“อนุสรณ์” เย้ย “ศิริกัญญา” ปมกู้เงินดิจิทัล ยันรัฐบาลเศรษฐามาเพื่อทำให้ได้ ด้าน “ลิณธิภรณ์” ซัดพวกค้านไม่เข้าใจถ่องแท้ ขณะที่ “ครูมานิตย์” ซัด ก้าวไกล คิดไม่ได้ให้นั่งเฉยๆ
วันที่ 11 พ.ย. 2566 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุว่า รัฐบาลรู้แก่ใจดิจิทัลวอลเล็ตถึงทางตัน ออก พ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อหาทางลงมากกว่าทำจริง รวมถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีต กกต. ระบุ รัฐบาลออก พ.ร.บ.กู้เงิน แค่ทางลงจากตำแหน่ง ไม่ใช่ทางออกแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น พร้อมเตือนรัฐบาลเศรษฐาถึงเส้นทางวิบาก ว่า ระหว่างรัฐบาลที่พยายามจะผลักดันนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้เกิดขึ้นให้ได้ กับฝ่ายที่ไม่ต้องการเห็นดิจิทัลวอลเล็ตสำเร็จ ประชาชนดูออกว่าใครว้าวุ่นกว่ากัน การวิพากษ์วิจารณ์ถือเป็นสิทธิแต่ไม่ควรเอามาตรฐานของตัวเองไปตัดสินคนอื่น รัฐบาลเศรษฐามาเพื่อทำให้ได้ ไม่ได้มาเพื่อจะบอกว่าทำไม่ได้ รัฐบาลยินดีรับฟังทุกคำแนะนำจากทุกภาคส่วนที่ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน แต่ต้องไม่สร้างความสับสน ไม่คิดแต่การเอาชนะทางการเมือง แล้วทำประชาชนเสียโอกาส
ด้าน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่ น.ส.ศิริกัญญา และ ส.ส.พรรคก้าวไกล อีกหลายคน ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า ตนเข้าใจดี ว่าถือเป็นบทบาทของฝ่ายค้านที่ต้องการตรวจสอบ แต่ต้องไม่ลืมว่าการดำเนินนโยบายดังกล่าว รัฐบาลได้พิจารณาอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนโดยศึกษาทั้งทางกฎหมาย และการเงิน รวมทั้งยังคงมุ่งรักษาวินัยทางการเงินและการคลัง การวิจารณ์ดังกล่าวนอกจากจะสะท้อนว่าผู้พูด ไม่ได้ศึกษาในรายละเอียดของคำแถลงอย่างถ่องแท้แล้ว ยังสะท้อนว่า ผู้พูดมองแต่มุมของตนเอง ไม่ได้มองเห็นถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เพราะหากมองโดยปราศจากอคติ มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกกำลังถดถอย สภาวะสงครามที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตได้ยาก สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ จึงเป็นทางเลือกที่จำเป็นและเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่เรียกร้อง และถือเป็นมิติใหม่ ที่รัฐบาลให้อำนาจกับประชาชน เป็นผู้ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นภาคการผลิตภายในประเทศ ซึ่งก็ดำเนินการควบคู่กันไปกับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งระยะกลางและระยะยาว หากเป็นไปตามเป้าหมาย GDP ของประเทศจะสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% จะช่วยทำให้หนี้สาธารณะที่หมักหมมมาเป็น 10 ปี ลดลงเป็น 67.1% ได้ ฝากถึงผู้วิจารณ์ทั้งหลาย อย่ายัดเยียดความกลัว ความกังวล ของตนเอง มาเป็นข้อจำกัดความเจริญเติบโตของประเทศเลย
...
ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญา ที่ออกมาระบุการออกพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถทำได้เป็นการหาทางลงของรัฐบาลว่า รัฐบาลมีความตั้งใจในการทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี คนมีเงินอาจไม่เห็นความสำคัญ แต่คนไม่มีเงิน คนรากหญ้าที่มีความเดือดร้อนอยู่เขาต้องการ คนที่คิดไม่ได้หรือคิดได้ แต่แกล้งคิดไม่ได้ก็ขอให้นั่งเฉยๆ เดียวกลไกการเมืองจะเดินไปเอง อย่างโครงการของพรรคเพื่อไทยในอดีตก็เคยถูกสบประมาท ทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน แต่ที่สุดก็ทำให้เป็นจริงขึ้นได้ วันนี้ภาพใหญ่อาจต้องใช้เงินจำนวนมากแต่คนที่ได้ทั่วถึงทั้งประเทศ เป็นการสร้างเศรษฐกิจกระตุ้นเศรษฐกิจ บางพรรคยังไม่เคยมาบริหารประเทศ อาจคิดในแง่ลบไปทุกเรื่อง เพราะไม่มีประสบการณ์ คำที่บอกว่าคนละเลงขนมเบื้องด้วยปาก ยังใช้ได้ถึงทุกวันนี้
“คนไม่เคยปฏิบัติหรือบริหารบ้านเมืองให้พูดทางลบก็พูดได้ทุกวันทุกเรื่อง แต่พอเป็นภาคปฏิบัติไม่สามารถทำได้ เช่นเรื่องในองค์กรเรื่องสองมาตรฐานในบ้านของตัวเอง กว่าจะลงตัวต้องใช้เวลาทั้งที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโต ดังนั้นเรื่องนี้ขอให้นั่งเฉยๆ แล้วดูการกระทำ ส่วนการจะแสดงความคิดเห็นก็เป็นความสวยงามทางการเมือง เพราะคำว่าฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล มันอยู่ตรงข้ามอยู่แล้ว ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องบริหารให้ประชาชนอยู่ดีมีความสุข ส่วนฝ่ายค้านก็ค้าน แต่ขอให้ค้านแบบมีเหตุมีผลมีความสร้างสรรค์” นายครูมานิตย์ กล่าว
