การเมืองบีบเลือก 'ประธานแบงก์ชาติ' วัดใจ 'บอร์ดสรรหาฯ' นัดเคาะชื่อ พ.ย.นี้

เป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองทันที หลังกระแสข่าวว่าหนึ่งในรายชื่อเข้าชิงตำแหน่ง “ประธานคณะกรรมการแบงก์ชาติ” คนใหม่ แทนที่ นายปรเมธี วิมลศิริ หมดวาระช่วงกลางเดือน ก.ย.2567 และพบว่าการเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) และรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นตัวเต็งได้รับเสนอชื่อเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่

คณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการแบงก์ชาตินัดประชุมเพื่อพิจารณาบุคคลที่จะเข้ามานั่งประธานบอร์ดคนใหม่ นัดประชุมวันที่ 8 ต.ค.2567 นำโดยนายสถิต ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกฯ , นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ , นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 

นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ , นายอัชพร จารุจินดา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา , นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และนายสุทธิพล ทวีชัยการ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกำกับธุรกิจประกันภัย (คปภ.) 

แต่หลังเสร็จการประชุมพบว่ายังไม่ได้ข้อสรุป คาดว่าจะมีการนัดประชุมใหม่ในเดือน พ.ย.2567 

สำหรับการเสนอชื่อครั้งนี้มีรายชื่อรวม 9 คน เป็นการเสนอจากกระทรวงการคลัง 6 รายชื่อ และ ธปท. 3 รายชื่อ โดยนอกจากรายชื่อนายกิตติรัตน์แล้ว มีการเสนอชื่อเข้าสรรหากรรมการ ธปท.เช่น นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน , นายสุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

นางวิเรขา สันตะพันธุ์ เลขานุการคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ฝ่ายเลขานุการฯ จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนสำหรับการพิจารณาของที่ประชุม

โดยฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอขยายระยะเวลาเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกมีความรอบคอบที่สุด และจะรวบรวมกลับมานำเสนอคณะกรรมการคัดเลือกฯ โดยเร็ว

เลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่แรงกดันสูง 

ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่ามกลางการเลือกประธานบอร์ด ธปท.ครั้งนี้ได้รับแรงกดดันมหาศาลจากทั้งบุคคลภายนอกและภายใน ธปท.หรืออดีตผู้ว่าการ ธปท.ที่ออกมาท้วงติงการคัดเลือก เพราะแม้นายกิติรัตน์จะนั่งตำแหน่งนี้ได้ แต่ขัดในเชิงจริยธรรมต่อสาธารณะ

สำหรับนายกิตติรัตน์ ไม่ได้นั่งในตำแหน่งทางการเมือง แต่เป็นบุคคลใกล้ชิดรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยทำให้หลายหลายครั้งออกมาวิจารณ์การทำหน้าที่ ธปท.หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่เข้าข้างรัฐบาล ดังนั้น การมานั่งตำแหน่งประธานบอรด์ ธปท.ครั้งนี้จึงสร้างความหวั่นใจให้สาธารณะชนว่าอาจนำมาสู่ประโยชน์หรือเอื้อรัฐบาล

“ธาริษา” หวังยับยั้งหายนะเศรษฐกิจ

นางธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย โพสต์เตือน เลือกประธานบอร์ดแบงก์ชาติ โดยระบุว่าในขณะนี้มีแต่จิตสำนึกของคณะกรรมการสรรหาประธานธนาคารแห่งประเทศไทยเท่านั้นที่จะยับยั้งหายนะทางเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านมารัฐบาลแสดงความไม่พอใจชัดเจนต่อ ธปท.ทั้งไม่ลดดอกเบี้ย และการคัดค้านนโยบายการแจกเงินหนึ่งหมื่นบาท

ล่าสุดคาดหมายว่ารัฐบาลจะส่งคนของตนไปเป็นประธานคณะกรรมการแบงก์ชาติ ซึ่งเพื่อจะใช้ ธปท.เป็นเครื่องมือสนองนโยบายรัฐบาล ซึ่งหากภาพนี้เกิดขึ้น หายนะของเศรษฐกิจไทยก็จะตามมาอย่างแน่นอน

เหมือนที่เห็นในต่างประเทศที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงธนาคารกลาง การกระทำดังกล่าวทำให้ความเชื่อมั่นของต่างประเทศต่อระบบเศรษฐกิจสั่นคลอน เพราะธนาคารกลางที่ถูกแทรกแซงจะไม่สามารถมีบทบาทในการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว เศรษฐกิจจึงเสี่ยงที่จะเสียหายจากนโยบายที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเพียงอย่างเดียว 

ในกรณีของไทย นโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ซึ่งจะเป็นภาระการคลังมหาศาลได้สร้างความเสี่ยงที่ประเทศจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว

ดังนั้น หากแบงก์ชาติถูกแทรกแซงจนขาดความเป็นอิสระ ความเสี่ยงของการ ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือจากนานาประเทศยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก ผลเสียต่อธุรกิจ และเศรษฐกิจ ย่อมตามมาอย่างแน่นอน

แทรกแซงธนาคารกลางเสียหายใหญ่หลวง

วงการเศรษฐกิจไทยชี้ให้เห็นถึงผลเสียหายอันใหญ่หลวงของการแทรกแซงธนาคารแห่งประเทศไทย แต่รัฐบาลก็ไม่ต้องการรับฟังคำเตือนเหล่านี้ ในขณะนี้จึงมีเพียงแต่จิตสำนึกของคณะกรรมการสรรหาประธานธนาคารแห่งประเทศไทยเท่านั้น ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการยับยั้งไม่ให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจนี้

อันที่จริง กฎหมายของ ธปท.ได้คำนึงถึงความเสี่ยงของการที่กรรมการสรรหาจะถูกแทรกแซงจากทางการเมืองหากกรรมการยังอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ กฎหมายจึงได้กำหนดให้กรรมการสรรหาเป็นอดีตข้าราชการระดับสูงของหน่วยงานสำคัญทางเศรษฐกิจที่เกษียณอายุ

เพื่อจะได้ปลอดภัยจากการถูกแทรกแซง ที่ผ่านมาคณะกรรมการสรรหาตำแหน่งสำคัญของ ธปท.ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยอิสระไม่ยอมรับการแทรกแซง ผู้ที่ได้รับการสรรหาจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมเข้าใจบทบาทธนาคารกลาง และปฏิบัติหน้าที่อย่างเหมาะสมเป็นที่ยอมรับของสังคม

ดังนั้น จึงได้แต่คาดหวังว่าคณะกรรมการสรรหาในครั้งนี้ จะสามารถทำหน้าที่ ที่สำคัญนี้ด้วยหลักการเดียวกัน คงไม่มีท่านใดอยากจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบในการทำให้เศรษฐกิจไทยพลิกผันไปสู่ก้าวแรกของความหายนะ

ภารกิจแรกๆ ของการประธานบอร์ดแบงก์ชาติ 

สำหรับสิ่งที่น่าจับตาสำคัญ หรือเป็นภารกิจแรกของประธานบอร์ด ธปท.ของ “กิติรัตน์” ที่ทุกคนเฝ้ากังวลคือ “ลบล้าง” ความอิสระของ ธปท. โดยการแก้กฎหมาย ธปท.เพื่อเอื้อให้การทำหน้าที่ของ ธปท.เห็นฟ้องต้องกับแนวคิดของรัฐบาลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การดูแลค่าเงินบาท จากที่ผ่านมาถือเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการดำเนินนโยบายของภาครัฐ

เป้าหมายถัดมา คือ หลังจากการแก้กฎหมายแบงก์ชาติ เพื่อต้องการโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ให้ไปอยู่บัญชีบริหารหนี้ของ ธปท.แทนที่จะอยู่ภายใต้กระทรวงการคลัง ดังนั้นเป้าหมายการโอนหนี้ FIDF เพื่อเอื้อให้รัฐบาลก่อหนี้เพื่อทำนโยบายเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า ซึ่งจะทำให้รัฐบาลลดหนี้สาธารณะลงได้ราว 5% ต่อจีดีพี

และยังมีภารกิจสำคัญที่เป็นเป้าหมายรัฐบาล คือ การล้วงทุนสำรองระหว่างประเทศเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ โดยการนำทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่มาก และเรียกว่าเกือบจะสูงที่สุดในปัจจุบันหลังค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง จนทำให้ทุนสำรองปัจจุบันอยู่ระดับสูงลิ่ว

ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ ต้องเก่งด้านการเงิน-การคลัง

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตอบคำถามประเด็นการคัดเลือกที่มีการแทรกแซงของรัฐบาล ว่า ขอไม่พูดถึงตัวบุคคลและไม่พูดถึงกระบวนการสรรหา แต่พูดถึงหลักการในการแต่งตั้งประธานบอร์ด ธปท.ต้องพิจารณารอบด้านจากความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ในมิติการเงินและการคลัง

“ผู้ที่เหมาะสมต้องเห็นภาพการดำเนินนโยบายทั้งสองขาที่จะต้องควบคู่กันไป หากมองเพียงมุมของนักการเงิน หรือนักเศรษฐศาสตร์การคลังเพียงด้านเดียวก็จะไม่ครอบคลุมและรอบด้าน ควรจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถรอบด้าน” 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ กระทรวงการคลัง และ ธปท. ก็จะต้องมีการพูดคุยและปรับจูนกันเพื่อมองการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ตรงกัน

“พิชัย” รอคิวผู้ว่าฯ ธปท. ถกนโยบายการเงิน

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้จาก นายพิชัย​ ชุณหวชิร​ รองนายก​รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ ว่า เรื่องนี้รัฐบาลจะส่งฝ่ายการเมืองเข้าไปเป็นคณะกรรมการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือไม่ นายพิชัย ไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับมายังผู้สื่อข่าวว่า

“เหรอ แบงก์ชาติ เหรอ เอาคนการเมืองมาเหรอ?”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง กรณีการนัดหารือกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ​ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)​ ในเรื่องนโยบายการเงิน​ นายพิชัย กล่าวว่า เร็ว ๆ นี้ จะมีการนัดหารือร่วมกันอีกครั้ง​ โดยต้องรอตารางงานที่ว่างตรงกันก่อน​

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะหารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบของคณะกรรมการ หรือเรียกหน่วยงานเข้ามาหารือ​ อย่างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)​ หรือ สำนักงบประมาณ นั้น นายพิชัย​ กล่าวว่า​ คงเป็นในรูปแบบ​คณะกรรมการ​ เพื่อหาแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะใช้ในช่วงปลายปี 2567 นี้

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

สหรัฐพร้อมรับมือต่างชาติป่วนเลือกตั้ง

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน หน่วยข่าวกรองของสหรัฐบรรยายสรุปแก่ผู้สื่อข่าวถึงกิจกรรมของรัสเซีย จีน อิหร่...

ศิริราชเมดิคัล ดิสทริคบูมอสังหาฯฝั่งธนฯปักหมุดชิงเรียลดีมานด์-ปล่อยเช่า

อาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า พื้นที่ย่านศิ...

เรื่อง “เมื่อผู้บริหาร บจ. ซื้อขายหุ้น (ที่มีนัยสำคัญ) ผู้ลงทุนต้องรู้”

กรรมการ ผู้บริหาร และผู้สอบบัญชี อยู่ในตำแหน่งหรือฐานะที่อาจล่วงรู้ข้อมูลภายใน (inside information) ...

ตลาดกระทิงเซินเจิ้น จริงแค่ไหน

หุ้นจีนพุ่งแรงหลังทางการจีนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่จะไปต่อได้อีกไหมจากตรงนี้? เป็นคำถามหลักในใจนักลง...