เปิดระดับความรุนแรง ‘หลุมอากาศ’ ภัยร้าย 'แอร์ไลน์'

หนึ่งในอุบัติเหตุที่สายการบินมักจะเจออยู่บ่อยครั้ง คือ การตกหลุมอากาศ หรือ Air Turbulence ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลง ของการไหลของอากาศอย่างรุนแรงฉับพลัน เนื่องจากอากาศส่วนบนและส่วนล่างมีความเร็วในการเคลื่อนที่แตกต่างกัน หรือมีความหนาแน่นต่างกันบริเวณรอยต่อ จึงเกิดการปั่นป่วนและเคลื่อนที่คล้ายกับระลอกคลื่น เมื่อเครื่องบินผ่านเข้าสู่บริเวณดังกล่าวจึงเกิดการสั่นสะเทือน

ข้อมูลจากท่าอากาศยานขอนแก่น ในสังกัดกรมท่าอากาศยาน ระบุว่า Air Turbulence เกิดได้จากหลายสาเหตุเช่น กระแสอากาศปั่นป่วนจากแรงเฉือนของลม พายุฝนฟ้าคะนอง กระแสลมพัดปะทะภูเขา หรือเกิดจากเครื่องบินลำอื่น

ส่วนความรุนแรงของ Air Turbulence แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ

1.รุนแรงเล็กน้อย โดยความสูงลดหรือเพิ่มในระยะไม่เกิน 3 ฟุต ผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัด ส่วนสิ่งของต่างๆในเครื่องบินยังคงอยู่นิ่งกับที่

2.รุนแรงปานกลาง ความสูงลดหรือเพิ่มในระยะไม่เกิน 20 ฟุต ผู้โดยสารอาจถูกโยนตัวขึ้นเป็นครั้งคราวแม้นั่งรัดเข็มขัดอยู่ สิ่งของต่างๆในเครื่องบินสามารถเคลื่อนที่ได้

3.ระดับรุนแรงมาก ความสูงลดหรือเพิ่มในระยะไม่เกิน 100  ฟุต ซึ่งเป็นระดับที่นักบินไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้ชั่วขณะ ผู้โดยสารจะถูกโยนตัวขึ้นลงอย่างรุนแรงขณะรัดเข็มขัด สิ่งของต่างๆจะลอยขึ้นในอากาศ

4.ระดับรุนแรงมากที่สุด โดยความสูงลดหรือเพิ่มในระยะเกินกว่า 100 ฟุต เครื่องบินจะถูกโยนขึ้นลงอย่างรุนแรงมากจนนักบินไม่สามารถควบคุมได้ และโครงสร้างลำตัวเครื่องอาจได้รับความเสียหาย หรือเป็นอันตรายต่อชีวิตหากผู้โดยสารไม่รัดเข็มขัด

สิงคโปร์แอร์ไลน์รับเหตุฉุกเฉินแบบ 'มืออาชีพ'

ล่าสุดสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ 321 เส้นทางบินจากท่าอากาศยานฮีทโธรว์ ประเทศอังกฤษ ปลายทางท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงคโปร์ บรรทุกผู้โดยสาร 211 คน และลูกเรือ 18 คน ประสบเหตุตกหลุมอากาศและต้องลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และความรุนแรงของการตกหลุมอากาศดังกล่าว

ทั้งนี้ ทำให้มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บถึง 71 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในระดับวิกฤติ 6 ราย และเสียชีวิต 1 ราย จากจำนวนผู้ที่อยู่บนเครื่องบินทั้งหมด 229 ราย

อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์แอร์ไลน์สามารถรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยส่งทีมเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องบินลำใหม่มารับผู้โดยสารทั้งหมดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสามารถนำผู้โดยสารส่วนที่เหลือเดินทางออกจากสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 01.00 น. ของวันพุธ 22 พ.ค. หรือภายในเวลา 8 ชั่วโมงหลังเที่ยวบิน SQ 321 ลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

ขณะเดียวกันผู้บริหารของสิงคโปร์แอร์ไลน์ Goh Choon Phong ซีอีโอของบริษัท ได้สื่อสารผ่านคลิปทาง Facebook โดยแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต พร้อมบอกรายละเอียดชัดเจนว่าบริษัทจะดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างไร และขั้นตอนจะเป็นอย่างไร

การตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินทั้งหมดนี้ สิงคโปร์แอร์ไลน์ดำเนินการภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังเที่ยวบิน SQ 321 เกิดเหตุฉุกเฉิน สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการให้บริการของสายการบินที่ได้รับการจัดอันดับจาก SKYTRAX ให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2566

เหตุการณ์ตกหลุมอากาศครั้งล่าสุดที่มีระดับความเสียหายค่อนข้างรุนแรง ตอกย้ำว่าในการโดยสารเครื่องบินทุกครั้ง ผู้โดยสารจำเป็นต้องรัดเข็มขัดไม่ว่าจะนั่งหรือนอนราบ 180 องศาก็ตาม เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้แม้ในขณะนั้นจะไม่มีพายุฝนฟ้าคะนองก็ตาม

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ไต้ฝุ่นยางิ’ ทำ ‘เศรษฐกิจเวียดนาม’ เสียหายกว่า 5 หมื่นล้านบาท

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พายุไต้ฝุ่นยางิ ถล่มเมียนมา เวียดนาม ลาว และไทยด้วยกำลังลมที่แรงมาก และทำใ...

ท่วมหนักสุด 'ในรอบ 3 ทศวรรษ' พายุบอริสถล่มยุโรป ผลกระทบจากโลกร้อน

จากหย่อมความกดอากาศต่ำที่ชื่อว่า “พายุบอริส” ส่งผลให้มีฝนตกหนักจากออสเตรียไปจนถึงโรมาเนีย จนเกิด “น้...

ฮามาสโวความสามารถสูง ทำสงครามกาซาต่อได้แม้สูญเสีย

นายโอซามา ฮัมดัน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่นครอิสตันบูลของตุรกี ระบุ “ขบวนก...

สงครามสู้ฮามาสและยอดส่งออกร่วง กดดันจีดีพี ‘อิสราเอล’ Q2 ให้โตเพียง 0.7%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในไตรมาสที่สองชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไ...