นายกฯ เผย ได้หารือกับผู้นำอาเซียนหลายประเทศ เตรียมฟื้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ร่วม 2 ประเทศ กับเวียดนาม อาจดีเดย์ พฤษภาคม ปี 2567 ขณะที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ยืนยันจะสั่งข้าวไทย 2 ล้านตันในปีหน้า เตรียมส่งคนมาคุยกับ “ธรรมนัส”
วันที่ 17 ธันวาคม 2566 เมื่อเวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ที่เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) ที่โรงแรมโอกุระ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษฯ ว่า ระหว่างพักการประชุมได้พูดคุยส่วนตัวกับผู้นำประเทศอาเซียน อาทิ กัมพูชา เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยการพูดคุยกับ นายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ได้หารือกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานกงสุลที่กรุงเสียมเรียบ ซึ่งเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ทาง นายฮุน ยืนยันจะสนับสนุนเต็มที่ รวมถึงขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดำเนินการให้คนกัมพูชาเข้าไทยได้โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ต ส่วนการหารือร่วมกับ นายหวอ วัน เถือง ประธานาธิบดีเวียดนาม จะรื้อฟื้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมสองประเทศ โดยทางเวียดนามเสนอให้จัดช่วงเดือน พ.ค. ปี 2567 ถือเป็นเรื่องที่ดี และในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก ก็น่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องราคาข้าว เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น พร้อมกันนี้ยังบอกว่าไทยมีประสบการณ์สูงในเรื่องการท่องเที่ยว จึงเสนออยากให้ไทย เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา มาพูดคุยกันเพื่อร่วมเป็นคณะกรรมการโปรโมตการท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงกัน นำจุดแข็งของแต่ละประเทศมาใช้ ตนได้เสนอว่าการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีระหว่างเวียดนามและไทยช่วงเดือน พ.ค. จะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวทั้ง 4 ประเทศ เพื่อทำการบ้านไปก่อนคลอดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของทุกประเทศที่จะดำเนินการต่อไป อีกทั้งแนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ที่ดีมากของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม
...
นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับการพูดคุยกับ นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ดำรงตำแหน่งมา 8 ปีแล้ว และปัจจุบันเป็นประธานอาเซียน ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีบารมี และทุกคนให้ความเคารพ ตนก็ได้เจอท่าน 3-4 ครั้ง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านส่งนักธุรกิจมาคุยเรื่องการค้าข้าวมาพูดคุยก่อนแล้ว และการพบกันวันนี้ประธานาธิบดียืนยันว่าจะซื้อข้าวไทยจำนวน 1 ล้านตันภายในปีนี้ และอีก 1 ล้านตันในปีหน้า แต่เมื่อระยะเวลาเหลือเพียง 20 วันจะสิ้นปี ประธานาธิบดีจึงยืนยันจะสั่งข้าวไทย 2 ล้านตันในปีหน้า โดยจะส่งคนมาพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ช่วงต้นปี 2567 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ราคาข้าวไทยมีราคาและความต้องการสูงขึ้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี นอกจากนี้ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ยังมีความสนใจในเรื่องแลนด์บริดจ์ด้วย เพราะมีนักลงทุนอินโดนีเซียสนใจมาลงทุน โดยจะมีการนัดมาหารือต่อไป.