"พิธา" กล่าวสุนทรพจน์ "อาเซียน-ออสเตรเลีย" จับมือสร้าง "อำนาจกลาง"

"พิธา" กล่าวสุนทรพจน์ที่ ม.เมลเบิร์น ดัน "อาเซียน-ออสเตรเลีย" จับมือบนพื้นฐานประชาธิปไตยสร้าง "อำนาจกลาง" บอก ควรเปลี่ยนจากนโยบาย "ไผ่ลู่ลม" เป็นใช้นโยบาย "กังหันลม" 

วันที่ 4 ก.ค. 2567 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับเชิญให้กล่าวสุนทรพจน์ “อนาคตประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น เมืองเมลเบิร์น รัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย

โดย นายพิธา กล่าวว่า ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับโอกาสและความท้าทายมากมาย ในด้านโอกาสมีการคาดการณ์ว่า อาเซียนจะเติบโตถึง 5.3% ในปี 2024 ประชากรวัยหนุ่มสาว หรืออายุต่ำกว่า 30 ปี ของทั้งอาเซียนอยู่ที่ 50% ขณะที่ 6 ใน 10 ของประเทศอาเซียนเพิ่งได้ผู้นำใหม่ที่ดึงค่าเฉลี่ยอายุของผู้นำอาเซียนลงมาเกือบ 20 ปี

แต่ขณะเดียวกัน อาเซียนก็ต้องเผชิญหน้าความท้าทายที่มีอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ที่ทำให้เกิดผู้ลี้ภัยกว่า 82,000 คน ผู้พลัดถิ่นในประเทศเกือบ 3 ล้านคน ขณะที่ภูมิทัศน์ความขัดแย้งกำลังเปลี่ยนไป แต่วิกฤติมนุษยธรรมก็ยังคงดำเนินไปเคียงคู่กัน จากประชากร 56.6 ล้านคน ขณะนี้มีชาวเมียนมากว่า 18.6 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม ซึ่งความน่าเชื่อถือของอาเซียนต่อประชาคมโลกจะถูกตัดสินจากความสามารถของเราว่าจะรับมือสถานการณ์นี้ได้ดีเพียงใด

...

3 ปี หลังการรัฐประหารในเมียนมา เราได้เห็นแนวโน้มการเพิ่มจำนวนของยาเสพติดที่ผลิตจากในประเทศเมียนมา การค้ามนุษย์ที่ขยายตัวมากขึ้น อาชญากรรมข้ามชาติที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น หรือแม้แต่วิกฤติไฟป่าและหมอกควันข้ามแดนที่มีความรุนแรงขึ้น และนี่คือเหตุผลที่เหตุใดอาเซียนควรต้องมีบทบาทต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเมียนมาอย่างแข็งขัน แม้ความท้าทายนี้จะมีความซับซ้อน แต่ด้วยเอกภาพและความมุ่งมั่นร่วมกัน เราสามารถสร้างความแตกต่างได้ โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกับเมียนมามากที่สุด

นายพิธา กล่าวต่อไปว่า ความท้าทายประการต่อมาคือ กรณีความมั่นคงทางทะเล โดยเฉพาะในกรณีข้อพิพาททะเลจีนใต้ ซึ่งอาเซียนจะได้รับผลกระทบโดยตรงหากเกิดความติดขัดในเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ เนื่องด้วยทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางการค้าทางทะเลกว่า 60% หรือคิดเป็น 22% ของการค้าของทั้งโลก โดยที่ประเทศอย่างน้อย 10 ประเทศต้องอาศัยทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางการค้าสำคัญ โดยแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้คู่กรณีแต่ก็เป็นประเทศสมาชิกอาเซียนที่ควรจะมีบทบาทในการสร้างความมั่นคง สันติภาพ และหลักเสรีภาพในการเดินเรือ

ความท้าทายประการต่อมา คือ กรณีอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่ง 4 ประเทศอาเซียน ประกอบด้วยกัมพูชา ลาว ไทย และเวียดนาม เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับความผันผวนของปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง ที่เป็นผลโดยตรงจากการสร้างเขื่อนจำนวนมากที่ต้นน้ำ และยิ่งขยายผลกระทบมากขึ้นจากสภาวะโลกร้อน

นายพิธา กล่าวต่อไป ว่า ประเทศออสเตรเลียมีความสัมพันธ์กับอาเซียนมาอย่างยาวนาน มีประชากรกว่า 1 ล้านคน ที่มีรากเหง้ามาจากประเทศอาเซียน มีการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา การย้ายถิ่นฐาน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และความร่วมมือทางการค้าการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่น่าจะเป็นเป้าหมายสูงสุดสำหรับความร่วมมือระหว่างอาเซียนและออสเตรเลีย ก็คือการบรรลุสันติภาพเอเชีย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่งท่ามกลางสถานการณ์สงครามสองสงคราม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และข้อพิพาทด้านดินแดนที่เกิดขึ้นทั้งในภูมิภาคและในที่อื่นที่ห่างไกลออกไป

นายพิธา กล่าวต่อไปว่าอย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้เองก็คือพื้นฐานสำคัญที่สามารถนำไปสู่ความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างอาเซียนและออสเตรเลียขึ้นมาได้ในฐานะ “อำนาจกลาง” ที่สามารถถ่วงดุลอำนาจของโลกได้ ทั้งทางด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ด้วยการมีส่วนร่วมจากออสเตรเลียที่ยึดถือในคุณค่าทั้งทางด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย

ขณะเดียวกัน ฝั่งประเทศอาเซียนเองก็ต้องมีการปฏิรูปและพัฒนากลไกหลายด้านเพื่อความร่วมมือที่มากขึ้นกับออสเตรเลีย ในการก่อตัวขึ้นเป็นพันธมิตรอำนาจกลาง อาเซียนมีจุดด้อยในด้านความน่าเชื่อถือในเวทีโลกมาโดยตลอด กฎบัตรอาเซียนที่ตกลงกันเมื่อปี 2008 ไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือการปฏิบัติอย่างมีความสำคัญ ด้วยเหตุนี้ ตนจึงขอเรียกร้องให้ผู้นำอาเซียนกลับมาทบทวนสิ่งที่ตกลงกันในกฎบัตรอาเซียนร่วมกันอีกครั้ง ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติท่ามกลางความท้าทายที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย

นายพิธา กล่าวทิ้งท้าย ว่า มีสำนวนหนึ่งที่ประเทศไทยมักใช้ในการต่างประเทศมาเสมอ คือคำว่า “ไผ่ลู่ลม” หมายถึงการสามารถเบนตัวเองไปตามทิศทางของลมได้ แต่ในสภาวะที่กระแสลมพัดกระหน่ำมาจากหลายทิศทางอย่างในปัจจุบันนี้ คำตอบที่ดีที่สุดควรเป็นการทำตัวเป็น “กังหันลม” เพื่อดึงเอาพลังจากกระแสลมนั้นมาใช้ในการเติมเต็มความร่วมมือและความมั่งคั่งระหว่างเรา ซึ่งหากอาเซียนและออสเตรเลียสามารถรวมตัวกันได้ เราจะสามารถสร้างกังหันลมอย่างที่ว่านั้นได้

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไทย’ ร่วงลงสองอันดับ! ใน IMD World Talent Ranking ปี 2024 ส่วนสิงคโปร์นำโด่ง

จากการจัดอันดับ “ประเทศที่มีความเป็นเลิศในด้านบุคลากรผู้มีความสามารถประจำปี 2024” (The 2024 IMD Worl...

Apple วางขาย iPhone 16 พร้อมนวัตกรรมความยั่งยืน ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 85%

Apple ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการวางขาย iPhone 16 ที่เน้นความยั่งยืน โด...

ผล 1 ปีกับความคืบหน้า ESG Symposium ส่งไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สู้โลกเดือด

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เห็นผลเป็นรูปธรรม ตาม 4 ข้อเสนอจากงาน ESG Symposium 2023 ทั้งสร้าง "สระบุรี...

‘ลาซาด้า’ เดินเกมทำกำไร ชู '3 กลยุทธ์' สร้างยุคใหม่อีคอมเมิร์ซ

วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า ลาซาด้ายังเดินหน้าลงทุนใน...