สรุปแถลง ไทม์ไลน์แจกเงิน 10,000 กลุ่มเปราะบาง ครม. อนุมัติงบแล้ว 1.45 แสนล้าน

ฃประชุม ครม. 17 ก.ย. 67 อนุมัติงบ 1.45 แสนล้าน แจกกลุ่มเปราะบาง ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ คนละ 10,000 บาท รวม 14.5 ล้านคน เริ่มโอนตั้งแต่ 25 ก.ย.นี้ แนะรีบผูกบัญชีพร้อมเพย์ ยัน คนที่ลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต แอปฯ ทางรัฐ 36 ล้านคน ยังได้ไปต่อ

วันที่ 17 กันยายน 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 (โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเดิม) ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ จำนวน 14.55 ล้านคน คนละ 10,000 บาท โดยอนุมัติงบประมาณ 145,552 ล้านบาท

นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องรีบเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนนี้ และเร่งโอนเงินให้เสร็จในเดือนกันยายนทันที แต่ด้วยระบบการโอนเงินที่มีขีดความสามารถในการจ่ายเงินลงไปให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิมีจำกัด เพียงวันละประมาณ 4 ล้านคน กระทรวงการคลังจึงต้องแบ่งการจ่ายเงินเป็นงวดๆ ดังนี้

...

  • วันที่ 25 กันยายน 2567 โอนเงินให้คนพิการ และผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนหลักสุดท้าย เลข 0 จำนวน 3.28 ล้านคน
  • วันที่ 26 กันยายน 2567 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนหลักสุดท้าย เลข 1-3 จำนวน 4.51 ล้านคน
  • วันที่ 27 กันยายน 2567 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนหลักสุดท้าย เลข 4-7 จำนวน 4.51 ล้านคน
  • วันที่ 30 กันยายน 2567 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนหลักสุดท้าย เลข 8-9 จำนวน 2.26 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลขอให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิในกลุ่มแรกรีบผูกบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนกับธนาคารต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การจ่ายเข้าบัญชีทำได้ทันทีตามวันที่ระบุ หากใครที่ตกหล่น หรือบัญชีพร้อมเพย์มีปัญหา จะโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง แล้วจะยุติการจ่ายเงิน ซึ่งเป็นงบผูกพันที่กันไว้ให้

  • ครั้งที่ 1 ภายในวันที่ 22 ตุลาคม 2567
  • ครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567
  • ครั้งที่ 3 ภายในวันที่ 22 ธันวาคม 2567

ส่วนแหล่งเงินที่จะใช้ในโครงการ วงเงินไม่เกิน 145,552 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปีงบประมาณ 2567 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ 122,000 ล้านบาท และงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 23,552 ล้านบาท

นายพิชัย ยังกล่าวถึงการดำเนินการในเฟส 2 สำหรับกลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ไว้แล้วประมาณ 36 ล้านคน ว่า ก็คงต้องมี เพราะมีคนลงทะเบียนเข้ามาแล้ว ซึ่งในระยะถัดไปรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมา 1 ชุด โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณที่มีอยู่ รวมทั้งรายละเอียดอื่นๆ ที่จะต้องเดินหน้าต่อไปด้วย ซึ่งจากนี้ไปจะมีคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมานั่งดูอย่างรอบคอบ จะดูในหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งจะจ่ายเงินอย่างไร จ่ายเมื่อไหร่ จ่ายด้วยวิธีไหน ก็คงต้องมานั่งดูกันอีกที โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจตลอดปีนี้ที่อยากให้ได้ 3% แม้ไม่ถึงก็ใกล้เคียง

ทางด้าน นายจุลพันธ์ กล่าวเสริมว่า การจ่ายเงินลงไปให้กับกลุ่มคนพิการ ไม่ได้มีกรอบกำหนดเอาไว้ทั้งอายุ รายได้ หรือเงินฝาก ถ้าใครที่เป็นผู้พิการที่ลงทะเบียนมีบัตรผู้พิการเอาไว้กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แล้ว 2.15 ล้านราย และได้รับเงินช่วยเหลือประจำทุกเดือนอยู่แล้ว คนกลุ่มนี้จะได้รับโอนเงิน 10,000 บาท เข้าบัญชีครบทุกคน และขอยืนยันว่าการเติมเงินผ่านเงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) จะยังเดินหน้าต่อไป เพราะมีคนลงทะเบียนไว้แล้ว โดยผู้ผ่านเกณฑ์จะได้รับเงิน 10,000 บาทเช่นกัน เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังช่วยเพิ่มมิติในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ที่ยังเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล เพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางด้านการแข่งขันในระยะยาวด้วย

ขณะที่ นายเผ่าภูมิ ระบุ รัฐบาลเห็นว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ มีความจำเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรักษาโมเมนตัมของเศรษฐกิจ ซึ่งเงินก้อนนี้จำนวน 145,552 ล้านบาท จะเป็นตัวกระตุ้นในช่วงนี้ต่อเนื่องถึงปลายปี 2567 และจะเป็นแรงส่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ต่อไปด้วย ส่วนการเลื่อนลงทะเบียนกลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนออกไป เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในกระบวนการทำงานกับกลุ่มแรกที่เป็นกลุ่มเปราะบาง แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนต่อไปหลังจากได้โอนเงินกับกลุ่มแรกเสร็จแล้ว

จากนั้น นายลวรณ เผยว่า การผูกพร้อมเพย์นั้น ผู้มีสิทธิที่ได้รับเงิน 10,000 บาท ไม่จำเป็นต้องไปเปิดบัญชีใหม่ สามารถผูกพร้อมเพย์กับบัญชีธนาคารของตัวเองทุกธนาคารที่มีอยู่เดิมได้ ภายในวันที่ 25 กันยายนนี้ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะโอนเงินไปให้ไม่ได้ และท่านต้องรออีก 1 เดือน ส่วนคนพิการไม่ต้องผูกพร้อมเพย์ ท่านได้รับเงินโอนเข้าบัญชีทุกเดือนอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไร จะมีเงิน 10,000 บาท เข้ามาในบัญชีท่านเอง ส่วนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.4 ล้านคน ปัจจุบันมีบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกเลขบัตรประชาชนแล้ว 11 ล้านคนเศษ จึงเหลืออีก 1 ล้านคนเศษที่ยังไม่ผูกพร้อมเพย์ โดยวิธีการนั้นสามารถไปที่ธนาคารเจ้าของบัญชีหรือทำที่ตู้เอทีเอ็ม (ATM) ก็ได้

พร้อมกันนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า กระทรวงการคลัง ประเมินว่าการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ จะมีเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 145,552.40 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.35% ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีไม่มีโครงการ.

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ศุภาลัย บิสซิเนส สคูลชูแนวคิด "Low Risk High Return"ลดความเสี่ยง

หลายคนคงคุ้นกับแนวคิด “High Risk High Return” ยิ่งการลงทุนมีความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็จะสูงตาม ซึ่งถูก...

การเลือกตั้งสหรัฐฯ ชี้ชะตาตลาดหุ้น ?

เราได้เดินทางมาสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 กันแล้ว อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน เหตุการณ์ที่สำคัญของโลกก็จะเวี...

จุดเปลี่ยนของตลาดการลงทุนโลก และเป้าหมายถัดไปสำหรับการลงทุนก่อนเข้าสู่ปี 2025

ในปัจจุบันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงสดใส โดยนักลงทุนยังอยู่ในโหมดเปิดรับความเสี่ยง (Risk...

เดิมพันขุมทรัพย์พลังงาน ‘ไทย-กัมพูชา’ เปิดชื่อผู้รับสัมปทานเดิม 'เชฟรอน' 5 แปลง

“พลังงาน” เผยเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล “ไทย-กัมพูชา” ไม่คืบ จี้ “ครม.” ตั้งคณะทำงานเจรจาดึงทรัพยากร...