วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี TOP - น้ำมันรั่วที่ SBM-2

ผลกระทบต่อการดำเนินงานใน 3Q23 จำกัด แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

เราคาดว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราการกลั่นน้ำมันดิบใน 3Q23 เพราะในปัจจุบัน TOP มีน้ำมันดิบสำรองเพียงพอสำหรับใช้กลั่นได้นาน 30 วัน แต่จะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีน้ำมันรั่วของ SPRC (47,000 ลิตรจากสายส่งใต้ทะเล) เมื่อเดือนมกราคม 2022 กรณีนี้ถือว่ารุนแรงน้อยกว่า เพราะส่วนที่รั่วมาจากสายส่วนที่ลอยน้ำเท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมีค่าใช้จ่าย (OPEX) เพิ่มเติมที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ อย่างเช่น i) การดำเนินการเพื่อจัดการน้ำมันรั่ว ii) การฟื้นฟู และปกป้องสิ่งแวดล้อม iii) ต้นทุนค่าระวางขนส่งที่สูงขึ้นเนื่องจากจะต้องมีการปิดซ่อม SBM-2 โดย SBM-1 จะเป็นตัวหลักในการรับน้ำมันแทน อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าต้นทุนค่าระวางขนส่งจะเพิ่มขึ้นประมาณ 300 ล้านบาท/เดือน (US$1/bbl) เพราะต้องใช้เรือขนส่งน้ำมันที่มีขนาดเล็กกว่า ทั้งนี้ ถ้าหากรัฐบาลไม่อนุญาตให้ใช้ SBM-1 บริษัทยังมีแผนสำรองคือจะใช้ conventional buoy mooring (CBM) หรือใช้ท่าเรือ jetty ของ PTT ผ่านท่อส่งน้ำมันมาส่งให้ TOP ทั้งนี้ TOP มีการทำประกันเอาไว้ ซึ่งครอบคลุมความเสียหายต่อทรัพย์สิน, ธุรกิจที่สะดุดหยุดลง, ภาระทางด้านมลพิษ และความเสียหายต่อบุคคลที่สาม อย่างไรก็ตาม การเคลมประกันอาจจะต้องใช้เวลากว่าจะสอบสวนหาสาเหตุเสร็จเรียบร้อย

 

 

น้ำมันที่รั่วน่าจะลามไปถึงชายหาดบางแสนภายในวันอาทิตย์นี้ 

ตามแบบจำลอง OILMAP ของกรมควบคุมมลพิษ คาดว่าน้ำมันที่รั่วจะลามไปถึงอ่าวอุดม (7 กันยายน), เกาะลอย (8 กันยายน) และชายหาดบางแสนในวันอาทิตย์นี้ (10 กันยายน) ถึงแม้ว่ากรณีน้ำมันรั่วไหลจะอยู่นอกเหนือการควบคุม แต่เราคาดว่าชุมชนในพื้นที่จะเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเล เช่นเดียวกับกรณีของ SPRC (มูลฟ้อง 7.7 พันล้านบาท) ซึ่งเรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง เรามองว่าในกรณีเลวร้ายที่สุด ราคาหุ้น TOP จะมี downside 3.50 บาท/หุ้น หากใช้สมมติฐานความเสียหายเหมือนกับกรณี SPRC

 

ราคาหุ้นน่าสนใจ แต่ราคาหุ้นในระยะสั้นในเผชิญแรงกดดัน

Bloomberg consensus ประเมินราคาเป้าหมายของ TOP ที่ 61.82 บาท โดยราคาหุ้นในปัจจุบันคิดเป็น P/BV ปี 2023F/2024F ที่ 0.66/0.63x ซึ่งต่ำกว่า P/BV เฉลี่ยระยะยาว -2S.D. และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ 4.7% ในปีนี้ และ 5.1% ในปีหน้า เราเชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนข่าวนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ผลปรกอบการ 3Q23 มีแนวโน้มจะดีขึ้นทั้ง yoy และ qoq แต่อย่างไรก็ตามราคาหุ้นน่าจะเผชิญปัจจัยกดดันราคาในระยะสั้น ซึ่งเทียบเคียงจาก กรณีของ SPRC ที่ราคาหุ้นไม่ปรับตัวขึ้นในระยะเวลา 2 เดือนหลังจากเกิดเหตุการณ์

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำ ‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นยางิ ถล่มเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทยด้วยกำลังลมที่แรงมาก และทำใ...

ท่วมหนักสุด 'ในรอบ 3 ทศวรรษ' พายุบอริสถล่มยุโรป ผลกระทบจากโลกร้อน

จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ชื่อว่า “พายุบอริส” ส่งผลให้มีฝนตกหนักจากออสเตรียไปจนถึงโรมาเนีย จนเกิด “น้...

ฮามาสโวความสามารถสูง ทำสงครามกาซาต่อได้แม้สูญเสีย

นายโอซามา ฮัมดัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่นครอิสตันบูลของตุรกี ระบุ “ขบวนก...

สงครามสู้ฮามาสและยอดส่งออกร่วง กดดันจีดีพี ‘อิสราเอล’ Q2 ให้โตเพียง 0.7%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในไตรมาสที่สองชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไ...