นายกฯ กล่าวชี้แจงสภาฯ จำเป็นต้องร่างงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปี 67 ทำโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เงินไหลจากภาครัฐไปสู่เอกชน สร้างเม็ดเงินในชุมชน และยังจะทำให้มีงบฯ ลงทุนเพิ่มขึ้น 8.076 แสนล้านบาท จากปี 66
วันที่ 17 ก.ค. 2567 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่างงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแถลงหลักการและเหตุผลถึงร่างดังกล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วน โดยไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ได้ จึงต้องตั้งงบฯ เพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 122,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจในจำนวนดังกล่าว และจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมเม็ดเงินในชุมชนต่างๆ รวมถึงลดภาระค่าครองชีพ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชน ผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต โดยคำนึงถึงความสอดคล้องของเศรษฐกิจ นโยบายของรัฐ และแผนการดำเนินงานของกระทรวง
นายเศรษฐา ชี้แจงต่อว่า ในปี 2567 การขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายตัว 2.0-3.0% มีข้อจำกัดเรื่องหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ระหว่าง 0.1-1.1% และดุลบัญชีเดินสะพัด มีแนวโน้มเกินดุล 1.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินนโยบายขาดดุล ในปี 2567 โดยประมาณการจากรายได้จากส่วนราชการอื่น 10,000 ล้านบาท และกู้ชดเชย 112,000 ล้านบาท รวมเป็นรายได้ทั้งสิ้น 122,000 ล้านบาท เท่ากับวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ซึ่งการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลจึงมีความจำเป็นและสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าให้เติบโต โดยเม็ดเงินจะไหลจากภาครัฐไปสู่ภาคเอกชน จะทำให้เกิดการสั่งซื้อสินค้าและบริการ และหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
...
ส่วนเรื่องฐานะคงคลัง มีหนี้สาธารณะคงค้าง 11,523,700.9 ล้านบาท หรือ 63.78% ของ GDP ขณะที่เงินคงคลัง อยู่ที่ 394,259.7 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศประมาณ 8 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก
อีกทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 จำนวน 3.48 ล้านล้านบาท รวมกับงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ 2567 จำนวน 122,000 ล้านบาท รวมเป็นงบฯ 3.602 ล้านล้านบาท จะทำให้มีงบฯ ลงทุนเพิ่มขึ้น 8.076 แสนล้านบาท เพิ่มจากปี 2566 จำนวน 17.1%
“การบริหารงบประมาณรายจ่ายทั้งหมดนี้ จะเป็นการใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจะดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด กระตุ้นเศรษฐกิจให้มีเม็ดเงินไหลไปสู่ประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างการเจริญเติบโตให้กับประเทศ พัฒนาศักยภาพได้อย่างยั่งยืนและเป็นไปตามกฎหมาย” นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย