วงการแว่น VR เดือด! 'PICO 4 Ultra' แว่น VR/MR ที่เกิดมาฆ่าทุกแบรนด์บนโลก

ใครที่กำลังรอหรือคิดว่าจะต้องมีสักวันที่แว่น VR/MR สุดล้ำอย่าง Vision Pro จากค่ายผลไม้ จะเข้ามาจำหน่ายในไทย งานนี้ต้องบอกว่านอกจากจะคล้ายไม่ค่อยมีหวังแล้ว ล่าสุดยังมีผู้ท้าชิงสุดเทพที่ชื่อว่า PICO 4 Ultra มาจุติ ครบทั้งสเปก เทคโนโลยี ที่แทบจะทัดเทียมกัน ในราคาต่างกันเกือบ 7 เท่า

KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปรู้จัก "PICO 4 Ultra" กันให้ถึงแก่น อะไรคือเหตุผลที่ทำให้แว่น VR (Virtual Reality) และ MR (Mixed Reality) รุ่นนี้มาแรงจนเรียกได้ว่าเหมือนเกิดมาฆ่าทุกแบรนด์ใหญ่ได้เลย

ยกเครื่องใหม่ มาไกลกว่าเดิม

ในปีที่แล้ว PICO ได้ส่ง PICO 4 มาสร้างสีสันให้วงการแว่น VR ในไทยไปแล้ว และการตอบรับในคราวนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก ทั้งในแง่ของยอดขายของ PICO 4 เอง และการสร้างความสนใจให้วงการโลกเสมือนได้คึกคักมากๆ ซึ่งในปีนี้ "PICO 4 Ultra" ได้เป็นร่างพัฒนาที่มาไกลกว่ารุ่นเดิมมากพอสมควร

เช่นการดีไซน์ PICO 4 Ultra ที่สมดุลระหว่างความบางและเบา ตัวบอดี้ด้านหน้ามีน้ำหนักเพียง 304 กรัม และเบาะรองศีรษะด้านหลังเพียง 276 กรัม รวมทั้งหมดมีน้ำหนักเพียง 580 กรัม ทำให้สวมใส่สบายตลอดการใช้งาน รวมถึงคอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่แบบไม่มีวงแหวนครอบมือ ซึ่งช่วยลดน้ำหนักและความสูงของคอนโทรลเลอร์ได้อย่างมาก ทำให้ถือได้อย่างสบายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังติดตั้งมอเตอร์สั่นแนวราบเพื่อเพิ่มประสบการณ์การตอบสนองทางสัมผัสที่สมจริงและเต็มอารมณ์อีกด้วย

ออกแบบใหม่ให้ใช้งาน Multi-task

"PICO 4 Ultra" ออกแบบมาให้เราปรับขนาดและจัดเรียงหน้าต่างของแอปพลิเคชันได้อย่างอิสระในพื้นที่เสมือนจริงที่กว้างขวางไร้ขอบเขต ทำให้การทำงานแบบ Multi-task มีความราบรื่น

นอกจากนี้ ยังสลับระหว่างโหมดภาพเสมือนจริงและผสานรวมกับสภาพแวดล้อมจริงได้อย่างง่ายดายเพียงคลิกเดียวที่แถบนำทางของระบบ

เป็นแว่น MR แล้ว หลังจากรุ่นก่อนคือ VR

"PICO 4 Ultra" ก้าวเข้าสู่การเป็นแว่น MR เต็มระบบ ซึ่งประกอบด้วยเซนเซอร์ภาพทั้งหมด 7 ตัว โดยมีกล้องตรวจจับสภาพแวดล้อม 4 ตัวที่ติดตั้งรอบตัวอุปกรณ์ เพื่อใช้ในการสร้างแผนที่และระบุตำแหน่งพร้อมกัน (Simultaneous Localization and Mapping: SLAM) โดยทำงานร่วมกับกล้องสี 2 ตัวและกล้องวัดระยะลึก iToF 1 ตัว สำหรับจับภาพและการทำแผนที่ในพื้นที่สำหรับการใช้งานแอปพลิเคชัน

โดยกล้องสี 2 ตัวที่มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซลช่วยจับภาพความละเอียดสูง ซึ่งเมื่อผ่านการประมวลผลแล้ว ภาพดังกล่าวจะแสดงผลบนหน้าจอความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ระดับ 20.6 PPD

PICO 4 Ultra ยังเสริมประสิทธิภาพในการลดความบิดเบี้ยวของภาพบริเวณขอบและลดภาพซ้อน ทำให้ได้ภาพสีคมชัดและมีการบิดเบี้ยวต่ำ

นอกจากนี้ กล้องวัดระยะลึก iToF ยังวัดระยะได้อย่างแม่นยำในช่วง 3 เมตรในมุมกว้าง 60 องศา ซึ่งช่วยในการคำนวณระยะทางเชิงพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ

PICO 4 Ultra จึงเป็นแว่น MR ที่สร้างสภาพแวดล้อมเสมือนที่ใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมจริงมากที่สุด ด้วยการผสานประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์และอัลกอริธึมการรับรู้สภาพแวดล้อมอันเป็นเอกสิทธิ์ของ PICO

สเปกแรง ทรงพลัง

"PICO 4 Ultra" ยังมาพร้อมกับหน้าจอ 4K+ Super Sense คุณภาพสูง ด้วยความละเอียดในการเรนเดอร์ภาพถึง 1920x1920 พิกเซล และอัตรารีเฟรชเรท 90Hz หน้าจอได้รับการเทียบสีจากโรงงานและมีความละเอียดสูงกว่ารุ่น PICO 4 ถึง 62 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ได้ภาพที่คมชัดและสมจริงมากยิ่งขึ้น

PICO 4 Ultra ขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์มระดับเรือธงซีพียู Snapdragon® XR2 Gen 2 พร้อมหน่วยความจำขนาดใหญ่ถึง 12GB นับเป็นฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลัง สร้างสรรค์ประสบการณ์ MR ที่เหนือชั้นและสมจริง

ถ่ายวิดีโอเสมือนจริงได้

"PICO 4 Ultra" ใช้กล้อง RGB ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล 2 ตัวในการบันทึกวิดีโอเสมือนจริง โดยการจัดวางเลนส์จำลองการมองเห็นของมนุษย์ ในการถ่ายวิดีโอเสมือนจริงนั้นจะเว้นระยะห่างระหว่างเลนส์เพื่อจำลองการมองเห็นผ่านดวงตาทั้งสองข้าง ทำให้ผู้ใช้งานได้รับชมภาพ 3 มิติที่มีความลึกของพื้นที่อย่างสมจริง

นอกจากนี้ PICO 4 Ultra ยังถ่ายวิดีโอเสมือนจริงที่ความละเอียดสูงสุด 2048x1536 พิกเซล ด้วยรีเฟรชเรท 60FPS ทำให้บันทึกฉากแอ็กชันที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วได้อย่างลื่นไหลและเนียนตา

PICO 4 Ultra ยังทลายข้อจำกัดเรื่องการใช้งานอุปกรณ์ต่างค่าย โดยรองรับการเล่นวิดีโอและภาพถ่ายเสมือนจริงจากอุปกรณ์ Apple ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงภาพและวิดีโอที่ถ่ายด้วย iPhone 15 Pro series และ Vision Pro ซึ่งผู้ใช้งานดาวน์โหลดเนื้อหาเหล่านี้ไปยังแกลเลอรีของ PICO 4 Ultra และรับชมได้ทันที ทำให้การเชื่อมต่อและการใช้งานอุปกรณ์ต่างแบรนด์เป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

PICO Motion Trackers อุปกรณ์เสริมสุดปัง เพิ่มประสบการณ์ MR อันสมจริง

PICO ยังได้เปิดตัว PICO Motion Trackers อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวรุ่นแรกของบริษัท เพียงแค่ติดตั้งที่ข้อเท้า ก็ตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ทั้งหมด ตัวอุปกรณ์มีน้ำหนักเพียง 38.5 กรัม (รวมตัวติดตามและฐาน) และใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 25 ชั่วโมง ด้วยการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่จุดสัมผัส ทำให้ PICO Motion Trackers สวมใส่สบายแม้ในกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวหนัก เช่น การออกกำลังกายหรือการเต้น

เมื่อเปิดใช้งาน PICO Motion Trackers จะจับคู่สัญญาณกับเฮดเซ็ท PICO โดยอัตโนมัติ ซึ่งการกำหนดความแม่นยำด้วยระบบ One-Glance Calibration ของ PICO ถือว่าทำได้ง่ายที่สุดในอุตสาหกรรม ผู้ใช้งานเพียงแค่ยืนและมองลงไปที่อุปกรณ์ก็ปรับเทียบความแม่นยำได้อย่างง่ายดายและเข้าถึงการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

PICO Motion Trackers ใช้ได้กับแอปพลิเคชันที่หลากหลาย รองรับเกมยอดนิยมอย่าง VRChat และ Tempo Club นอกจากนี้ PICO Motion Trackers ยังใช้งานร่วมกับ PICO 4 รุ่นเดิมได้ด้วย

PICO Motion Trackers

ราคาและการวางจำหน่าย

  • PICO 4 Ultra ราคา 19,990 บาท
  • PICO Motion Trackers ราคา 2,990 บาท

พิเศษโปรโมชั่น PRE-SALE เมื่อสั่งจอง PICO 4 Ultra และ PICO Motion Trackers ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 5-8 กันยายน 2567 ผ่านร้านค้าและแพลตฟอร์มที่ร่วมรายการได้แก่

  • ช่องทางออนไลน์ – สั่งจองล่วงหน้า PICO 4 Ultra ในราคาเพียง 18,990 บาท รับฟรี! PICO Motion Trackers (จำนวนจำกัด) เฉพาะทาง Shopee (https://s.shopee.co.th/6fOGmCm8e5?share_channel_code=6)
  • ศูนย์จำหน่าย – สั่งจองล่วงหน้า PICO 4 Ultra ในราคา 19,990 บาท รับฟรี แพ็กเกจของแถมสุดคุ้มทั้ง PICO Motion Tracker, PICO Carry Case และ Game Bundle รวมมูลค่า 3,000 บาท ที่ PICO Zone เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลเวสต์เกต, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เมกา บางนา, Com7, Dot.life, Speed Gaming และร้านค้าที่ร่วมรายการ

PROMOTION 9.9 ตั้งแต่วันที่ 9-11 กันยายน 2567 เฉพาะทาง Shopee, Lazada และ TikTokShop

  • แพ็คเกจ 1 - ซื้อชุด Standalone Pack เฉพาะตัวเครื่อง PICO 4 Ultra ในราคาเพียง 17,990 บาท
  • แพ็คเกจ 2 - ซื้อชุด Bundle Pack ได้ทั้ง PICO 4 Ultra และPICO Motion Tracker ในราคา 19,980 บาท

ตั้งแต่วันที่ 9-15 กันยายนนี้ เพื่อฉลองการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เมื่อซื้อ PICO 4 Ultra ในราคา 19,990 บาท รับฟรี เซ็ตของขวัญพรีเมียม ประกอบด้วย PICO Motion Tracker, PICO Mini Suitcase และ Game Bundle รวมมูลค่า 2,000 บาท ที่ PICO Zone เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลเวสต์เกต, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เมกา บางนา, Com7, Dot.life, Speed Gaming และร้านค้าที่ร่วมรายการ

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไทย’ ร่วงลงสองอันดับ! ใน IMD World Talent Ranking ปี 2024 ส่วนสิงคโปร์นำโด่ง

จากการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความเป็นเลิศในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถประจำปี 2024” (The 2024 IMD Worl...

Apple วางขาย iPhone 16 พร้อมนวัตกรรมความยั่งยืน ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 85%

Apple ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการวางขาย iPhone 16 ที่เน้นความยั่งยืน โด...

ผล 1 ปีกับความคืบหน้า ESG Symposium ส่งไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สู้โลกเดือด

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง "สระบุรี...

‘ลาซาด้า’ เดินเกมทำกำไร ชู '3 กลยุทธ์' สร้างยุคใหม่อีคอมเมิร์ซ

วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ลาซาด้ายังเดินหน้าลงทุนใน...