ปธ.กกต.แจงมี 4 คำร้อง "ทักษิณ" ครอบงำเพื่อไทย ยันให้ความเป็นธรรม เปิดโอกาสให้โต้แย้ง เสนอหลักฐาน เลื่อนสอบคุณวุฒิแพทย์ "หมอเกศ" แต่ชงศาล รธน.ฟัน "สมชาย เล่งหลัก" พ้น สว. เหตุโกงเลือกตั้ง สส.ปี 66 "พิธา" ออกโรงค้านยุบพรรคแบบทางด่วน "นายกฯอิ๊งค์" ส่งใบลาป่วย "หลอดลมอักเสบ" โชว์ภาพคู่พยาบาลตัวจิ๋ว "ธิธาร-ธาษิณ" "อ้วน” ท้า พปชร.แน่จริงเปิดชื่อส่งหลักฐานมา อย่าเบี่ยงประเด็นกลบแผลเน่าตัวเอง ยัน พท.เสนอร่างนิรโทษไม่แตะ ม.112 โฆษกธปท.แจง 227 นักวิชาการคัดค้านการเมืองแทรกคัดเลือก ปธ.บอร์ด ธปท. แค่ห่วงใย-กังวล
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงมีคำร้องที่ขอให้ตรวจสอบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีครอบงำพรรคเพื่อไทยรวม 4 คำร้อง ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องแสดงความเห็นและเสนอเอกสารหลักฐาน
ปธ.กกต.แจงมี 4 คำร้องยุบเพื่อไทย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ต.ค. ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคำร้องที่ขอให้ตรวจสอบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีครอบงำพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้คำร้องมีทั้งหมด 4 คำร้องในทำนองเดียวกัน เลยรวมไว้เป็นสำนวนเดียวกัน เบื้องต้นตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าเป็นคำร้องที่สามารถรับไว้พิจารณาได้ เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนจึงรับเรื่องไว้ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง ถ้าเห็นว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายอันนำไปสู่การยุบพรรค เลขาธิการ กกต.ต้องเสนอเรื่องให้ กกต.พิจารณา เรื่องเข้าสู่กระบวนการอย่างเป็นทางการแล้ว เท่าที่ทราบมีผู้ร้องมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการฯแล้ว ทั้งนี้ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องมารับทราบข้อเท็จจริง และมีโอกาสแสดงความคิดเห็นเสนอเอกสารหลักฐาน เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
...
รอสอบ “หมอเกศ” ตกคุณสมบัติ
นายอิทธิพรกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามกรณีวุฒิการศึกษาของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.ว่า กกต.รับเป็นสำนวนและพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องเสร็จสิ้นแล้ว วันนี้นำเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณาสำนวนจากการสืบสวนไต่สวนเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ เรื่องเพิ่งเข้าที่ประชุมวันนี้ หากที่ประชุมมีมติก็ต้องทำคำวินิจฉัย และทำคำร้องเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ขอพูดอะไร กระบวนการคงใช้เวลาไม่นาน ยกเว้นว่า กกต.จะเห็นว่ามีบางประเด็นที่อยากให้สืบสวนไต่สวน หรือหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่หากเห็นว่าเพียงพอแล้วที่จะชี้ หรือมีมติเรื่องนี้ได้ก็ลงมติได้เลย
ชงฟัน “สมชาย เล่งหลัก” พ้น สว.
ต่อมาช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กกต.ว่า ที่ประชุม กกต.ยังไม่มีการพิจารณารายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย เนื่องจากมีวาระพิจารณาหลายเรื่อง ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าเมื่อเร็วๆนี้ กกต.มีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพความเป็น สว.ของนายสมชาย เล่งหลัก สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสี่ หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาตามที่ กกต.เสนอ ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากเมื่อการเลือกตั้งปี 2566 นายสมชายเป็นผู้สมัคร สส.สงขลา เขต 9 พรรคภูมิใจไทย รู้เห็นสนับสนุนให้มีการแจกเงิน จึงมีลักษณะต้องห้ามดำรงตำแหน่ง สว. อยู่ระหว่างจัดทำคำวินิจฉัยและยกร่างคำร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
“พิธา” ค้านยุบพรรคแบบทางด่วน
ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงคำร้องยื่นยุบพรรคเพื่อไทย จากเหตุนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำว่า ไม่ควรให้พรรคที่มาจากประชาชน ต้องตายโดยองค์กรอิสระ บทลงโทษควรได้สัดส่วน ไม่ใช่ทุกเรื่องต้องถูกยุบพรรคหมด การเกิดรัฐประหารโทษควรหนักกว่าครอบงำพรรค ทำไมคนทำรัฐประหารไม่เห็นได้รับโทษ พรรค พท.ควรมีโอกาสชี้แจง การพิจารณายุบพรรค ไม่ควรมี 2 มาตรฐาน ไม่ควรมีการยุบพรรคแบบทางด่วน หรือแบบทางธรรมดา เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์กันว่าพรรค พท.อาจชิงยุบสภาก่อน นายพิธาตอบว่า เป็นเรื่องของพรรค พท.เป็นเรื่องของนายกฯ การเมืองย่อมเกิดขึ้นได้หมด และตอนนี้อยู่ในห้วงเวลาที่เกิดขึ้นได้ คิดว่าทุกพรรคที่เชื่อมโยงกับประชาชนพร้อม ส่วนอาการป่วยของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นกำลังใจให้นักการเมืองทุกคนที่พยายามทำงานเพื่อประชาชนอยู่ รวมทั้ง น.ส.แพทองธารและนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านด้วย
“นายกฯอิ๊งค์” ป่วยหลอดลมอักเสบ
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังในช่วงเย็นวันที่ 30 ต.ค. ไปพบแพทย์ และให้น้ำเกลือเนื่องจากมีสีหน้าอิดโรย มีอาการเสียงแหบและเจ็บคอ โดยแพทย์ตรวจพบว่ามีเชื้อแบคทีเรียในลำคอ ทำให้หลอดลมอักเสบและเสียงแหบ แต่ไม่พบเชื้อโควิด-19 และเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A หรือสายพันธุ์ B แพทย์จึงให้พัก 1 วัน ทำให้ น.ส.แพทองธารต้องยกเลิกภารกิจงานในวันนี้ทั้งหมด และส่งหนังสือลาป่วย 1 วัน ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว จะกลับมาปฏิบัติภารกิจในวันที่ 1 พ.ย. เพื่อลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารยังรีโพสต์ไอจีสตอรี ของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว ที่โพสต์รูปนายกฯขณะนั่งให้น้ำเกลือ พร้อมโดยเขียนข้อความว่า “พักๆๆ นอนๆ บอกตัวเองอีกเยอะเลยเดือน Nov” พร้อมอิโมจิรูปหัวเราะทั้งน้ำตา
โชว์พยาบาลตัวจิ๋ว “ธิธาร–ธาษิณ”
ต่อมาเวลา 11.30 น. น.ส.แพทองธารโพสต์รูปพร้อมข้อความลงไอจี “ingshin 21” เป็นภาพนายกฯสวมชุดผ้าไหมทอมือสีกลีบบัว ที่ใส่มาทำงานเมื่อวันที่ 30 ต.ค. พร้อมภาพคู่บุตรสาว“น้องธิธาร สุขสวัสดิ์” ลูกสาวคนโต และ “น้องธาษิณ” พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ บุตรชายคนเล็ก นอนที่ตักและสวมกอด น.ส.แพทองธารในอิริยาบถสบายๆ พร้อมระบุข้อความว่า “กราบขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องเพื่อนๆ ประชาชนที่รักทุกคน ที่ส่งความห่วงใยมาทุกช่องทางค่ะ ซาบซึ้งใจมากๆ กราบขออภัยนัดหมายวันนี้ที่ต้องยกเลิกทั้งหมดนะคะ (ไม่ชอบที่สุดการนัดแล้วต้องยกเลิกค่ะ ฉีดยาให้วิตามินอีกรอบ คาดว่าจะดีขึ้นแน่นอนค่ะ) วันนี้คุณหมอแนะนำให้หยุดอีกวัน แต่คิดว่าไม่ต้องแล้ว เพราะมีพยาบาลจิ๋ว 2 คนดูแลที่บ้านอย่างดีค่ะ วิ่งวนไปมา ชวนแม่ดูทุกสิ่งอย่าง แม่ก็นอนนิ่งๆส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เด็กๆ#mmdpskids ร้อยเอ็ดเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”
“อ้วน” ท้า พปชร.เปิดชื่อส่งหลักฐาน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนนตรีและ รมว.กลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายพรรค พท.เตรียมพิจารณาดำเนินคดี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวพาดพิงบุคคลของพรรค พท.เชื่อมโยงดิ ไอคอน กรุ๊ปว่า ช่วงนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่อยู่บนพื้นฐานของความจริงหลายเรื่อง เข้าข่ายลักษณะให้ร้ายป้ายสี หากเกิดความเสียหายก็ต้องฟ้องร้องกัน ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน หลายเรื่องที่กล่าวหาพรรคยังไม่มีการพูดกันเลย อย่างเรื่องการขายชาติ ยิ่งกว่าจินตนาการ ดังนั้นหากมีหลักฐานให้เอ่ยชื่อผู้เกี่ยวข้องมาเลย ไม่ชอบเอาข่าวโคมลอยข่าวเลื่อนลอยมาทำงาน เพราะงานทุกวันนี้เยอะมากอยู่แล้ว ไม่อยากเดาว่าเป็นใคร เช่น ส. มีเป็นร้อย ม. ก. ฮ. เป็นใคร ไม่อยากเดาพูดมาให้ชัดมีหนังสือส่งมาเลยว่ามีพฤติกรรมทำให้เสียหายอย่างไร จะได้ตั้งกรรมการสอบ และให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป
เบี่ยงประเด็นกลบแผลเน่าตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องขายชาติก็ออกมาจากพรรค พปชร. เป็นเพราะไม่ได้ร่วมรัฐบาลจึงออกมาโจมตีพรรค พท.หนักใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ได้บอกว่ามาจากพรรค พปชร. แต่มีการจินตนาการกันไปมา เราอยู่กับข้อเท็จจริง เราไม่กล่าวหาหรือโยนอะไรให้ใคร หากฝ่ายกฎหมายดูข้อเท็จจริงนั้นคลาดเคลื่อน ไม่เป็นความจริง ก็ว่าตามกระบวนการกฎหมาย อย่ามองทุกอย่างเป็นการเมือง ไม่แน่ใจว่าที่ทำอยู่เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นของตัวเองหรือไม่ เมื่อถามว่ามีการพูดถึงกลุ่มสามมิตร อาจเชื่อมโยงกับนักการเมืองอักษรย่อ ส. นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ทราบ ให้ไปว่ากันเอง เกี่ยวข้องกับใครก็ชี้แจงเอง ถ้าไม่เอ่ยถึงรายละเอียดเขาก็อยู่กันเฉยๆ แต่ยืนยันไม่มีส่วนของพรรค พท.ไปเกี่ยวข้อง เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่
ยันเสนอนิรโทษไม่แตะ ม.112
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีพรรค พท.เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ไม่แตะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะทำให้เสียมวลชนผู้สนับสนุนพรรค พท.หรือไม่ว่า ไม่ใช่เรื่องเสียมวลชนหรือไม่เสียมวลชน เพราะถือเป็นจุดยืนของทุกพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ เมื่อเราร่วมกันมาบนพื้นฐานที่มีเงื่อนไขเรื่องนี้ ถ้าทุกคนจำได้ที่เราเชิญไปแต่ละพรรค ทุกคนออกมาพูดเรื่องนี้หมด ฉะนั้นในเมื่อการจัดตั้งรัฐบาลมีเงื่อนไขที่เป็นเงื่อนไข เราต้องยืนยันตรงนี้แน่นอน
“เต้น” ขอใจร่มๆเกาะกูดของไทย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เชื่อว่าทุกคนรักชาติ แต่การแสดงออกถึงความรักชาติ ต้องอยู่บนข้อเท็จจริงและเหตุผล ยังเชื่อด้วยว่าไม่มีใครยอมเสียดินแดน ไม่มีรัฐบาลไหนใจขายชาติ เอาแผ่นดินไปยกให้ต่างแดน MOU 44 ทำมาแล้ว 23 ปี ถ้าจะเสียคงเสียไปแล้ว แต่ไม่เคยมีกรณีพิพาท ไม่เคยมีใครอ้างสิทธิเหนือแผ่นดินไทยจาก MOU นี้ รัฐบาลทุกชุดแม้แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อยู่ในอำนาจเกือบ 10 ปี ก็ไม่มีใครชี้ว่าเป็นปัญหา เรื่องทรัพยากรปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อน รัฐบาลนี้ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ถ้าจะมีต้องทำโปร่งใสยึดประโยชน์ของชาติ เกาะกูดเป็นอำเภอหนึ่งของ จ.ตราด เริ่มเป็นกิ่งอำเภอตั้งแต่ปี 2533 ประกอบด้วย 2 ตำบล 8 หมู่บ้าน มี 1 ที่ว่าการอำเภอ 2 ที่ทำการ อบต. 2 ที่ทำการกำนัน 6 ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน 1 ที่ทำการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1 โรงเรียน นายอำเภอ 1 คน นายก อบต. 2 คน กำนัน 2 คน ผู้ใหญ่บ้าน 6 คน ประชากรเกือบ 3,000 คน เกาะกูดเป็นของไทย สิ้นสงสัย ไม่มีใครจะกล่าวอ้างสิทธิ์เป็นอื่นได้ ใจเย็นๆกันนะครับ”
“นิกร” ชี้ร่าง รธน.ใหม่ไม่ทันเลือกตั้ง
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายนิกร จำนง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ชทพ. กล่าวถึงการประชุมร่วม 2 สภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติว่า ไม่ต้องรีบแล้วเพราะยังไงก็ไม่ทันทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นต้นปี 2568 รัฐบาลต้องไปกำหนดวันทำประชามติเอง ออกค่าใช้จ่ายเอง ดำเนินการเอง จะไปพ่วงกับอย่างอื่นไม่ได้ สำหรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงเกิดไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ และไม่ทันในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าอาจมีการทำประชามติพ่วงไปด้วย ก็จะเป็นเรื่องดี ยังไงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่ทัน ต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแน่นอน เร่งยังไงคงเร่งไม่ทัน
กกต.จัดเลือก อบจ.ตามไทม์ไลน์
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงความพร้อมเตรียมการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาพิจารณาแบ่งเขตเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้องเพื่อนำประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ให้ครบทั้ง 76 จังหวัด คาดว่าจะเสร็จภายในกลางเดือน พ.ย. เมื่อถามถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างกฎหมายประชามติ อาจไม่ทันพ่วงไปกับการเลือก อบจ. นายอิทธิพรตอบว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กกต.มีหน้าที่จัดให้มีการออกเสียงประชามติ หากเมื่อไหร่กฎหมายพร้อมให้ทำประชามติ กกต.ก็พร้อมดำเนินการ ส่วนการเลือกตั้ง อบจ.ก็เดินหน้าต่อไป
ธปท.แจง 227 นักวิชาการแค่ห่วงใย
อีกเรื่อง น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีนักวิชาการกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม และอดีตผู้ว่าการ ธปท. ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงต่อการถูกครอบงำ และการแทรกแซงทางการเมือง ในการคัดเลือกประธานกรรมการ ธปท.ว่า เป็นการส่งผ่านความห่วงใย และความกังวลไปยังคณะกรรมการคัดเลือก ที่จะมีการประชุมวันที่ 4 พ.ย. คงต้องรอดูการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ก่อนว่าผลจะออกมาอย่างไร สำหรับตำแหน่งประธานกรรมการ ธปท. โดยหลักแล้วเป็นเรื่องการบริหารงานภาพรวม การตัดสินนโยบายมีคณะกรรมการนโยบายภายใต้กฎหมายอยู่แล้ว ในแง่กฎหมายและโครงสร้างที่มีอยู่ มีการตรวจสอบถ่วงดุล รวมทั้งมีกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ชัดเจนในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แถลงการณ์ดังกล่าวออกโดยนักวิชาการกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม 227 คน มีอดีตผู้ว่าการ ธปท. อาทิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล, นางธาริษา วัฒนเกส, นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล นายวิรไท สันติประภพ ออกมาแสดงความกังวลต่อการประชุมเพื่อคัดเลือกประธานกรรมการ ธปท. พร้อมมองว่าหากการครอบงำครั้งนี้ทำสำเร็จ มีแนวโน้มว่าฝ่ายการเมืองจะใช้วิธีเดียวกัน ในการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ในปี 2568
ร่วมรำลึก 18 ปี “ลุงนวมทอง”
วันเดียวกันเวลา 14.00 น. ที่ใต้สะพานลอยหน้าไทยรัฐกรุ๊ป ถนนวิภาวดีรังสิต สถานที่ตั้งสดมภ์อนุสรณ์ของนายนวมทอง ไพรวัลย์ กลุ่มเครือข่ายรณรงค์ประชาธิปไตยต่อต้านรัฐประหาร และรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 รวมตัวจัดงานรำลึกวันครบรอบ 18 ปี การเสียชีวิตของนายนวมทอง อดีตคนขับรถแท็กซี่ ที่ถูกยกย่องเป็นสัญลักษณ์การต้านรัฐประหาร จากวีรกรรมขับรถแท็กซี่พุ่งเข้าชนรถถังจนตัวเองต้องบาดเจ็บสาหัส และแขวนคอตายใต้สะพานลอยประท้วงการทำรัฐประหารของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เมื่อปี 2549 บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีนางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธาน นปช. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 53 และ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ เป็นเจ้าภาพ มีญาติ นักการเมือง แกนนำเครือข่ายม็อบกลุ่มต่างๆเข้าร่วม อาทิ นางบุญชู ไพรวัลย์ ภรรยานายนวมทอง นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ อดีต สว.กทม. น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ สส.กทม. พรรคประชาชน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำเครือข่ายราษฎรยกเลิก 112 ฯลฯ จากนั้นมีการประกอบพิธีสงฆ์กรวดน้ำแผ่ส่วนกุศลให้นายนวมทอง
“ธิดา” ชี้ 112 เป็นมรดกรัฐประหาร
นางธิดากล่าวว่า ขอยกให้นายนวมทองเป็นครูของนักต่อสู้ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทั้งที่เป็นเพียงสามัญชนธรรมดา ไม่ได้มาจากการจัดตั้งของพรรคการเมืองหรือคนกลุ่มคนใด หรือเรียนรู้สูง นับตั้งแต่เริ่มมีการปฏิวัติรัฐประหารล้มล้างประชาธิปไตย ผลพวงการรัฐประหารตั้งแต่ปี 2590 จนถึงปัจจุบัน กฎหมายมาตรา 112 ยังคงดำรงอยู่ ไม่มีใครรักประชาธิปไตยในจิตวิญญาณอย่างลุงนวมทอง วันนี้สังคมไทยยังแตกแยก ยังมีการต่อสู้ระหว่างฝ่ายต่อต้านรัฐประหารกับฝ่ายอำนาจเผด็จการอย่าง ถึงพริกถึงขิง แม้ไม่มีคนตายเหมือนในอดีต แต่นักเรียน นักศึกษา เยาวชนรุ่น ยังถูกอำนาจรัฐเผด็จการ และกลุ่มผู้ปกครองใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจับกุมคุมขังอย่างไร้ความปรานี ไม่มีความยุติธรรม การต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ และไม่ยุติธรรม ถือเป็นเรื่องของประชาชนทุกคน ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองใด เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคน
จี้ปกป้องเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยง
ช่วงบ่ายที่ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเยาวชน นักศึกษา ประกอบด้วยเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชนและมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว ประมาณ 50 คน แต่งกายด้วยชุดแฟนตาซีผี แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเยาวชน ในคอนเซปต์ “รัฐอย่าลวง เด็กจะหลอน” ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ขอให้กำหนดนโยบายปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยง เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การพนันออนไลน์ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด พร้อมข้อเสนอ 5 ข้อ อาทิ คัดค้านนโยบายที่เสี่ยงต่อการมอมเมาเด็กและเยาวชน ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย และสุราเสรี รัฐบาลต้องเอาจริงกับการเรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทา บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เรียกร้อง ให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนระดับจังหวัด และระดับชาติตื่นตัวเร่งทำงานเชิงรุกตามขอบเขตอำนาจหน้าที่
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่