“นายกฯ เศรษฐา” ห่วงสถานการณ์น้ำ หลังอีกเพียง 1 เดือนหมดฤดูฝน เร่งทำให้ประชาชนมีรายได้ที่ดี ยัน รัฐบาลนี้ไม่มีจำนำข้าว-ประกันรายได้ รับ “ชัย วัชรงค์” นั่งโฆษกรัฐบาล ส่วนโควตารัฐมนตรี “พิชิต-ไผ่” ยังเหมือนเดิม
วันที่ 8 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยขณะลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น ว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำ เนื่องจากปีนี้น้ำน้อย และอีกแค่ 1 เดือนก็จะจบฤดูฝน ปริมาณน้ำก็จะน้อย ขณะที่การใช้น้ำแบ่งเป็น 4 ส่วน บริโภค รักษาระบบ ปีนี้จึงมีความน่าเป็นห่วง ต้องเร่งจัดการใช้ระบบ โดยใช้งบประมาณจากท้องถิ่น ทั้งขุดลอกคลองแบบทำระบบ ขณะเดียวกันก็จะใช้ทหารพัฒนานำเครื่องมือมาบูรณาการช่วยเหลือประชาชนหากเกิดภาวะน้ำแล้ง
“วันนี้สิ่งสำคัญต้องเร่งเก็บกักน้ำ เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้หากหมดฤดูฝน เพื่อให้เชื่อมโยงในแผนระยะยาว คือ โขง ชี มูล เลย ที่ต่อท่อมาเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว รัฐบาลไม่อยากมาแก้ปัญหาระยะสั้น โครงการนี้จึงจะเป็นโครงการที่แก้ปัญหาระยะยาวได้ดี”
...
สำหรับในช่วง 1 เดือนนี้ต้องเร่งเก็บน้ำฝนเข้าเขื่อนให้ได้มากที่สุด ควบคู่กับการไม่ให้ทำนา หากไม่มีภาวะไม่ท่วมไม่แล้ง การลงทุนทั้งหมด ทั้งการสร้างเขื่อนและฝายจะสร้างรายได้ให้กับประชาชนทุกคน ส่วนการเพิ่มรายได้สุทธิให้กับประชาชนนั้น ตรงกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งที่ได้คุยกับรัฐมนตรีเกษตร และพาณิชย์ รวมทั้งผู้แทนการค้า ต้องเปิดตลาดใหม่ รวมถึงขอโควตาจากจีนและตะวันออกกลาง ในการส่งสินค้า ลดรายจ่าย รวมถึงราคาปุ๋ยอินทรีย์ที่จะมาแทนปุ๋ยเคมี เพิ่มความรู้ให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิต จะเป็นการเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายให้ประชาชน ควบคู่การพักหนี้เกษตรกร เพราะในระยะ 9 ปี มีการพักชำระหนี้ไป 13 ครั้งแล้วแต่ก็ไม่เกิดประโยชน์ จึงเป็นปัญหาใหญ่ ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกของรัฐบาลที่จะพยายามเพิ่มรายได้สุทธิของประชาชน
“หน้าที่ของรัฐบาลจึงต้องทำให้ประชาชนมีรายได้ที่ดี สามารถกินอยู่ได้ ลงทุนในการเพาะปลูกได้ เอาเงินไปแก้ไขปัญหาหนี้สิน ทั้งนี้ หลังการประชุม ครม. นัดแรกในอาทิตย์หน้า เรื่องนี้จะเป็นวาระแรกที่จะพิจารณา”
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า อยากเห็นค่าเฉลี่ยจีดีพี (GDP) ที่จะเติบโตปีละ 5% ส่วนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็เป็นไปตามกรอบที่วิป 3 ฝ่ายตกลงกัน คือ 2 วัน เป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารที่ต้องให้เข้าชี้แจง ส่วนที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กังวลว่าจะไม่มีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้รอวันที่จะไปแถลงชี้แจง
ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ยังย้ำด้วยว่า นโยบายจำนำข้าวกับประกันรายได้ ไม่ได้อยู่ในนโยบายของรัฐบาลนี้ ยกเว้นแต่ว่าจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นถึงเวลานั้นค่อยมาว่ากัน เพราะบิดเบือนราคาตลาดโลกทำให้ไม่มีวินัยการเงินการคลัง โดยจะเน้นการเพิ่มรายได้สุทธิให้ประชาชนรายได้น้อยแต่ผลผลิตสูง รายจ่ายต่ำ เงินเข้ากระเป๋าสุทธิประชาชนก็จะสูงขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปประกันหรือจำนำ ทำให้รายได้บิดเบือนตลาดโลก
ส่วนเรื่องการแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือโฆษกรัฐบาลคนใหม่ ที่มีชื่อ นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ ยังไม่ขอพูด เพราะยังไม่รู้ว่าตรงไหนพูดได้หรือไม่ได้ แต่คงเห็นรายชื่อแล้วตามที่สื่อได้ทราบ ส่วนคณะทำงานก็เป็นไปตามระเบียบ เพราะเราให้เกียรติกับทุกคน ขณะตำแหน่งรัฐบาลที่ว่าง 2 ตำแหน่ง ของ นายพิชิต ชื่นบาน และนายไผ่ ลิกค์ ก็ยังไม่มีการตั้งใครมาเพิ่ม
ในช่วงท้าย นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า ไม่เคยเรียกนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย รวมถึง ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็มีสายตรงกับตนเอง หลายคนก็รู้จักกันดีหมด เรื่องทำงานมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่มีการแบ่ง เพราะเอางานเป็นหลัก โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ประชาชนแซวว่าเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดในโลก นายเศรษฐา ยิ้มและตอบว่า “คงไม่จริง เพราะมีอะไรต้องให้พิสูจน์อีกเยอะ เพราะสิ่งที่ไม่ได้ยิน คือสิ่งที่ประเสริฐที่สุด”