เจน4 ‘โอสถสภา’ ควงมืออาชีพ เคลื่อนองค์กร 132 ปี โตยั่งยืน
วันที่ส่ง: 16/08/2023 - ผู้เขียน: กรุงเทพธุรกิจ
การจากไปของ “เพชร” ในวัย 69 ปี ย่อมมีผลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัว ไม่กลุ่มใดก็กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวยังคงมีบทบาทและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจการศึกษา กับการเป็นผู้รับไม้ต่อและเคยดำรงตำแหน่ง “อธิการบดี” มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความคิดสร้างสรรค์ สอดคล้องกับคาแร็กเตอร์ และจุดแข็งของ “เพชร”
ขณะที่ “โอสถสภา” องค์กร 132 ปี ทิศทางจะเป็นอย่างไร ยังต้องจับตาการขับเคลื่อน ซึ่งปัจจุบันมีนักบริหาร แม่ทัพธุรกิจทำหน้าที่กุมบังเหียนกิจการองค์กรสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ และเบอร์ 1 ค่ายเครื่องดื่มชูกำลังของเมืองไทย ทว่า อีกด้าน “ทายาทรุ่น 4” ยังมีบทบาทดูแลธุรกิจไม่น้อย
- “เพชร โอสถานุเคราะห์” นักธุรกิจสายพันธุ์ครีเอทีฟ
“เพชร” เป็นบุตรของ “สุรัตน์-ปองทิพย์ โอสถานุเคราะห์” และเป็นพี่ชายของ “รัตน์ โอสถานุเคราะห์” ที่ก่อนหน้านี้ทำหน้าที่เป็น “แม่ทัพ” เคลื่อนโอสถสภา
“เพชร” เคยให้สัมภาษณ์ กรุงเทพธุรกิจ ถึงเส้นทางการเริ่มเข้ามาสานต่อกิจการครอบครัวตั้งแต่ปี 2520 กับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ ช่วงเรียนรู้ ทำงาน ไม่ได้ชอบการบริหารนัก เพราะส่วนตัวมีความหลงใหลกับงานศิลปะ งานครีเอทีฟต่างๆ ทำให้ใช้เวลาเพียง 5 ปีบนเส้นทางธุรกิจครอบครัว แล้วหันเหไปปลุกปั้นบริษัทโฆษณา “สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง” ลุยงานสร้างสรรค์ ต่อยอดจุดแข็ง “ซีอีโอสุดครีเอทีฟ” ให้ลูกค้า รวมถึงมีผลงานโฆษณาให้กับสินค้าหลายตัวของโอสภสภาประสบความสำเร็จในตลาด
เพชร โอสถานุเคราะห์
นอกจากนี้ ยังรับบทเป็น “ผู้นำ” บริหารธุรกิจการศึกษา “มหาวิทยาลัยกรุงเทพ” ให้เติบใหญ่ และโดดเด่นด้านความสร้างสรรค์ ผลิตบัณฑิตออกสู่ตลาด ตอบสนองกับงาน และการพัฒนาประเทศชาติไปข้างหน้า
ทว่า เส้นทางการเป็นนักบริหาร กุมบังเหียนธุรกิจเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ “รัตน์” น้องชายมีปัญหาด้านสุขภาพ “เพชร” จึงมาดูแล “โอสถสภา” และยังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทรานส์ฟอร์มธุรกิจครอบครัวไปเป็น “มหาชน” นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)
- ไม้ต่อกิจการครอบครัวสู่มืออาชีพ
เมื่อธุรกิจครอบครัวเปลี่ยนไปสู่มหาชน จึงเห็นการเปิดทางให้ “ผู้บริหารมืออาชีพ” เข้ามาเป็นแม่ทัพนายกองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “กรรณิกา ชลิตอาภรณ์” นั่งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการบริหาร “วรรณิภา ภักดีบุตร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เกริก วณิกกุล” กรรมการอิสระ (อดีต รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสภาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท.) “พรธิดา บุญสา” กรรมการ ซึ่งคร่ำหวอดในวงการสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น
ทายาทรุ่น 4 ยังครองอาณาจักร “โอสถสภา”
แม้มีมืออาชีพมาเสริมแกร่ง ทว่า ภายใต้อาณาจักร “หมื่นล้านบาท” โอสถสภา ยังมีทายาทรุ่น 4 ช่วยดูแลและบริหารธุรกิจอยู่หลายคน รายนามสำคัญ เช่น “ธนา-ประธาน ไชยประสิทธิ์” ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการบริหารอาวุโส “ธัชรินทร์ โอสถานุเคราะห์” รองประธานคณะกรรมการบริหาร “นิติ โอสถานุเคราะห์” กรรมการบริหาร ที่มีตำแหน่งพ่วงท้ายคือเป็น “เศรษฐีหุ้นไทย”
ตระกูล 'โอสถานุเคราะห์-ไชยประสิทธิ์' เจน4 โอสถสภา และนักบริหารมืออาชีพร่วมขับเคลื่อนองค์กร 132 ปี (Cr.โอสถสภา)
บุคคลในตระกูล ที่ยังมีชื่อในทำเนียบบริษัท เช่น สุรินทร์ โอสถานุเคราะห์ (น้องชายสุรัตน์)เจนเนอเรชั่น 3 นั่งตำแหน่งประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ และเป็นบิดาของ “นิติ โอสถานุเคราะห์” ส่วน “รัตน์” น้องชายของ “เพชร” ยังคงนั่งรองประธานกรรมการบริษัท รวมถึง “นาฑี โอสถานุเคราะห์” บุตรชายของ “รัตน์” โดยเข้ามานั่งเป็นกรรมการบริษัท หากแต่อีกบทบาทที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดีคือการเป็นหนึ่งในศิลปินวง “เก็ตสึโนว่า”(getsunova)
ทั้งนี้ หากนับสายสัมพันธ์ของทั้งหมดเป็นทั้งพ่อ อา หลาน
- หนุนองค์กรร้อยปีผงาดภูมิภาค
ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก่อน “เพชร” ถึงอนิจกรรม ได้ลดบทบาทการขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัวด้วยการเทขายหุ้นทิ้งบิ๊กล็อต และขายหุ้นบางส่วนให้แก่ผู้ถือหุ้นแบบเจาะจง(Private Placement) สะท้อนการให้นักบริหารมืออาชีพทำงานเต็มที่ ด้วยเชื่อมั่นในทีมงานที่เต็มไปด้วยคนเก่ง มีวิสัยทัศน์ สานต่อองค์กรร้อยปี และเป็นอาณาจักรหมื่นล้านเติบใหญ่อย่างยั่งยืนในประเทศไทย เพื่อผงาดสู่เวทีระดับภูมิภาคต่อไปด้วย
ปี 2565 โอสถภา สร้างรายได้กว่า 2.7 หมื่นล้านบาท และทำ “กำไรสุทธิ” กว่า 1,900 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรก 2566 มีรายได้จากการขายกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท และ “กำไรสุทธิ” 1,327 ล้านบาท
ทว่า แนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง โจทย์สำคัญคือการ “ทวงคืน” ส่วนแบ่งทางการตลาดของเครื่องดื่มชูกำลังให้ได้ 2% หลังจากที่ผ่านมาเผชิญต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทำให้แบรนด์เบอร์ 1 อย่าง “เอ็ม-150” ต้องขยับราคาขายเป็น 12 บาทจาก 10 บาท กลายเป็นตัวแปรกระเทือนส่วนแบ่งการตลาดลดลง
กิจกรรม Opportunity Day จิตอาภา อัมราลิขิต หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทางการเงิน ของบมจ.โอสถสภา ได้ฉายภาพว่า ส่วนแบ่งการตลาดรวมของเครื่องดื่มชูกำลังทั้งพอร์ตโฟลิโอ “โอสถสภา” เคยสูงถึงระดับ 54% ในไตรมาส 1 ปี 2565 ล่าสุดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 47.5% ซึ่งสามารถแย่งเค้กกลับมาคืนได้ 0.9% จากภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 4.4%
แม้ต้องการส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม แต่ยอดขายที่ได้ต้องมาพร้อม "กำไร" ที่ดีด้วยโอสถสภาจึงค่อยๆ สร้างการเติบโต
ส่วนเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหรือฟังก์ชันนอลดริ้งค์ เป็นอีกหมวดที่เผชิญความท้าทาย เมื่อโควิด-19 คลี่คลาย ผู้บริโภคคลายกังวลการสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ตลาดรวมมูลค่า 7,900 ล้านบาท หดตัวถึง 14.5% แต่ “ซี-วิท” ยังครองส่วนแบ่งตลาดได้อย่างแข็งแกร่งที่ 67.5% คิดเป็น 2 ใน 3 ของตลาดรวมและทิ้งห่างคู่แข่งเบอร์ 2 มีส่วนแบ่งตลาดราว 6-8%
- เดินหน้าลงทุนต่อจิ๊กซอว์โตยั่งยืน
ปี 2566 โอสถสภา วางแผนใช้งบลงทุนราว 2,000 ล้านบาท สานภารกิจเติบโต ซึ่งจะมีทั้ง “ทางลัด” ในการซื้อและควบรวมกิจการ(M&A)ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาหลายดีล รวมถึงทุ่มเทสู่แผนพัฒนาอย่างยั่งยืน
ส่วนด้านการตลาด ยังเดินหน้าออกสินค้าใหม่เติมพอร์ตโฟลิโอ สร้างความหลากหลายเพื่อตอบสนองผู้บริโภค โดยครึ่งปีหลังมีเครื่องดื่ม “ยันฮี แคลเซียม วอเตอร์” สินค้าจากบริษัทร่วมทุนบุกตลาด จะเห็นน้ำอัดลม “ชาร์ค เลมอน ม็อกเทล” เสริมแกร่งชาร์ค อุเมะ โซดา และ “คาลพิส” รสชาติใหม่สร้างสีสัน
สินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคล แม้เบบี้มายด์ มีการปรับลุคใหม่ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ใช้พลาสติกลดลง 13% ขานรับความยั่งยืน ขณะที่ “ทเวลฟ์พลัส” จะบุกหนักตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกลายมูลค่า 2,100 ล้านบาท มีการปรับกลยุทธ์ย้ำจุดแข็งของแบรนด์ด้านความหอมทำให้สามารถครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 1.7% เป็น 12.3% ก้าวเป็น “เบอร์ 2” ของตลาด เป็นต้น
ส่วนตลาดต่างแดน ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าเสิร์ฟผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายกว่า 38 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมเอเชีย อาฟริกา ยุโรป และอเมริกาเหนือฯ แต่ตลาดหลักที่เป็นหมุดสำคัญคือประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม(CLMV)และมีฐานผลิตทั้งโรงงานขวดแก้ว เครื่องดื่มชูกำลังที่ “เมียนมา” จะเป็นขุมทรัพย์สร้างการเติบโตในอนาคต
คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ
‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำ ‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นยางิ ถล่มเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทยด้วยกำลังลมที่แรงมาก และทำใ...
ท่วมหนักสุด 'ในรอบ 3 ทศวรรษ' พายุบอริสถล่มยุโรป ผลกระทบจากโลกร้อน
จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ชื่อว่า “พายุบอริส” ส่งผลให้มีฝนตกหนักจากออสเตรียไปจนถึงโรมาเนีย จนเกิด “น้...
ฮามาสโวความสามารถสูง ทำสงครามกาซาต่อได้แม้สูญเสีย
นายโอซามา ฮัมดัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่นครอิสตันบูลของตุรกี ระบุ “ขบวนก...
สงครามสู้ฮามาสและยอดส่งออกร่วง กดดันจีดีพี ‘อิสราเอล’ Q2 ให้โตเพียง 0.7%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในไตรมาสที่สองชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไ...
ยอดวิว