หลังฉากธุรกิจเทา-ราชการไทย คดีฉาวสะท้อนอำนาจมืด ‘บิ๊ก ขรก.-นักเลือกตั้ง’

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณี “ดิ ไอคอน กรุ๊ปธุรกิจขายตรงหมื่นล้านบาทชื่อดัง ที่นำโดย “บอสพอลวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กำลังถูกขุดคุ้ยจากทุกองคาพยพในสังคม เนื่องจากมีกลุ่มผู้เสียหายเกือบพันคน ทยอยเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยมีมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นรวมหลายร้อยล้านบาท

ประเด็นที่น่าสนใจ นอกเหนือจากการถอดบทเรียน “ธุรกิจขายตรง” แล้ว ยังมีเงื่อนปม “นักเลือกตั้ง” ถูกโยงใยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย 

จากการปรากฏ “คลิปเสียง” ที่ “บอสพอล” ยอมรับผ่านรายการชื่อดังว่าเป็นเสียงของตัวเอง คุยกับ “ชายคนหนึ่ง” แต่มิได้ยืนยันว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร โดยชายคนนี้ได้เรียกรับเงินจาก “บอสพอล” เดือนละ 1 แสนบาท เพื่อแลกกับการ “เคลียร์ข้อร้องเรียน” ต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงปี 2561

ที่สำคัญการเชื่อมโยงถึง “นักเลือกตั้ง” ดังกล่าว ยังถูกขยายผลเปิดโปงไปยัง “เทวดา” ที่ถูกอ้างว่าเป็น “บิ๊กข้าราชการ” ในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง คอยวิ่งเต้นเคลียร์สารพัดเรื่องร้องเรียนกระจายไปยัง 4 หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบ “ธุรกิจขายตรง” อีกด้วย 

กรณีดังกล่าวกำลังถูกตรวจสอบจากตำรวจ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้ รู้สึกพอใจ คดีมีความคืบหน้าไปมาก ส่วนการออกหมายจับต้องรอบคอบ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาแสดงตัว และมีที่ปรึกษาด้านกฎหมายมาด้วย แต่ตำรวจไม่ได้วิตกกังวลแต่อย่างใด เร่งรวบรวมพยานหลักฐานออกมาจับ และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทันภายในเดือน ต.ค.นี้

ในหน้าฉาก-หลังม่านการเมืองไทยที่ผ่านมา มี “นักเลือกตั้ง” เข้าไปเกี่ยวโยงพัวพันกับ “ธุรกิจสีเทา” จำนวนไม่น้อย 

4 คดีดัง ตั้งแต่ “ทุนจีนสีเทา” ที่มีชาวจีนชื่อ “ตู้ห่าว” ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ กับพวก เข้าไปพัวพัน เป็นคดีใหญ่ของไทยในช่วงปี 2565 เป็นต้นมา 

เนื่องจากมีการพัวพันธุรกิจสีเทา การฟอกเงิน ผ่านเครือข่ายยาเสพติด ของผิดกฎหมาย และอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก รวมวงเงินหมุนเวียนหลายพันล้านบาท มีการกล่าวหาว่า“บิ๊กข้าราชการ”หลายหน่วยงาน รวมถึง“นักเลือกตั้ง”เข้าไปพัวพันเกี่ยวข้องเครือข่ายแห่งนี้ด้วย

ประเด็นนี้ถูกพรรคก้าวไกล (ขณะนั้น) นำโดย “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ นำไปอภิปรายในสภาฯ ซึ่งได้รับหลักฐานมาจาก “ชูวิทย์ กมลวิศิษย์” อดีตนักการเมือง กล่าวอ้างว่ามี สว.เข้าไปพัวพันในเครือข่ายดังกล่าว โดยเรียกว่า “สว.ทรงเอ” ด้วย แถมเครือข่ายทุนจีนสีเทารายนี้ ยังเชื่อมโยงกับการให้เช่าที่ดินแก่พรรคการเมืองชื่อดังอีกด้วย

โดย “ตู้ห่าว” เป็นเพียงตัวละครฉากหน้าเท่านั้น แต่ยังมีตัวละครหลังม่านอีก 4-5 คนซึ่งยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา สำหรับผลการตรวจสอบคดีนี้ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีการอายัดทรัพย์สินไปแล้วไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท ขณะที่ สว.ทรงเอ คนดังกล่าวถูกอายัดทรัพย์สินไปแล้วหลายล้านบาทเช่นกัน ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล

นอกจากนี้ สว.ทรงเอ รายดังกล่าว ยังถูก “รังสิมันต์” กล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับ “ทุน มิน ลัต” พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของเมียนมากับพวก ที่มีความใกล้ชิดกับ “มิน อ่อง หล่าย” ผู้นำรัฐบาลทหารของเมียนมาในปัจจุบันด้วย โดยคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลเช่นกัน ผู้ถูกกล่าวหาทุกรายจึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และมีสิทธิ์ต่อสู้คดีในชั้นศาลจนกว่าจะมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด

อีกกรณีที่โด่งดังไม่แพ้กันคือ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ซึ่งเกี่ยวโยงกับเครือข่าย “ทุนจีนสีเทา” ข้างต้น โดยคำว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” หมายถึง บริษัททัวร์จากจีนเสนอขายแพ็กเกจนำเที่ยวให้ชาวจีนเดินทางมาไทย ในราคาต่ำกว่าทุน และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการนำเที่ยวให้บริษัททัวร์ของไทย แถมมาถึงไทยแล้ว ได้บังคับนักท่องเที่ยวจีน ไปซื้อของจากร้านค้า หรือพาไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ พักโรงแรม ที่เป็นเครือข่ายของ “ทุนจีนสีเทา” ทั้งระบบ ทำให้ไทยไม่ได้รายได้จากการท่องเที่ยวดังกล่าวแม้แต่บาทเดียว จึงเป็นที่มาของคำว่า “ศูนย์เหรียญ”

เคสนี้ก็ถูกร้องเรียนว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” จะทำไม่ได้เลย หากไม่มี “นักเลือกตั้ง-บิ๊กข้าราชการ” คอยหนุนหลัง อย่างไรก็ดีบทสรุปสุดท้ายของเรื่องนี้ ไม่มี “นักการเมือง” ถูกกล่าวหาแม้แต่คนเดียว ขณะที่เอกชนที่เปิดบริษัททัวร์ทั้งหมด ถูกศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องไปแล้ว โดยบริษัททัวร์ที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เป็นคู่แข่ง “ทุนจีนสีเทา” ซึ่งการเข้ามาดำเนินคดีนี้ เพื่อกำจัดคู่แข่ง และเปิดทางให้ “ทุนจีนสีเทา” รุกคืบได้ผลประโยชน์ในธุรกิจนี้ทั้งหมด

อีกกรณีที่น่าสนใจคือ “เครือข่ายนักการเมือง” เปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นพนันฟุตบอล หรือพนันอื่น ๆ เต็มรูปแบบ โดยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นสโมสรฟุตบอลชื่อดังทางภาคเหนือ ที่ประธานสโมสร ถูกบุกจับกุม และถูกอายัดทรัพย์ไปกว่า 700 ล้านบาท 

หรือกรณีลูกอดีต สว.รายหนึ่ง เปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทำมาหลายปี จนร่ำรวยใช้ชีวิตหรูหรา เงินสะพัดหลายร้อยล้านบาท โดยคอยจ่าย “ค่าอำนวยความสะดวก” แก่บิ๊กตำรวจ และนักการเมืองระดับ “เสนาบดี” คนหนึ่ง ได้ส่วนแบ่ง 10-20% จากรายได้ อย่างไรก็ดี คดีดังกล่าว ก็ยังไม่สามารถเอาผิด หรือมีชื่อ “นักเลือกตั้ง” เป็นผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

กรณีสุดท้ายเพิ่งเกิดล่าสุดสด ๆ ร้อน ๆ คือ กรณี Forex-3D เมื่อปี 2561 ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่มีเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้านบาท มี “อภิรักษ์ โกฎธิ” เป็นผู้นำ ก่อนจะเชิญชวนดารานักแสดงเข้ามาร่วมงานจำนวนมาก ดารานักแสดงบางรายถูกศาลออกหมายจับ บางรายยังถูกคุมขังระหว่างดำเนินคดี บางรายได้รับการประกันตัวออกมาข้างนอกแล้ว 

คดีนี้ว่ากันว่ามี “นักการเมือง” เข้าไปเกี่ยวข้องในเครือข่าย คอยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจด้วย แต่ไม่ปรากฏชื่อเป็นจำเลย หรือผู้ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด ทั้งนี้มีการสรุปมูลค่าความเสียหายกรณีนี้ไว้ไม่ต่ำกว่า 2,489 ล้านบาท

ทั้งหมดคือเครือข่าย “ธุรกิจสีเทา” ที่มีข้อมูลจากหลายแหล่ง ระบุตรงกันว่ามี “นักเลือกตั้ง” คอยคอนโทรลอยู่หลังม่าน บางแห่งได้รับเงินเพื่ออำนวยความสะดวกให้ จนกระทั่งการมาถึงของ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” 

ทั้งหมดจึงเป็น“บทเรียน”ราคาแพง ที่สังคมไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องถอดออกมา เพื่อสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน และวางระเบียบกฎเกณฑ์ป้องกันอย่างเข้มงวด เพื่อสกัดปัญหาที่จะสร้างความเสียหายต่อสังคมและเศรษฐกิจ

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

บิ๊กอสังหาฯชิงขุมทรัพย์ซูเปอร์ริชปั้นโปรเจกต์อัลตร้าลักชัวรี

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น ยังคงผันผวน! ไม่สะเทือนกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth...

ลดดอกเบี้ยกระตุ้น‘อสังหาฯ’ ประคองตลาด-ปลุกกำลังซื้อ

การคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2567 มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบ...

VI ไม่ถือเงินสด

ข่าวเกี่ยวกับการลงทุนของวอเร็น บัฟเฟตต์ในช่วงอย่างน้อย 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น ดูเหมือนว่าไม่ใช่เป็นการซ...

กนง.‘ลดดอกเบี้ย’ 0.25% ฟื้นเศรษฐกิจ ลดภาระหนี้ประชาชน

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2567 ครั้งที่ 5 ของปี คณะกรรมการกนง. มีมติ 5 ต่อ ...