เรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยเอไอ ทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ l World Pulse

World Pulse มีโอกาสพบกับผู้เชี่ยวชาญจากสิงคโปร์หารือกันถึงการเรียนรู้ในวัยผู้ใหญ่ เพื่อการใช้เอไออย่างมีประสิทธิภาพ 

 เรเน ตัน ผู้ช่วยกรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Institute for Adult Learning) กล่าวนอกรอบการประชุม Global Lifelong Learning Summit 2024 ที่สิงคโปร์เมื่อช่วงต้นเดือนว่า สิงคโปร์นิยามการเรียนรู้ในวัยผู้ใหญ่ไว้ที่ 21 ปี หรือเมื่อคนเข้าสู่วัยทำงาน เรียกอีกนัยหนึ่งคือ “การเรียนรู้ของวัยทำงาน” เป็นการเรียนรู้เพราะงาน เรียนเรื่องงาน เรียนในที่ทำงาน เรียนผ่านงาน เมื่อเกษียณแล้วคนเราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยหลายๆ เหตุผล เช่น เพื่อเข้าสังคม เพื่อมีส่วนร่วมกับสิ่งใหม่ๆ และที่แน่นอนที่สุดคือเรียนรู้เพื่อการเติบโตและพัฒนาในฐานะบุคคล กล่าวได้ว่า วัตถุประสงค์ของการเรียนเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา 

อีกหมุดหมายหนึ่งของการเรียนรู้ในวัยผู้ใหญ่ของสิงคโปร์คือ เมื่ออายุ 25 ปี คนสิงคโปร์จะได้ Skills Future Credit มูลค่า 500 ดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อพัฒนาทักษะที่มีอยู่หรือพัฒนาทักษะใหม่ ๆ นอกเหนือจากสาขาอาชีพปัจจุบันได้ โครงการนี้มีมาตั้งแต่ปี 2015 ผลพวงจากการที่รัฐบาลเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิตและต้องการสื่อสารให้ประชาชนเห็นความสำคัญ 

"คุณต้องมุ่งมั่น มีส่วนร่วม ผูกพันตนเองกับอะไรบางอย่าง  โครงการ Skills Future Credit หมายความว่าคุณลงทุนเวลา เราช่วยค่าใช้จ่าย ให้คุณได้เติบโตและพัฒนา นี่เป็นโอกาสที่มอบให้กับทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อายุเท่าใดจงใช้มัน"

สำหรับยุทธศาสตร์การใช้เอไอเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เรเนอ้างถึงถ้อยแถลงจาก ชาน ชุนซิงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์คือ ต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เอไอมอบให้ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มผลิตภาพ การเติบโต และการพัฒนา  “อย่าไปกลัวว่าเอไอจะมาแย่งงาน”  

เรเนย้ำว่า เอไอสามารถนำไปใช้ออกแบบหลักสูตรได้ทันที ทั้งยังสามารถปรับการเรียนรู้ให้เป็นรายบุคคลได้อีกด้วย ข้อดีของการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มที่ออกแบบโดยเอไอคือ ผู้เรียนสามารถบอกได้ว่า เนื้อหาส่วนนี้เก่งแล้ว เอไอก็จะป้อนข้อมูลเพิ่มให้ ส่วนที่เรียนได้ช้าเอไอจะแนะนำการเรียนในจังหวะที่เหมาะสม 

ไม่เพียงเท่านั้นเอไอยังสามารถช่วยให้ผู้คนเรียนรู้ในสถานการณ์ที่เรียนได้ยาก เช่น 

“หากคุณเป็นคนงานก่อสร้างแล้วอยากรู้ว่า การทำงานบนที่สูงเป็นอย่างไร เนื่องจากสิงคโปร์มีตึกสูงมากมาย ยิ่งขึ้นไปสูงมากก็ยิ่งเสี่ยงและอันตรายมาก”  การเรียนรู้แบบเดิม เช่น จากตำรา เรียนในห้องเรียน หรือจากสถานการณ์จำลอง ผู้เรียนทำได้อย่างมากที่สุดแค่บทบาทสมมุติ แต่การเรียนจากเอไอจะได้บรรยากาศเสมือนจริงแบบ immersive ช่วยให้ผู้เรียนภาพชัดเจน การเรียนรู้ทรงพลังและมีความหมาย

ได้ยินผู้เชี่ยวชาญพูดแบบนี้ราวกับว่า เอไอมีแต่ประโยชน์ แล้วจะมีภัยคุกคามหรือมีอะไรให้ต้องกังวลบ้างหรือไม่ ผู้ช่วยกรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต

มองว่า คงเป็นความคิดที่ค่อนข้างประมาทมาก " ถ้าคนเราคิดว่าเอไอเรียนรู้มากแล้ว ทำได้มากแล้ว เราก็ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องเรียนรู้ ซึ่งนั่นจะทำให้เราเสียเปรียบ" เธอให้เหตุผลว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าคนเราไม่มีพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่งย่อมไม่สามารถใช้เอไอทำงานให้ได้ อย่างไรเสียเอไอก็เป็นเทคโนโลยีที่ควบคุมโดยมนุษย์

ในทัศนะของผู้เชี่ยวชาญรายนี้ อันตรายจากการใช้เอไออยู่ที่สังคมใช้เอไอโดยประมาทอย่างที่เธอว่ามา และการที่สังคมมีแนวโน้มใช้ประโยชน์อย่างเดียวไม่พยายามพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อสังคมในระยะยาว

เมื่อมองในมุมเปรียบเทียบระหว่างสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศรายได้สูงและพัฒนาไปมากแล้วซึ่งอาจทำให้ปรับใช้เอไอได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ ผู้เชี่ยวชาญชาวสิงคโปร์มีความเห็นแย้งว่า

สิงคโปร์อาจมีโครงสร้างพื้นฐานดี “แต่อย่าลืมว่าสังคมเราสูงวัยเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” 

ไทยมีข้อได้เปรียบสิงคโปร์ตรงที่มีประชากรมากกว่า มีคนหนุ่มสาวมากกว่า คนสูงวัยจึงเรียนรู้เรื่องเอไอได้จาก Gen Z โดยธรรมชาติคนหนุ่มสาวใช้โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา

 “เราสามารถขอให้เพื่อนร่วมงาน Gen Z ช่วยสอนได้ คุณมีข้อได้เปรียบเหล่านี้”  ผู้เชี่ยวชาญกล่าวทิ้งท้ายเรื่องเอไอกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตและข้อได้เปรียบของไทยเหนือสิงคโปร์ ที่คนไทยอาจมองไม่เห็น 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ