16 ต.ค. World Food Day ประชากร 733 ล้านคนทั่วโลกหิวโหย ราคาอาหารสูงขึ้นไม่หยุด

วันอาหารโลก (World Food Day) คือวันที่ 16 ตุลาคมของทุกปี ถูกก่อตั้งโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization : FAO) ในปี 1979 เพื่อสร้างความตระหนักรู้และดำเนินการเพื่อยุติความหิวโหยและภาวะทุพโภชนาการทั่วโลก

แต่ละปีวันอาหารโลกจะเน้นไปที่หัวข้อต่างๆ เพื่อเน้นความสำคัญของความมั่นคงทางอาหาร โภชนาการ และการเกษตรที่ยั่งยืน โดยหัวข้อสำหรับปี 2024 คือ "Right to Foods for a Better Life and a Better Future" สิทธิในการเข้าถึงอาหารเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นและอนาคตที่ดีขึ้น เน้นความจำเป็นในการทำให้อาหารสามารถเข้าถึงได้ ราคาไม่แพง และหลากหลายสำหรับทุกคน

FAO ระบุว่า แม้ว่าเกษตรกรทั่วโลกจะผลิตอาหารเพียงพอสำหรับทุกคน แต่ความหิวโหยยังคงมีอยู่เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น ความยากจน ความไม่เท่าเทียมกัน ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ สถิติที่น่าตกใจ ประชากรราว 733 ล้านคน ยังคงเผชิญกับความหิวโหย และมากกว่า 2.8 พันล้านคน ไม่มีกำลังซื้ออาหารที่มีคุณภาพ เพราะราคาของอาหารที่มีคุณภาพยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉลี่ยแล้วในปี 2022 ราคาอาหารที่มีคุณภาพอยู่ที่ 3.96 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 132.34 บาท) ต่อวันต่อคน

ปี 2024 วิกฤติอาหารที่เพิ่มมากขึ้น

ปี 2024 มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากในความไม่มั่นคงทางอาหารทั่วโลก มีผู้คนหลายล้านคนที่เผชิญกับความหิวโหยและภาวะทุพโภชนาการ จากรายงาน Global Report on Food Crises (GRFC) 2024 มีสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้

  • ประชากร 282 ล้านคน ใน 59 ประเทศ/เขตการปกครองที่เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารขั้นรุนแรง ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารและวิถีชีวิตอย่างเร่งด่วน คิดเป็น 21.5% ของประชากรในประเทศ/เขตการปกครองเหล่านี้
  • นับตั้งแต่ปี 2022 จำนวนผู้ที่เผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารขั้นรุนแรงเพิ่มขึ้น และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพิ่มขึ้น 24 ล้านคน
  • วิกฤตอาหารส่งผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบางอย่างมาก โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ ภาวะทุพโภชนาการและความหิวโหยทำให้อัตราการเตี้ย, ผอมแห้ง และภาวะทุพโภชนาการเพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

เปิดดัชนีความหิวโหย GHI 2024

Global Hunger Index หรือ GHI เป็นเครื่องมือที่หน่วยงานด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศใช้ในการวัดและติดตามระดับความหิวโหยโดยใช้คะแนน GHI ซึ่งอิงตามตัวชี้วัดภาวะโภชนาการไม่เพียงพอและการเสียชีวิตของเด็กใน 127 ประเทศ ทั้งนี้ ปี 2024

โดย GHI ระบุว่า  ความคืบหน้าในการลดความหิวโหยมีน้อยมากนับตั้งแต่ปี 2016 และโอกาสในการบรรลุเป้าหมายขจัดความหิวโหยให้ได้ภายในปี 2030 นั้นดูริบหรี่ เนื่องจากยังมี 42 ประเทศที่ยังคงประสบปัญหาความหิวโหยในระดับ "ร้ายแรง" (Alarming)

10 ประเทศระดับความหิวโหยสูงสุด 2024

ประเทศเหล่านี้เผชิญกับความท้าทายอย่างรุนแรงในการรักษาความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการที่เพียงพอให้กับประชากรของตนเอง

  • อันดับ 1 เยเมน คะแนน 50.0 (ระดับความหิวโหย Extremely Alarming)
  • อันดับ 2 โซมาเลีย คะแนน 49.1 (ระดับความหิวโหย Alarming)
  • อันดับ 3 ซูดานใต้ คะแนน 48.6 (ระดับความหิวโหย Alarming)
  • อันดับ 4 ซีเรีย คะแนน 47.8 (ระดับความหิวโหย Alarming)
  • อันดับ 5 สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก คะแนน 47.3 (ระดับความหิวโหย Alarming)
  • อันดับ 6 ไนเจอร์ คะแนน 46.8 (ระดับความหิวโหย Alarming)
  • อันดับ 7 โมซัมบิก คะแนน 46.5 (ระดับความหิวโหย Alarming)
  • อันดับ 8 อัฟกานิสถาน คะแนน 46.2 (ระดับความหิวโหย Alarming)
  • อันดับ 9 มาดากัสการ์ คะแนน 45.9 (ระดับความหิวโหย Alarming)
  • อันดับ 10 เอธิโอเปีย คะแนน 45.5 (ระดับความหิวโหย Alarming)

10 ประเทศระดับความหิวโหยต่ำ (Low) 2024

ประเทศเหล่านี้ประสบความสำเร็จในการลดระดับความหิวโหย แสดงให้เห็นถึงระบบความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการที่แข็งแกร่ง

  • อันดับ 1 เบลารุส คะแนน <5
  • อันดับ 2 บอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา คะแนน <5
  • อันดับ 3 ชิลี คะแนน <5
  • อันดับ 4 จีน คะแนน <5
  • อันดับ 5 คอสตาริกา คะแนน <5
  • อันดับ 6 โครเอเชีย คะแนน <5
  • อันดับ 7 เอสโตเนีย คะแนน <5
  • อันดับ 8 จอร์เจีย คะแนน <5
  • อันดับ 9 ฮังการี คะแนน <5
  • อันดับ 10 คูเวต คะแนน <5

สถิติความหิวโหยของไทยในปี 2024

ดัชนีความหิวโหยระดับโลก (GHI) ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 52 จาก 127 ประเทศ โดยมีคะแนน 10.1 ซึ่งบ่งบอกถึงระดับความหิวโหยระดับ "ปานกลาง"

  • การขาดสารอาหาร : ประมาณ 5.6% ของประชากร มีภาวะขาดสารอาหาร
  • ภาวะเตี้ยในเด็ก : ประมาณ 12.4% ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีภาวะเตี้ย
  • ภสวะผอมแห้งของเด็ก : ประมาณ 7.2% ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีภาวะผอมแห้ง
  • อัตราการตายของเด็ก : มีเพียง 0.8% ของเด็ก ที่เสียชีวิตก่อนอายุครบห้าปี

สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญในการรักษาความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการที่เพียงพอสำหรับประชาชนทุกคน

แนวโน้มราคาอาหารโลก ปี 2024-2025

World Bank ทำรายงานแนวโน้มราคาอาหารโลกสำหรับปี 2024 และ 2025 โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มราคาสินค้าอาหารทั่วโลกและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความมั่นคงทางอาหาร ดังนี้

แนวโน้มปี 2024

  • ราคาอาหารทั่วโลก : คาดว่าราคาอาหารจะเพิ่มขึ้น 2.2% ในปี 2024 ซึ่งเป็นการชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • ราคาอาหารที่ซื้อกลับบ้าน (FAH) : ราคาสำหรับอาหารที่ซื้อเพื่อบริโภคในบ้านคาดว่าจะลดลง 0.6%
  • ราคาอาหารนอกบ้าน (FAFH) : ราคาสำหรับอาหารที่บริโภคนอกบ้านคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.9%

แนวโน้มปี 2025

  • ราคาอาหารทั่วโลก : ในปี 2025 คาดว่าราคาอาหารจะเพิ่มขึ้น 1.6% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ช้ากว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต
  • ราคาอาหารที่ซื้อกลับบ้าน (FAH) : ราคาสำหรับอาหารที่ซื้อกลับบ้านคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8%
  • ราคาอาหารนอกบ้าน (FAFH) : ราคาสำหรับอาหารที่บริโภคนอกบ้านคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ในอัตราที่ช้ากว่าเมื่อเทียบกับปี 2024

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาอาหาร

  • ต้นทุนพลังงานและปุ๋ย : ต้นทุนพลังงานและปุ๋ยที่สูงขึ้นกำลังส่งผลต่อค่าผลิตอาหาร
  • การขาดแคลนจากเหตุการณ์สภาพอากาศ : เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วสามารถทำให้ห่วงโซ่อุปทานอาหารหยุดชะงัก นำไปสู่การเพิ่มราคาสินค้า
  • ความเสี่ยงในตลาดโลก : การหยุดชะงักในช่องทางเดินเรือและนโยบายเชื้อเพลิงชีวภาพสามารถส่งผลกระทบต่อราคาอาหารได้

ปัจจัยที่ส่งผลวิกฤติอาหารปี 2024

สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง : เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น ภัยแล้งและน้ำท่วม ทำให้การผลิตการเกษตรได้รับผลกระทบอย่างมาก ทำให้ผลผลิตลดลงและเกิดการขาดแคลนอาหาร

ความขัดแย้งและการย้ายถิ่นฐาน : ความขัดแย้งและความไม่มั่นคงทางการเมืองในหลายพื้นที่ ทำให้ผู้คนนับล้านต้องย้ายถิ่นฐาน ทำให้พวกเขาเข้าถึงอาหารและสิ่งจำเป็นอื่นๆ ได้ยากขึ้น

แรงกระแทกทางเศรษฐกิจ : ราคาสินค้าอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น, อัตราเงินเฟ้อ และการตกต่ำทางเศรษฐกิจ ทำให้คนโดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง ไม่สามารถซื้ออาหารที่มีโภชนาการได้

การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน : การระบาดของ COVID-19 และความพยายามในการฟื้นตัวได้ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกตึงตัว ส่งผลกระทบต่อความพร้อมใช้งานและการกระจายอาหาร

 

 

อ้างอิง : FAO, GHI, World Bank

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

โสมแดงโวสองวันเยาวชนร่วมกองทัพ 1.4 ล้านคน l World in Brief

โสมแดงโวสองวันเยาวชนร่วมกองทัพ 1.4 ล้านคน สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงาน สัปดาห์นี้นั...

นโยบาย 'ทรัมป์-แฮร์ริส' ต่างกันไหม? มองผ่านเลนส์นักคณิตศาสตร์ (ตอน 1)

การเลือกตั้งครั้งนี้สูสีกันมากเช่นเดียวกับการเลือกตั้งครั้งก่อน จึงคาดเดาได้ยากมากว่าสุดท้ายแล้วใครจ...

ธุรกิจเชนร้านยาก็ไม่รอด 'วอลกรีนส์' ปิดสาขา 1,200 แห่งทั่วสหรัฐ

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ธุรกิจเชนร้านยาชื่อดังในสหรัฐ "วอลกรีนส์ บูทส์ อัลไลแอนซ์" (Walgreens) ประกาศจะป...

หุ้น ASML ดิ่งเหว 16% หนักสุดในรอบ 26 ปี ฉุดหุ้นชิปทั่วโลกร่วง 4.2 แสนล้านดอลล์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เกิดการเทขายหุ้นกลุ่มชิปทั่วโลกในวันนี้ (16 ต.ค.) โดยเมื่อรวมมูลค่าตลาด...