การทูต ‘กู้เปิ่นเผยหยวน’ ของหลี่ เฉียงที่ทำให้ทั้งโลกมองว่าศก.จีนวิกฤติจริง

เศรษฐกิจจีนกำลังมุ่งหน้าไปทางไหน? นั่นคือสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ในขณะที่รอแถลงการณ์ที่จะออกมาวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุมสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์ที่จัดขึ้นทั้งหมด 4 วัน

แถลงการณ์นี้จะแสดงให้เห็นด้วยว่าพรรคฯ จะสามารถให้คำอธิบายให้ทั้งโลกเข้าใจอย่างง่ายๆ ได้หรือไม่ว่าพวกเขากำลังวินิจฉัยและร่างนโยบายเพื่อรักษาเศรษฐกิจที่กำลังป่วยอยู่อย่างไร

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เลขาธิการพรรคสี จิ้นผิง ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนด้วย ได้รายงานผลงานซึ่งเป็นวันเปิดการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่สามของคณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 20

สำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนรายงานข้อมูลในรายงานนั้นว่า ผู้นำสูงสุดอธิบายถึง “ร่างการตัดสินใจ” จากคณะกรรมการฯ ในประเด็นเรื่องการปฏิรูปรากฐานอย่างครอบคลุมและทำให้จีนมีความทันสมัยมากขึ้น

สถิติจำนวนมากยังแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐ ยังคงซบเซา และการเติบโตในเดือนเม.ย. ถึงมิ.ย.ยังคงชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า ท่ามกลางวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อและอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ดังนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับตอนนี้

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ยิ่งทำให้สถานการณ์ทั้งหมดซับซ้อนยิ่งขึ้น แม้แท้จริงแล้วเขาจะตั้งใจบรรเทาความกังวลของประชาคมระหว่างประเทศ แต่หลี่ขึ้นบรรยายในการประชุม Summer Davos ซึ่งกลับให้ผลตรงกันข้าม

ในเมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน หลี่อธิบายเศรษฐกิจจีนค่อนข้างละเอียดในการประชุมประจำปีครั้งที่ 15 ของ World Economic Forum's New Champions ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Summer Davos Forum 2024

ทว่าคำพูดของหลี่กลับสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจนอกประเทศจีน

แม้ว่าเขากำลังกล่าวกับผู้นำธุรกิจจากทั่วโลก แต่หลี่กลับใช้วิธีการบรรยายในลักษณะที่เข้าใจได้เฉพาะกับเจ้าหน้าที่พรรคฯ เท่านั้น และดูเหมือนว่าเป็นการเอาใจเจ้านายผู้ทรงอำนาจของเขา และหลี่ภาคภูมิใจอย่างมากที่เป็นหนึ่งในผู้ช่วยที่ใกล้ชิดที่สุดของสี

เขาเปรียบเทียบเศรษฐกิจจีนกับคนไข้ และกล่าวว่าคนไข้กำลังฟื้นตัวจากอาการป่วยหนักเรื้อรัง "ตามทฤษฎีการแพทย์แผนจีน" หลี่กล่าว "ในช่วงเวลานี้ เราไม่สามารถใช้ยาแรงได้" ต้องปล่อยให้คนไข้ค่อยๆ ฟื้นตัว ร่างกายค่อยๆ ฟื้นฟู เขากล่าว

ในระหว่างการอธิบายของเขา หลี่ใช้คำว่า "กู้เปิ่นเผยหยวน" (Guben Peiyuan) ซึ่งหมายถึง "การเสริมสร้างรากฐานและบ่มเพาะจิตวิญญาณภายใน" แม้ว่าผู้เข้าร่วมชาวต่างชาติจำนวนมากจะไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้ แต่ "กู้เปิ่นเผยหยวน" เป็นประเด็นสำคัญที่สุดของหลี่ โดยสื่อหลักของจีนรายงานเฉพาะส่วนนี้ของคำพูดของหลี่ โดยละเลยการอ้างอิงถึง "ยาแรง" ของเขาโดยสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เหลือของโลกกลับได้ยินเพียงคำประกาศของหลี่ที่ว่า "เราไม่สามารถใช้ยาแรงได้" และสรุปกันเองว่าเศรษฐกิจจีนกำลังประสบกับความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงจริงๆ

ผู้เข้าร่วมประชุมนานาชาติยังตีความคำพูดของหลี่ว่าการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่สามจะไม่กำหนดมาตรการการใช้จ่ายทางการคลังขนาดใหญ่หรือมาตรการผ่อนคลายทางการเงินใดๆ

ตามแหล่งข่าวจีนที่สังเกตการณ์การเมืองจีนมาหลายปีและรู้จักความชอบของสีพบว่าเลขาธิการพรรคชอบทฤษฎีการแพทย์แผนจีนมากกว่าแบบตะวันตก และชอบแนวคิดที่อิงจากปรัชญาจีนโบราณมากกว่าที่อิงจากปรัชญาตะวันตก

หลี่เคยทำงานเป็นเลขานุการของสีในมณฑลเจ้อเจียง และมั่นใจว่าเขาสามารถคาดเดาความต้องการของเจ้านายได้ แต่ความเชื่อมั่นนั้นทำให้เขากล่าวถึง "กู้เปิ่นเผยหยวน" ต่อหน้าผู้ฟังนานาชาติในเมืองต้าเหลียน

แล้วอะไรทำให้เขาเลือกใช้คำที่ส่งผลย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง? คำตอบคือ สี ผู้นำสูงสุดชื่นชอบแนวคิด "กู้เปิ่นเผยหยวน" เขาใช้คำนี้เมื่อปีที่แล้วในการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมงานด้านการศึกษาภายใต้หัวข้อ "ความคิดของสี จิ้นผิงเกี่ยวกับสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะสำหรับจีนยุคใหม่"

ในสุนทรพจน์นั้น เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรคฯ ต้องเพิ่มขีดความสามารถในการตัดสินใจทางการเมือง ความเข้าใจ และการปฏิบัติผ่านแนวคิด "กู้เปิ่นเผยหยวน"

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. เขาเน้นย้ำความสำคัญของ "กู้เปิ่นเผยหยวน" ในการประชุมกลุ่มศึกษาของกรมการเมืองของพรรคฯ โดยเน้นความสำคัญของคำศัพท์ทางการแพทย์นี้ในการศึกษา "ความคิดของสี จิ้นผิง" ในการนี้ เขากำลังสะท้อนเจตนาแอบแฝงนั้นคือ เพื่อส่งเสริมความจงรักภักดีอย่างสมบูรณ์ของเจ้าหน้าที่พรรคต่อตัวเขาเอง

นอกจากนี้ สียังชอบทฤษฎีการแพทย์แผนจีนด้วย

แผนกของพรรคฯ ที่รับผิดชอบด้านการสร้างองค์กรกล่าวบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการว่า นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาพรรคครั้งที่ 18 ในปี 2012 ซึ่งสีได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรค เขาให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการประยุกต์ใช้การแพทย์แผนจีนอย่างมาก

"กู้เปิ่นเผยหยวน" ได้กลายเป็นศัพท์การเมืองที่เป็นสัญลักษณ์ของยุคสี จิ้นผิง ดังนั้น การใช้คำนี้ของหลี่จึงถูกต้องทางการเมือง อย่างน้อยก็สำหรับผู้ฟังชาวจีน แต่ไม่มีทางที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจต่างชาติจะเข้าใจศัพท์การเมืองเฉพาะของพรรคฯ ได้อย่างทันท่วงที

กลับกัน คำพูดของหลี่ได้ส่งผลเสียต่อจีนบนเวทีระหว่างประเทศ เพราะคำพูดนั้นแพร่กระจายการรับรู้ว่าสภาพเศรษฐกิจของจีนแย่กว่าที่ผู้สังเกตการณ์คิดไว้ และการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่สามที่จะจบลงในวันนี้จะไม่มีการแก้ไขนโยบายที่สำคัญ

ในวันแรกของการประชุมสมัชชาใหญ่ สีอธิบายร่างการตัดสินใจของคณะกรรมการกลางเกี่ยวกับ "การทำให้จีนทันสมัย" ในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งสียกย่องว่าเป็นอุดมคติ มีความเป็นปรัชญาจีนโบราณ และแนวคิดทางการแพทย์ของจีน

นอกจากนี้ สียังยกย่อง "การฟื้นฟูครั้งยิ่งใหญ่ของชาติจีน" สิ่งนี้ก็อิงจากความคิดแบบจีนดั้งเดิมเช่นกัน รวมถึงแนวคิดเรื่อง "จื้อเฉียง" (Ziqiang) หรือการมุ่งมั่นพัฒนาตนเอง แต่ความคิดเหล่านี้เป็นเรื่องยากสำหรับชาวต่างชาติที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้

หากเศรษฐกิจจีนกำลังประสบกับภาวะถดถอยที่รุนแรงกว่าที่คิดไว้ ข้อสรุปที่ง่ายที่สุดอาจคือการที่รัฐบาลของสีได้ทำความผิดพลาดทางนโยบายมาตลอด 12 ปีนับตั้งแต่เขาขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของจีน หนึ่งในนั้นอาจเป็นนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เข้มงวดและยาวนาน

แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่สี ในฐานะแกนหลักของคณะกรรมการกลางพรรค จะยอมรับว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นความผิดของเขา การทำเช่นนั้นจะนำไปสู่การล่มสลายของระบบรวมศูนย์ที่เขาสร้างขึ้นโดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นแทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขาต้องรักษาความจงรักภักดีอย่างสมบูรณ์เพื่อคงระบบของเขาไว้

หากการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่สามทำได้เพียงแค่นำเสนอคำขวัญและปรัชญาที่สีชื่นชอบ ประชาคมระหว่างประเทศจะถูกทิ้งให้กังวล โดยรู้เพียงแค่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้ายของจีนจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางในอนาคตของเศรษฐกิจโลก

แทนที่จะเป็นเช่นนั้น รัฐบาลของสีควรอธิบายสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันของประเทศและการแก้ไขนโยบายที่ตั้งใจจะดำเนินการ โดยใช้คำศัพท์ที่ทุกคนในโลกสามารถเข้าใจได้ นอกจากนี้ควรเผยแพร่สถิติที่เปรียบเทียบได้ในระดับนานาชาติ เพื่อให้สามารถประเมินสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงของจีนได้อย่างแม่นยำ

หากรัฐบาลของสีไม่สามารถทำให้จีนอยู่บนพื้นฐานเดียวกันกับประเทศอื่นๆ ในแง่ของคำศัพท์ ช่องว่างของการรับรู้ที่หลี่เปิดขึ้นเมื่อปลายเดือนที่แล้วจะยิ่งกว้างขึ้นไปอีก

อ้างอิง: Nikkei Asia 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

ประชุมอาเซียน-จีน คุกรุ่น 'ฟิลิปปินส์' เรียกร้องเร่งเจรจาปัญหาทะเลจีนใต้

ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 27 เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) อบอวลไปด้วยบรรยากาศคุกรุ่น เนื่องจ...

พายุเฮอริเคนถล่มฟลอริดาหนัก มีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ราย

"พายุเฮอริเคนมิลตัน"เคลื่อนตัวออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกแล้วในวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.67) หลังพัดถล่มใจกลาง...

‘เทสลา’ จ่อเปิดตัว Cybercabs ธุรกิจ 'แท็กซี่ไร้คนขับ' ที่ยังขาดทุนมหาศาล

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “เทสล่า” (Tesla) ของ “อีลอน มักส์” เตรียมเปิดตัว “แท็กซี่ไร้คนขับ” ที่ชื่...

‘อิสราเอล’ โจมตีกรุงเบรุต ตาย 22 เจ็บ 117 หัวหน้าฮิซบอลเลาะห์รอด

กระทรวงสาธารณสุขเลบานอนรายงานว่า การโจมตีกรุงเบรุต ประเทศเลบานอนของอิสราเอล เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ต.ค...