จีดีพี 'เวียดนาม' ทะยาน 7.4% สูงสุดในรอบ 2 ปี

เวียดนามรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ปีนี้ เติบโต 7.4% สูงที่สุดในรอบ 2 ปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 6.1% เนื่องจากได้อานิสงส์การขยายตัวของการส่งออกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 15.8%

การขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 3 ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่เติบโตได้ 6.93% ยังนับเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดของเวียดนามนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565 ซึ่งครั้งนั้นตัวเลขพุ่งทะยานไปถึง 13.7% เนื่องจากการฟื้นตัวหลังการระบาดของโรคโควิด-19 

บลูมเบิร์กระบุว่าเศรษฐกิจเวียดนามได้รับการลงทุนเพิ่มขึ้นมาก หลังจากที่นายกรัฐมนตรีฝ่าม มิง จิ๋งห์ ประกาศจะพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ให้ต่ำลง และสามารถดึงดูดการลงทุนใหญ่ๆ จากต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น อาทิ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และอินเทล คอร์ป โดยเวียดนามถูกมองว่าเป็นตัวเลือกการลงทุนนอกจาก "จีน" ในด้านการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่สมาร์ตโฟนไปจนถึงเซมิคอนดักเตอร์พื้นฐาน

สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามระบุว่า การลงทุนและภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะภาคการผลิต ถือเป็น "หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโต" ในไตรมาสสามปีนี้ ขณะที่
การเพิ่มขึ้นอย่างมากของภาคเกษตรและภาคส่วนอื่นๆ ในเดือนก.ค. และ ส.ค. ช่วยจำกัดผลกระทบจากความเสียหายร้ายแรงต่อผลผลิตทางการเกษตรเพราะพายุไต้ฝุ่นยางิเมื่อเดือนที่แล้วได้ 

ทั้งนี้ รัฐบาลประเมินว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากไต้ฝุ่นยางิอาจสูงถึงกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ (กว่า 1 แสนล้านบาท) และอาจกระทบจีดีพีไตรมาสสี่ถึง 0.15% ขณะที่ S&P Global รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเวียดนามเดือนก.ย. "หดตัว" เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ทำให้เป็นความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายจีดีพีปีนี้ที่ 6.8%-7%

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ