทิ ต้องทำทุกวิถีทางให้ไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญและปฏิวัติอีก ต้องเขียนให้เห็นว่าการปฏิวัติเป็นสิ่งไม่ชอบธรรม สนับสนุน สว.จากการเลือกตั้งไม่มีอำนาจยุ่งเกี่ยวกับงานบริหาร โหวตเลือกนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง และไม่ควรเป็นสมาชิกพรรคต้องไม่ถูกครอบงำโดยพรรคการเมือง เป็นต้น ส่วนเรื่องนิรโทษกรรม พรรค เห็นด้วย เพราะทุกคนทุกพรรคได้รับผลกระทบหมด เข้าใจในบริบทที่ต้องการสลายความขัดแย้งเพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาประเทศมากกว่ามาฟื้นฝอยหาตะเข็บในเรื่องของความขัดแย้ง โดยนิรโทษกรรมความผิดทางการเมือง ช่วงเปลี่ยนผ่าน 10 ปีเท่านั้นพอ และไม่นิรโทษฯเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน

สว.ฉะราชทัณฑ์เอื้อนักโทษชั้น 14

เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นพ.เจตน์ ศิรธารานนท์ สว. ขอหารือพร้อมตั้งคำถามไปถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รวมถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงการออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคุมขังนอกเรือนจำ เป็นการออกระเบียบเพื่อช่วยเหลือคนคนเดียวหรือไม่ ส่อเอื้อนักโทษที่ได้รับฉายาว่านักโทษเทวดา ชั้น 14 รพ.ตำรวจหรือไม่ เพราะใกล้ครบ 120 วันที่พักรักษาตัวนอกเรือนจำแล้ว ถือเป็นอภิสิทธิ์ชนที่แม้ได้รับการลดโทษแล้วแต่ยังไม่ต้องติดคุกอีก ที่ผ่านมาไม่เคยมีคำชี้แจงว่าป่วยหนักอย่างไรถึงได้นอนนอกเรือนจำ เป็นความเสื่อมกระบวนการยุติธรรม ขัดหลักนิติธรรมที่ต้องปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเสมอภาค ถือว่าละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรมที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 3 และมาตรา 26

ปชป.ไหลตามน้ำคุกมีไว้ขังคนจน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์โดดเด่นมากที่สุด คือการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศไม่มีชิ้นดี เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของบางครอบครัว กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังไม่ติดคุกเหมือนประชาชนนักโทษรายอื่น เป็นการใช้ทฤษฎีเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐานชัดเจน การอ้างว่ามีความจำเป็นต้องรักษาตัว รพ.ตำรวจ ชั้น 14 มีคำถามมากมาย หนึ่งป่วยเป็นโรคอะไร พักรักษาตัวอยู่ชั้น 14 จริงหรือไม่ กรมราชทัณฑ์ใช้ระเบียบใดนายทักษิณถึงได้สิทธินานขนาดนั้น แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ นายกฯบอกว่าไม่ทราบเรื่องของนายทักษิณ รองนายกฯก็ไม่ทราบ รมว.ยุติธรรมก็ไม่ทราบ กรมราชทัณฑ์ก็ตอบไม่ได้ คงต้องถามเป็นลายลักษณ์อักษร เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีคนที่รับผิดชอบอีกหลายคน กระบวนการยุติธรรมไทยโดนรัฐบาลชุดนี้ทำลายไม่มีชิ้นดี และคนรวย นักการเมืองที่มีอำนาจ จะใช้โมเดลนี้มีสิทธิพิเศษ ประชาชนทั้งประเทศต้องจำไว้ว่าคุกมีไว้ขังคนจน สำเร็จยอดเยี่ยมภายใต้รัฐบาลชุดนี้

ฝ่ายค้านตั้งแท่นสอบแน่เรื่องนี้

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า นายทักษิณอยู่ รพ.ตำรวจจะครบ 120 วันแล้ว เกิดคำถามทำไมดูเหมือนมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่น สองมาตรฐานหรือไม่ เราเห็นด้วยหาก รพ.ราชทัณฑ์มีศักยภาพไม่เพียงพอควรได้รับสิทธิออกไปรักษาข้างนอกได้ แต่ที่ผ่านมามีผู้ต้องขังน้อยมากที่ได้รับสิทธิ คนได้รับสิทธิส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมือง มีฐานะ คนธรรมดาไม่เคยได้รับ ทำไมนายทักษิณได้รับสิทธินี้เพียงคนเดียว รัฐบาลควรตอบสังคมให้ชัดเจน ให้สังคมสบายใจว่าทุกคนได้รับสิทธิเสมอภาคเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ระเบียบยังมีปัญหา เช่น ไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าใครได้รับสิทธิเช่นนี้บ้าง แต่ใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ล้วนๆ ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบแน่นอน คิดว่าฝ่ายบริหารควรตอบสังคมให้ได้ อย่าเงียบ หรือคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก

รับสนองแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 08.30 น. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เตรียมจัดพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ที่ห้องประชุม 604 อาคารรัฐสภาใหม่ ย่านเกียกกาย ทั้งนี้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่มีจำนวน สส.มากที่สุดในสภาฯ หลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านแล้ว นายชัยธวัชประสานเชิญแกนนำพรรคการเมืองฝ่ายค้านอื่น ร่วมประชุมหารือนัดแรกอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือแนวทางการทำงานร่วมกันก่อนที่จะปิดวันหยุดเนื่องในเทศกาลปีใหม่

“ศรีฯ” ชงศาลปกครองถอนระเบียบ

ที่ศาลปกครอง นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ยื่นฟ้องอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ถึง 4 ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้พิพากษาเพิกถอนคำสั่งที่ให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกไปนอนพักรักษาตัวนอกเรือนจำ รวมทั้งเพิกถอนระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง และขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การออกระเบียบดังกล่าวยิ่งตอกย้ำว่าเป็นความพยายามเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ อ้างเหตุนักโทษล้นคุก เป็นการทำให้คำพิพากษาของศาลไม่มีความหมายต่อการลงโทษนักโทษให้หลาบจำ

หวังจะรักษากระบวนการยุติธรรม

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนจับเป็นข้อพิรุธได้มากมาย แต่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ยี่หระไม่สนใจ แม้แต่นายกฯผู้มีอำนาจสูงสุดในฝ่ายบริหารก็ไม่สนใจต่อกรณีนี้ อาจเพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียร่วมกัน การที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ใช้อำนาจโดยพลการ น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เมื่อถามว่าจะครบ 120 วันแล้ว มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่กรมราชทัณฑ์จะขอขยายระยะเวลาการรักษาตัวนายทักษิณออกไปอีก นายศรีสุวรรณตอบว่า มีแนวโน้มเป็นอย่างนั้นมาตลอดอยู่แล้ว แต่เชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมทางปกครองจะรักษาบรรทัดฐานเรื่องนี้ไว้ หากศาลเห็นชอบตามคำขอของตน จะทำให้นายทักษิณต้องกลับมารักษาตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หรือ รพ.ราชทัณฑ์

“ชาญชัย-นกเขา” โร่ร้องบังคับคดี

ช่วงบ่ายที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” ร่วมยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ไต่สวนในคดีที่ศาลฎีกาฯ ได้ตัดสินถึงที่สุดแล้ว คือ 1.คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2551 กรณีนายทักษิณสมัยเป็นนายกฯ ให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4,000 ล้านบาท 2.คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551 คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน 3.คดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551 คดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ป และเข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการโทรคมนาคม นายชาญชัยกล่าวว่า ทุกคดีศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก แต่ปรากฏว่ามีการอ้างเหตุว่าป่วยต้องเข้ารับการรักษาตัวใน รพ.ตำรวจ ชั้น 14 โดยกรมราชทัณฑ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ เป็นการขัดต่อกฎกระทรวงยุติธรรม จึงทำคำร้องยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ดำเนินการไต่สวนกรณีมีบุคคล คณะบุคคล หรือเจ้าหน้าที่ ร่วมกันกระทำให้ไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฯ ถือเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 41 (3)

ศาลฯยกคำร้องชี้ไม่อยู่ในอำนาจ

ต่อมานายชาญชัยชี้แจงว่า ศาลฯได้ออกคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว ระบุว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดไปแล้ว การบังคับโทษและการอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ปัญหาว่าเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ปฏิบัติหน้าที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวน ให้ยกคำร้อง หลังจากนี้จะดูในข้อกฎหมายว่าการบังคับคดีนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลใดต่อไป เพื่อรักษาไว้ซึ่งนิติรัฐ และนิติธรรม

“ทวี” โยนราชทัณฑ์แจงปม 120 วัน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ใกล้จะครบกำหนด 120 วัน ต้องมีการรายงานไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และมีการทำเรื่องขอขยายระยะเวลารักษาตัวออกไปต่ออีกหรือไม่ว่า “เดี๋ยวเรื่องนี้ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์น่าจะเป็นผู้แถลงข่าว”

“ลุงป้อม” นำทีมสัญจรเพชรบูรณ์

อีกเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส.พรรค ต่อมา น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค พปชร. และประธานกรรมการด้านกิจกรรมสัมพันธ์ กล่าวว่า พรรคมีแนวคิดจัด พปชร.สัญจร ไปรับฟังปัญหาประชาชน วันที่ 8 ม.ค. ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ เป็นที่แรก ไปดูเรื่องน้ำและที่ดินทำกินตามนโยบายพรรค รับฟังปัญหาประชาชน เพื่อให้การทำงานในรัฐบาลที่ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างราบรื่น จากนั้นวันที่ 12 ม.ค.ลงพื้นที่ จ.หนองคาย

ด้านนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร กรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวว่า การลงพื้นที่ พล.อ.ประวิตรเน้นย้ำการทำความเข้าใจประชาชนถึงนโยบายในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และที่ได้หาเสียงไว้ โดยเฉพาะนโยบายการเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร และนโยบายการจ่ายเงินชดเชยให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท จำนวนไม่เกิน 20 ไร่ต่อครอบครัว หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครอบครัว โดยไม่ได้เป็นนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ถือเป็นการทำงานร่วมกัน วันนี้ได้เห็นการขับเคลื่อนนโยบายดีๆของรัฐบาล

ศาลรับคำฟ้อง “โรม” หมิ่น “อุปกิต”

ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อ 1743/2566 ที่นายอุปกิต ปาจรียางกูร สว. ฟ้องนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีเเถลงข่าวที่พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 10 เม.ย. เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท เป็นคดีที่ 2 โดยศาลมีคำสั่งให้คดีมีมูลประทับรับฟ้อง ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ไม่ได้เดินทางมาศาล มอบหมายทนายความมาฟังคำสั่งศาล ศาลนัดสอบคำให้การตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 12ก.พ.2567 นายอุปกิตกล่าวว่า ฟ้องนายรังสิมันต์รวม 3 คดี คดีแรกฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท คดีนี้เป็นคดีที่สอง ส่วนอีกคดีฟ้องต่อศาลแพ่งข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาท

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

จับตา 48 ชั่วโมงอันตราย หลังระเบิดเลบานอน l World in Brief

รมต.เลบานอนเตือนระวังสถานการณ์บานปลายรุนแรง จากเหตุเพจเจอร์และวิทยุสื่อสารที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบา...

‘อาเซียน’ หันใช้คิวอาร์โค้ดพุ่ง ดันภูมิภาคสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’

นิกเคอิเอเชียรายงานว่า การชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดเริ่มเป็นที่แพร่หลายในตลาดเกิดใหม่เมื่อหลายปีก่อน เ...

เปิดประสบการณ์เยือน ‘กัมพูชา’ ครั้งแรกของนักการทูตแรกเข้า

“กัมพูชา” ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับไทย ซึ่งคนไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดายทั้ง...

“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลย” ข้อความแรกของซีอีโอใหม่ Nike ถึงพนักงาน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (20 ก.ย.) ว่า เอลเลียต ฮิลล์ ผู้บริหารคนใหม่ของ Nike Inc., กล่าวต่อ...