‘YouTube’ ครองแชมป์​แพลตฟอร์มวีดีโอในไทย - เดินหน้าบุกตลาดไทยเต็มที่

YouTube ครองตำแหน่งแพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยมที่คนไทยเลือกรับชมคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ท่ามกลางตัวเลือกที่มีอยู่มากมาย ดัน เครื่องมือที่ทำงานด้วยระบบ AI บน YouTube ช่วยให้ครีเอเตอร์ปลดล็อกรูปแบบใหม่ๆ ในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ และทำให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น

YouTube ประเทศไทย จัดงานใหญ่ประจำปี “YouTube Works for Thailand 2023” ชูความมีชีวิตชีวาของระบบนิเวศของ YouTube เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของ YouTube ในฐานะแพลตฟอร์มการโฆษณา พร้อมทั้งเน้นย้ำบทบาทที่สำคัญของ AI ในการขับเคลื่อนความสำเร็จอันน่าประทับใจของ YouTube

ภายในงานยังมีการประกาศแคมเปญที่ชนะรางวัล “Best of Thailand” YouTube Works Awards และแคมเปญจากประเทศไทยที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของ “YouTube Works Awards South East Asia 2023” ซึ่งเป็นการแข่งขันชิงรางวัลระดับภูมิภาคที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 12 ตุลาคมนี้

ปัจจุบัน ผู้คนมีพฤติกรรมการรับชมวิดีโอที่หลากหลายมากขึ้น แต่ YouTube ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ของแบรนด์และผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจากผลการสำรวจล่าสุดของ Kantar พบว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มวิดีโออันดับ 1 ของคนไทย โดยผู้ชมชาวไทยใช้เวลารับชมวิดีโอบน YouTube มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ

ทุก 1 นาที วิดีโออัปโหลด 500 ชม.

แจ็คกี้ หวาง Country Director, Google ประเทศไทย กล่าวว่า “นับตั้งแต่ที่ YouTube เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อ 9 ปีที่แล้ว พฤติกรรมการรับชมวิดีโอออนไลน์ของผู้คนเปลี่ยนไปอย่างมาก ในทุกๆ 1 นาที มีการอัปโหลดคอนเทนต์ลงบน YouTube จากทั่วโลกมากกว่า 500 ชั่วโมง และครอบคลุมเนื้อหาหลายพันประเภท และแม้ว่าจะมีช่องโทรทัศน์และแอปวิดีโอสตรีมมิงต่างๆ ให้เลือกชมหลายร้อยเจ้า คนไทยก็ยังคงเลือก YouTube ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นเพราะ YouTube ตอบโจทย์ในทุกด้าน โดยมีคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ

ตั้งแต่วิดีโอความยาว 6 วินาที ไปจนถึงสตรีมแบบสดที่ยาวเป็นชั่วโมง นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์การรับชมที่ราบรื่นบนทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะรับชมบนโทรศัพท์มือถือหรือบนหน้าจอทีวีที่บ้าน และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่า YouTube ยังคงเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่คนไทยรับชมและผูกพันมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แม้ว่าจะมีตัวเลือกอื่นๆ ให้รับชมมากมาย”

YouTube Shorts อาเซียนโต 130%

นอกจากนี้ ครีเอเตอร์และแบรนด์ต่างๆ ยังใช้ YouTube Shorts ในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ทำให้ YouTube Shorts ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมียอดดูรายวันกว่า 7 หมื่นล้านครั้ง โดยยอดดูเฉลี่ยรายวันของ YouTube Shorts เฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มขึ้นถึง 130% จากปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของประสบการณ์การรับชมวิดีโอบน YouTube ก็คือ AI โดย YouTube ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการดำเนินงานด้านต่างๆ มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งรวมถึงการปกป้องผู้ชมจากเนื้อหาที่เป็นอันตราย การช่วยให้ผู้คนค้นพบเนื้อหาที่พวกเขาชื่นชอบ การยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ และการช่วยให้คนทั่วโลกเข้าถึงเนื้อหาต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น และล่าสุด YouTube ได้ขจัดอุปสรรคในกระบวนการสร้างสรรค์และช่วยให้ครีเอเตอร์ YouTube เข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น

“ตอนนี้เราอยู่ในจุดเปลี่ยนของความก้าวหน้าด้าน AI ที่จะพลิกโฉมอนาคตของการสร้างสรรค์วิดีโอ เรารู้สึกตื่นเต้นกับศักยภาพของ AI ที่จะช่วยปลดล็อกรูปแบบใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์ของครีเอเตอร์ ศิลปิน ผู้ลงโฆษณา และผู้ชม และเราจะยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบต่อไป” แจ็คกี้ กล่าวเสริม

เปิด 3 เทรนด์ใหญ่

มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทย และเวียดนาม ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ล่าสุดบน YouTube ว่า “เทรนด์หลักๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนอนาคตของการสร้างสรรค์คอนเทนต์บน YouTube ในตอนนี้มีอยู่ 3 เทรนด์ด้วยกัน

เทรนด์แรก คือ เทคโนโลยีที่ทำให้การสร้างสรรค์คอนเทนต์ง่ายขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่ฟีเจอร์ต่างๆ ไปจนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญๆ อย่างเช่น AI โดยจะช่วยครีเอเตอร์ปลดล็อกรูปแบบใหม่ๆ 

เทรนด์ที่ 2 คือ วัฒนธรรมแฟนคลับมีการเติบโตขึ้นมาก ทำให้เกิดเป็นชุมชนกลุ่มย่อยๆ ขึ้นมากมาย 

เทรนด์สุดท้าย คือ YouTube ยังคงเต็มไปด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ ผู้คนใช้ YouTube เพื่อติดตามคอนเทนต์ที่พวกเขาสนใจและหลงใหล

YouTube ดึง AI ปั้นยอด

อย่างไรก็ตาม AI ไม่ได้เพียงแต่เป็นเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับครีเอเตอร์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอีกด้วย โดย YouTube มีเครื่องมือที่ทำงานด้วยระบบ AI ดังนี้

- หลักเกณฑ์ครีเอทีฟโฆษณาใน Google Ads (YouTube Ads Creative Guidance) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำงานด้วยระบบ AI ของ Google ที่จะประเมินแคมเปญโฆษณาให้โดยอัตโนมัติ พร้อมแนะนําแนวทางปฏิบัติแนะนําเพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา เช่น การใส่เสียงบรรยายในวิดีโอ หรือการวางแนววิดีโอให้เหมาะสม

- แคมเปญยอดดูวิดีโอ (Video View Campaign) ที่ทำงานด้วยระบบ AI ช่วยให้ผู้ลงโฆษณาได้ยอดดูโฆษณามากที่สุดในวิดีโอทุกรูปแบบของ YouTube โดยการนำเสนอครีเอทีฟโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแก่ผู้ชมที่มีแนวโน้มที่จะพิจารณาแบรนด์นั้นๆ มากขึ้น

- Demand Gen ใช้ AI เพื่อช่วยให้แบรนด์นำเสนอโฆษณาในทุกช่องทางและพื้นที่โฆษณาของ Google ซึ่งรวมถึง YouTube, YouTube Shorts, Gmail และ Discover

ศารณีย์ บุญฤทธิ์ธงไชย Head of Southeast Asia YouTube Marketing และ Country Marketing Manager, Google ประเทศไทย กล่าวว่า “YouTube ยังคงเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยมของคนไทย เพราะพวกเขารู้สึกว่า YouTube มอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าและเติมเต็มชีวิต ทำให้พวกเขารู้สึกว่าได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและมีความหมาย และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ YouTube มีความสำคัญต่อแบรนด์ต่างๆ ก็คือการเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยไว้ใจมากที่สุด

โดยผู้ชมชาวไทยกล่าวว่าโฆษณาบน YouTube นั้นน่าเชื่อถือที่สุด เช่นเดียวกับ 86% ของผู้ชม Gen Z ที่เห็นด้วยว่าโฆษณาในวิดีโอบน YouTube ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะพิจารณาแบรนด์หรือสินค้ามากขึ้น 

“คอนเทนต์ที่ดียังคงเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย และด้วยเครื่องมือที่ทำงานด้วยระบบ AI บน YouTube ที่มีให้แบรนด์ได้เลือกใช้ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าแบรนด์ต่างๆ มีการปรับตัวและสร้างสรรค์คอนเทนต์บน YouTube เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชมในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างไรบ้าง” ศารณีย์ กล่าวเสริม

“Love Your Gut” คว้ารางวัล

อีกหนึ่งไฮไลท์ภายในงานคือการประกาศผลแคมเปญที่ชนะรางวัล “Best of Thailand” YouTube Works Awards ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อส่งเสริมและยกย่องแบรนด์ที่ใช้ YouTube เพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพผ่านแคมเปญครีเอทีฟโฆษณาที่มีความโดดเด่น

สำหรับปีนี้ แคมเปญ “Love Your Gut” คว้ารางวัล Gold Awards for Best of Thailand ไปครอง โดยมีจุดเด่นคือคอนเทนต์ที่ผสมผสานความตลกขบขัน การเสียดสี และเพนพ้อยท์ของ Gen Z เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งการนำเสนอคอนเทนต์ในหลากหลายรูปแบบซึ่งทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ ในขณะที่แคมเปญ

“The Innocent Eyes” คว้ารางวัล Silver Awards และแคมเปญ “Quality Time, Again” ได้รับรางวัล Bronze Awards ไปครอง แคมเปญที่ชนะรางวัลในปีนี้ต่างสะท้อนให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่น ทั้งในด้านการวางแผนสื่อ การเล่าเรื่องราว และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์ระหว่างแบรนด์และเหล่าครีเอเตอร์ รวมถึงการกระตุ้นการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

สามารถดูรายละเอียดแคมเปญที่ชนะรางวัล “Best of Thailand” YouTube Works Awards ประจำปี 2566 ได้ที่นี่ และแคมเปญที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของ YouTube Works Awards South East Asia 2023 ได้ที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ระเบิด ‘เพจเจอร์’ เทคโนโลยียุคเก่าที่กลับมาได้รับความนิยมในวงการแพทย์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความเป็นที่นิยมของ “โทรศัพท์มือถือ” จนกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักของโล...

เปิดเหตุผล 'ไปรษณีย์ไทย' ทำไมโดดร่วมสมรภูมิ 'เวอร์ชวลแบงก์'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.) เป็นวันปิดรับคำขออนุญาตจัดตั้ง ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (เวอร์ชวลแ...

แกะกล่อง 'iPhone 16' และ 'iPhone 16 Pro Max' ส่องจุดเด่น มีลูกเล่นอะไรใหม่

แกะกล่องเป็นกลุ่มแรกๆ กับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro Max ที่วันนี้ KT Review จะพาไปดูว่าหนึ่งรุ่นเร...

‘ไมโครซอฟท์ - กูเกิล’ มอง ‘Digital Trust’ วาระท้าทาย ชีวิตบนโลกดิจิทัล

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดงาน “60 Years OF EXCELLENCE” ฉลองครบรอบ 60 ปี เชิญผู้นำจา...