'ไอโฟน' แบก Apple ดันยอดขายรวมโต 6% แต่กำไรสุทธิต่ำกว่าคาด

บริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ (Apple) รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 สิ้นสุดเดือน ก.ย. มีรายรับรวม 94,930 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์บริษัท LSEG คาดการณ์เอาไว้ที่ 94,580 ล้านดอลลาร์ นำโดยยอดขายกลุ่มสมาร์ตโฟน iPhone ที่ทำให้ยอดขายรวมของแอปเปิ้ลเติบโตได้ 6% แต่กำไรสุทธิ (net income) อยู่ที่ 14,730 ล้านดอลลาร์ หรือน้อยกว่าไตรมาสเดียวกันปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 22,960 ล้านดอลลาร์ จากรายจ่ายกรณีแพ้คดีภาษีในยุโรป 
 

สำหรับรายละเอียดในแต่ละหมวด เมื่อเทียบกับที่ LSEG คาดการณ์ มีดังนี้

• กำไรต่อหุ้น (ESP): 1.64 ดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.60 ดอลลาร์
• รายได้รวม: 94,930 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 94,580 ล้านดอลลาร์
• รายได้ iPhone: 46,220 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 45,470 ล้านดอลลาร์
• รายได้ Mac: 7,740 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าคาดการณ์ที่ 7,820 ล้านดอลลาร์
• รายได้ iPad: 6,950 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าคาดการณ์ที่ 7,090 ล้านดอลลาร์
• รายได้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ: 9,040 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าคาดการณ์ที่ 9,210 ล้านดอลลาร์
• รายได้จากบริการ: 24,970 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าคาดการณ์ที่ 25,280 ล้านดอลลาร์
• อัตรากำไรขั้นต้น: 46.2% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 46.0%

รายงานระบุว่า รายรับรวมของไอโฟนเติบโตขึ้น 6% ซึ่งเป็นสัญญาณแรกของความสำเร็จของ iPhone 16 ในตลาด หลังสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดนี้ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ทำให้แอปเปิ้ลมียอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่ในไตรมาสนี้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่ไอโฟนยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของแอปเปิ้ล โดยคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 49% ของยอดขายรวมของบริษัท

ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของแอปเปิ้ลกล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า ยอดขายไอโฟน 15 "แข็งแกร่งกว่าไอโฟน 14 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และไอโฟน 16 ก็แข็งแกร่งกว่าไอโฟน 15"

ซีอีโอแอปเปิ้ลกล่าวว่า บริษัทกำลังคาดหวังระบบปฏิบัติการณ์เอไอ Apple Intelligence สำหรับไอโฟนและคอมพิวเตอร์แม็คที่เริ่มเปิดตัวในสัปดาห์นี้ในฐานะส่วนหนึ่งของการอัปเดต iOS 18.1

"เรากำลังได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าและนักพัฒนาแล้ว รวมถึงสถิติเบื้องต้นที่รวบรวมได้เพียง 3 วันก็คือ ยูสเซอร์กำลังใช้ iOS 18.1 ในอัตราสองเท่าของอัตราที่พวกเขาใช้เวอร์ชั่น 17.1 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน" คุกกล่าว

ส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์อื่นๆ แม้จะน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ก็นับว่าขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่น iPad ที่มียอดขายโต 8% อยู่ที่ 6,950 ล้านดอลลาร์ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะการอั้นรุ่นใหม่ในปีที่แล้ว และเพิ่งออกไอแพดรุ่นใหม่มาในเดือน พ.ค. ปีนี้

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นของแอปเปิ้ลซึ่งซื้อขายนอกเวลาทำการหลังปิดตลาด ลดลงราว 2%  ท่ามกลางกำไรสุทธิที่ลดลง หลังมีรายจ่ายแบบครั้งเดียว 10,200 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่บริษัทเพิ่งแพ้คดีภาษีในประเทศไอร์แลนด์ ที่มีมาตั้งแต่ปี 2016 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ