วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STEC กำไรชะลอตัวแต่คาดหวังสูงจากการลงทุนรอบใหม่ของภาครัฐ

และ ii) ต้นทุนรายจ่ายในการจัดหาเงินทุนและภาษีเร่งตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เรามองว่า กำไรใน 2Q67 น่าจะฟื้นตัว QoQ ด้วยแรงหนุนจากเงินปันผลรับมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาทจากการถือหุ้นใน Gulf Energy Development (GULF.BK/GULF TB)* ขณะที่ ธุรกิจหลักใน 2H67 น่าจะยังทยอยดีขึ้นด้วยการมีรายได้สูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังงานโซลาร์ 5 แห่งและโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง (ฝั่งใต้)

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F-2568F ลง

เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F และ 2568F ลงราว 40% และ 35% ตามลำดับ หลัก ๆ เกิดจากการรับรู้สัดส่วนขาดทุนสูงกว่าคาดจากบริษัทในเครือที่ทำการเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู (Figure 1) ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูยังคงอยู่ที่ 50-60% ต่ำกว่าระดับจุดคุ้มทุนที่ 1 แสนคนต่อวันต่อหนึ่งเส้นทาง โดยเราคงประมาณการรายได้ปี 2567F ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท (+5% YoY) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 5% ใกล้เคียง guidance ของบริษัท ขณะที่ สัดส่วนขาดทุนจากบริษัทในเครือที่เดินรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู จะยังกดดันต่อกำไรสุทธิในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

 

 

 

 

 

คาดหวังได้งานมูลค่าสูงจากโครงการใหม่ ๆ ของภาครัฐ

STEC คาดว่าจะได้งานโครงการใหม่ ๆ มูลค่ารวมราว 4.5-5.0 หมื่นล้านบาท (โดย 3% ของมูลค่ารวมได้เซ็นสัญญาไปแล้วใน 1Q67) และมีโอกาสได้โครงการภาครัฐและเอกชนอีก 12% ของมูลค่าที่จะเปิดประมูลงานภายในปีนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ STEC ได้ยื่นประมูลงานก่อสร้างลานวิ่งเครื่องบินแห่งที่สองที่สนามบินอู่ตะเภา (สนามบินแห่งที่สามของประเทศไทย) มูลค่าราว 1.5 หมื่นล้านบาทในเดือน พ.ค.67 ทั้งนี้ เมืองโครงการการบินที่อู่ตะเภา (STEC ถือหุ้นอยู่ราว 20%) มูลค่า 2.90 แสนล้านบาท น่าจะเดินหน้าได้เมื่อโครงการรถไฟฟ้ารางความเร็วสูงได้เชื่อมต่อกับสนามบินทั้ง 3 แห่งซึ่งได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มซีพีดำเนินการต่อ โดยที่ STEC คาดจะได้งานมูลค่าราว 2.7 หมื่นล้านบาทจากโครงการอู่ตะเภาดังกล่าวนี้ อย่างไรก็ดี STEC ซึ่งเคยร่วมงานกับ CH Karnchang (CK.BK/CK TB)* ในการบุกเบิกงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ฝั่งตะวันออก) อาจได้รับงานอีกหากการก่อสร้างในฝั่งตะวันตกเดินหน้าได้หลังจากที่คำตัดสินสุดท้ายจากศาลปกครองสูงสุดประกาศออกมาในวันที่ 12 มิ.ย. 67

Valuation & Action

ตามประมาณการใหม่ของเรา กำไรปี 2567F จะแย่ลงราว 50% YoY ก่อนจะฟื้นตัว 35% ในปีหน้ากรณีที่โครงการต่าง ๆ ภาครัฐได้เดินหน้าต่อ ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำถือ ประเมินราคาเป้าหมาย SOTP ใหม่ที่ 9.50 บาท (ประกอบด้วยการดำเนินงานของ STEC ที่ 4.50 บาทบนสมมติฐานที่ -0.5 SD ของค่าเฉลี่ย PE ปี 2567-68F ที่ 22x และอีก 5.0 บาทจากสัดส่วนการลงทุน 1.9% ใน GULF)

Risks

ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรงงาน

 

 

 

 

 

 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำ ‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นยางิ ถล่มเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทยด้วยกำลังลมที่แรงมาก และทำใ...

ท่วมหนักสุด 'ในรอบ 3 ทศวรรษ' พายุบอริสถล่มยุโรป ผลกระทบจากโลกร้อน

จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ชื่อว่า “พายุบอริส” ส่งผลให้มีฝนตกหนักจากออสเตรียไปจนถึงโรมาเนีย จนเกิด “น้...

ฮามาสโวความสามารถสูง ทำสงครามกาซาต่อได้แม้สูญเสีย

นายโอซามา ฮัมดัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่นครอิสตันบูลของตุรกี ระบุ “ขบวนก...

สงครามสู้ฮามาสและยอดส่งออกร่วง กดดันจีดีพี ‘อิสราเอล’ Q2 ให้โตเพียง 0.7%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในไตรมาสที่สองชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไ...