‘Intel’ คาดรายได้ Q4 เกินเป้า จุดความหวังบริษัทฟื้นตัว ดันราคาหุ้นพุ่งราว 9%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “อินเทล” (Intel) บริษัทชิปซีพียูชื่อดังระดับโลกของสหรัฐประกาศคาดการณ์รายได้ไตรมาสที่ 4 สูงกว่าคาดเล็กน้อย จุดความหวังว่าบริษัทอาจยึดครองส่วนแบ่งตลาดที่หายไปบางส่วนกลับคืนได้

Intel คาดการณ์ว่า รายได้ไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ 13,300 - 14,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบกับการคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 13,600 ล้านดอลลาร์ อีกทั้งบริษัทคาดการณ์กำไรที่ 12 เซ็นต์ต่อหุ้น เทียบกับ 6 เซ็นต์ที่วอลล์สตรีทคาดการณ์

ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 9.2% ไปอยู่ที่ 23.51 ดอลลาร์ในการซื้อขายนอกเวลาทำการในวันที่ 1 พ.ย. หลังจากปิดตลาดที่ 21.52 ดอลลาร์ในนิวยอร์ก

Intel ซึ่งเคยเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในด้านซีพียูคอมพิวเตอร์ กำลังเก็บรักษาเงินสดเพื่อสนับสนุนแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งแพท เกิลซิงเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เรียกว่าเป็น “แผนการฟื้นฟูกิจการที่กล้าหาญที่สุดในประวัติศาสตร์องค์กร” 

ไตรมาสก่อนหน้า อินเทลได้ลดจำนวนพนักงาน ลดค่าใช้จ่าย และระงับการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุน การลดจำนวนพนักงานทั้งหมดอยู่ที่ 16,500 คน ตอนนี้ เกิลซิงเกอร์จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถชดเชยการไหลออกของเงินสดโดยการสร้างคำสั่งซื้อใหม่จากลูกค้า

“นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งต่อบริษัท” เกิลซิงเกอร์กล่าว

ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหานักลงทุนที่มีศักยภาพทางธุรกิจสำหรับหน่วยธุรกิจชิปโปรแกรม Altera โดยคาดการณ์ว่าจะบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในช่วงต้นปีหน้า นอกจากนี้ ทางบริษัทยังอยู่ระหว่างการประเมินโอกาสในการดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับธุรกิจอื่น ๆ ภายในองค์กร

ทั้งนี้ ผู้นำของ Intel เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนกฎหมาย Chips and Science Act ซึ่งเป็นนโยบายอุตสาหกรรมของรัฐบาลไบเดน ที่มุ่งเน้นนำการผลิตชิปกลับมายังสหรัฐ ด้วยการสนับสนุนเงินสาธารณะหลายหมื่นล้านดอลลาร์

เกิลซิงเกอร์มั่นใจว่า ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โครงการสนับสนุนชิปจากรัฐบาลดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไป เพราะเป็นกฎหมายที่ทั้งสองพรรคใหญ่ให้การสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง

ซีอีโอ Intel วางแผนที่จะขยายธุรกิจชิปของอินเทลอย่างก้าวกระโดด โดยการสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่และเปิดรับคำสั่งผลิตจากบริษัทอื่นๆ นอกเหนือจากชิปที่อินเทลออกแบบเอง แผนการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ Intel กลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้ Intel กำลังเผชิญกับปัญหาสำคัญคือ รายได้ลดลงและต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรที่เคยสูงมากปรับตัวลง

อ้างอิง: bloomberg

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ